ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 435

ตอนที่ 435 หายตัวไป

ดูเหมือนว่าเสียงหัวเราะของนักพรตเฒ่าจะเอิกเกริกไปหน่อย ถึงอย่างไรก็หดหู่อยู่ในสถานกักกันเป็นเวลานาน วันๆ เอาแต่กังวลว่าตัวเองจะถูกลากออกไปกินลูกปืนเมื่อไร การหัวเราะนี้จึงออกจะเกินเบอร์ไปหน่อย

และอาจเป็นเพราะว่าหลังจากดื่มเหล้าแล้วพ่นกลิ่นแอลกอฮอล์ออกไปเต็มปาก กลิ่นค่อนข้างแรงทีเดียว แถมตอนเที่ยงนี้ยังกินกระเทียมที่ร้านอาหารเล็กๆ ไปหลายกลีบอีกต่างหาก

เอาเป็นว่าคนขับวัยกลางคนไม่รู้เป็นอะไรไป จู่ๆ ก็เกิดอาการมือสั่น สมุดการบ้านภาคฤดูร้อนที่เพิ่งจะรับเอาไปดันหล่นลงมาอีกครั้ง และตกลงไปตรงซอกหลังเบาะหน้า

“อ้าว ไม่เป็นไร ข้าช่วยเอ็งเก็บเอง” นักพรตเฒ่าโน้มตัวลงไปเก็บสมุดการบ้านภาคฤดูร้อนขึ้นมาอีกครั้ง และเปิดดูไปเรื่อยเปื่อย

โดยทั่วไปแล้วสมุดการบ้านภาคฤดูร้อนของนักเรียนชั้นประถมประเภทนี้ประกอบไปด้วยสามส่วนคือ ภาษาจีน คณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษ

ถึงอย่างไรนักพรตเฒ่าก็เบื่อๆ อยู่พอดี หรือไม่ก็รู้สึกค่อนข้างคุ้นเคยกับนักเรียนชั้นประถมที่ชื่อ ‘หวังหรุ่ย’ เดาว่าโลกนี้คงมีเด็กที่ชื่อหวังหรุ่ยเยอะสินะ

นักพรตเฒ่ายังไม่ได้เชื่อมโยงความเกี่ยวข้องระหว่างเธอกับหลินเข่อ

“โอ้โห ตัวหนังสือสวยไม่เลวเลยนะเนี่ย ดูตั้งใจเขียนตวัดไปหน่อย แต่เขียนสวยได้ใจจริงๆ โห เขียนบันทึกประจำวันใช้ได้เลยนะเนี่ย วันนี้ฉันอ่านหนังสืออยู่ในร้านหนังสือที่ถนนหนานต้า ฉันอ่านหนังสืออยู่เล่มหนึ่งคือ ‘กระท่อมของลุงทอม’ ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้วรู้สึกเศร้าใจมาก ลุงทอมช่างน่าสงสารจับใจจริงๆ สรุปว่าเขาทำอะไรผิดกันแน่…”

นักพรตเฒ่าตบหน้าผาก บังเอิญจัง ร้านหนังสือของเขาก็เปิดที่ถนนหนานต้าเช่นกัน นึกไม่ถึงว่าโลกนี้จะมีคนสมองทึบคนที่สองเหมือนเถ้าแก่ที่เปิดร้านหนังสือขาดทุนในทำเลทอง ฮ่าๆ เถ้าแก่น่าจะไม่เหงาแล้วใช่ไหม

เมื่อพลิกเปิดไปหน้าที่สอง มีการเขียนบันทึกประจำวันหลังจากหัวข้ออื่นในทุกวัน กำหนดจำนวนตัวอักษรไม่มากนัก และเป็นไปไม่ได้ที่จะกำหนดเงื่อนไขสูงเกินไปสำหรับนักเรียนชั้นประถมต้น

“วันนี้ฉันอ่านหนังสือในร้านหนังสือที่ถนนหนานต้าอีกครั้ง ในร้านหนังสือมีคุณปู่ที่ชื่อว่าลู่ฟ่างเวิงสอนฉันรำไทเก๊กอยู่พักหนึ่ง ชื่อของคุณปู่เหมือนกับตัวอักษรลู่โหยวไม่มีผิดเพี้ยนเลย คุณปู่มีเมตตาและอ่อนโยน แถมยังมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่คนอื่นอีก เขายังเลี้ยงสัตว์เลี้ยงขนปุกปุยเอาไว้อีกหนึ่งตัว มันน่ารักมาก…”

ฮ่าๆ ร้านหนังสือแห่งนั้นก็มีคนชื่อเดียวกับเขาเปี๊ยบเลยแฮะ

บังเอิญจัง

บังเอิญจริงๆ…

นักพรตเฒ่าชะงักไป ถือสมุดการบ้านภาคฤดูร้อนในมือและเงยหน้าขึ้นทันที แต่กลับพบว่าคนขับรถนำรถจอดเทียบข้างทาง ดวงตาจ้องเขาเขม็ง

“ของสิ่งนี้มันมาอยู่ในรถเอ็งได้ยังไง”

นักพรตเฒ่าถามด้วยด้วยความสงสัยเล็กน้อย แม้ว่าจะดื่มเหล้ามา แต่ในเวลานี้ไม่ว่านักพรตเฒ่าจะโง่แค่ไหนก็เดาออกได้ นี่มันสมุดการบ้านภาคฤดูร้อนของสาวน้อยโลลิชัดๆ!

ลำบากสาวน้อยโลลิแล้ว ต้องเขียนบันทึกประจำวันเลียนแบบสำนวนการเขียนของนักเรียนชั้นประถมทุกวัน แถมเจ้าเด็กนี่ยังต้องเขียนอย่างมีความสุขอีกต่างหาก

“คุณรู้จักเธอเหรอ” คนขับวัยกลางคนถาม

“อะ อืม รู้จักสิ สนิทกันเลยละ” นักพรตเฒ่าพยักหน้า

“ในเมื่อสิ่งนี้เป็นของเธอ ข้าจะเอากลับไปด้วยเลยแล้วกัน เฮ้ย อย่าเพิ่งจอดสิ ไปส่งข้างหน้าอีกหน่อย ขับตามรถเมล์สายสี่ไปแล้วก็ขับต่อไปอีกสักพัก ถึงหน้าร้านหนังสือแห่งนั้นแล้วก็จอดให้ข้าลงได้เลย ขอบใจมากเลยนะไอ้น้อง ถึงแล้วเดี๋ยวข้าเลี้ยงชาเอ็ง”

เมื่อได้ยินคำว่า ‘ร้านหนังสือ’ สีหน้าคนขับวัยกลางคนพลันอ่อนโยนขึ้นไม่น้อย

“เดี๋ยวก่อนนะครับ ผมต้องส่งของบางอย่าง สมุดเล่มนี้น่าจะเป็นตอนที่ผมรับออเดอร์ เธอเคยนั่งรถผมละมั้ง”

“ไม่เป็นไรๆ เอ็งทำงานของเอ็งไป ข้าไม่รีบๆ”

นักพรตเฒ่าโบกไม้โบกมือบ่งบอกว่าทำตามใจเจ้าของรถเลย ถึงอย่างไรก็ขอติดรถกลับฟรีอยู่แล้ว โดยทั่วไปแล้วไม่ควรเอ่ยขอบริการอะไรได้

“สมุดการบ้านของสาวน้อยโลลิดันมาอยู่กับข้าที่นี่ซะได้ ทำไมเธอสะเพร่าจัง หรือว่าเขียนหัวข้อปัญญาอ่อนแบบนี้จนรำคาญไปแล้วเลยโยนสมุดการบ้านทิ้งไปเสียดื้อๆ กันนะ ไม่ถูกต้องนี่นา การบ้านก็ทำเสร็จหมดแล้วด้วย” นักพรตเฒ่าพึมพำกับตัวเอง และวางสมุดการบ้านภาคฤดูร้อนไว้ในอ้อมอกเขา คิดว่ากลับไปถึงร้านหนังสือแล้วจะคืนให้เธอ

หากพบว่าสมุดการบ้านของเด็กธรรมดาคนอื่นหล่นอยู่ในรถคนแปลกหน้า นักพรตเฒ่าจะต้องรีบร้อนลนลานแน่ๆ จากนั้นก็จินตนาการเชื่อมโยงว่าเด็กอาจจะเจอกับอันตรายอะไรบางอย่างเข้า

แต่นี่มันของสาวน้อยโลลิเชียวนะ ใครจะเอาเปรียบสาวน้อยโลลิได้บ้าง

การที่นักพรตเฒ่าจะรู้ตัวช้าในเวลาแบบนี้ ที่จริงก็สามารถเข้าใจได้

ครอบครัวไหนทำแมวหายอาจจะร้อนรนเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ครอบครัวไหนทำเสือหายกลับใจเย็น สิ่งที่ต้องเป็นห่วงคือคนที่อยู่ข้างนอกต่างหาก

แต่ว่ามันช่างเป็นพรหมลิขิตจริงๆ เขาเพิ่งจะออกจากสถานกักกันมา ระหว่างทางกลับดันเก็บสมุดการบ้านของสาวน้อยโลลิได้

นักพรตเฒ่ารู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ได้รับพรจริงๆ

‘พลั่ก!’ ในเวลานี้เอง ประตูหลังถูกคนขับรถเปิดออก คนขับพุ่งเข้ามาพร้อมกับผ้าขาวในมือ ผ้าขาวซ้อนทับกันแถมยังเปียกชื้นอีกต่างหาก

นักพรตเฒ่าชะงักไปครู่หนึ่ง และรีบดึงสติกลับมาทันที สองมือจับเบาะนั่งข้างลำตัวพร้อมกับถีบออกไป!

เสียงดังอู้อี้เล็ดลอดเข้ามา คนขับวัยกลางคนถูกนักพรตเฒ่าถีบออกนอกรถจนหงายหลังหัวฟาดพื้นถนน เมื่อเงยหน้าขึ้น สีหน้าของคนขับที่ถูกถีบลงมาเต็มไปด้วยความตะลึงคาดไม่ถึง ทักษะของชายแก่คนนี้ฉับไวไม่เบา

เร่ร่อนพเนจรไปทั่วหล้ามาค่อนชีวิต อย่าเห็นว่าตอนที่เกิดเรื่องขึ้นกับร้านหนังสือ นอกจากนักพรตเฒ่าจะแตะเป้ากางเกงของเขาแล้วก็ไม่มีวิชาอื่นๆ สักนิด และเวลาอื่นส่วนใหญ่นอกจะเป็นกองเชียร์แล้วเขาก็เล่นบทบาทอย่างอื่นไม่เป็น แต่นั่นก็ต้องดูก่อนว่าสิ่งที่เขาเจอมันคืออะไร

หากว่าเป็นพวกปีศาจหรือว่าวิญญาณอะไรพวกนี้ วิธีการของนักพรตเฒ่ามีไม่มากจริงๆ แต่ถ้าเป็นทักษะต่อสู้ของนักพรตเฒ่าถือว่าพอตัวเลยทีเดียว อย่ามองไปที่อายุเจ็ดสิบต้นๆ ถ้าผู้ชายทั่วไปรู้ว่าตัวเองยังมีกำลังวังชาพอไปดูแลหญิงบริการได้ตอนอายุเจ็ดสิบ เดาว่าคงจะดีใจจนแอบซุกตัวอยู่ในผ้าห่มแล้วหัวเราะออกมาดังๆ เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าร่างกายของนักพรตเฒ่าแข็งแรงแค่ไหน!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล