ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 446

สรุปบท ตอนที่ 446 เดินทางเถอะ!: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 446 เดินทางเถอะ! – ตอนที่ต้องอ่านของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนนี้ของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 446 เดินทางเถอะ! จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 446 เดินทางเถอะ!

น่าตื่นเต้น น่าตื่นเต้นจริงๆ เหมือนกับดู ‘กล้องสลับลาย’ ตอนเด็กเลย แต่ตอนนี้คนที่เดินตีฆ้องร้องปาวเล่นเครื่องดนตรีไปตามตรอกซอกซอยเพื่อชักจูงให้คนดูศิลปินแสดงละครโดยแนบผ่านช่องเล็กๆ เริ่มน้อยลงเรื่อยๆ แล้ว คนหลังยุค 90 อาจไม่เคยเห็นเลยด้วยซ้ำ

และครั้งนี้ก็เป็นสไตล์คล้ายคลึงกัน แต่เป็นรูปแบบชวนหวาดกลัวไม่กล้าดู หนึ่ง สอง สาม สี่…เจ็ดคน! ทนายอันหลังจากการกระตุ้นประสาทรับความรู้สึกในตอนแรกผ่านพ้นไปแล้ว ก็ยังมีสตินับเลขในใจ

ผู้หญิงทั้งเจ็ดคนถูกขังอยู่ในนี้ ใบหน้าและเนื้อตัวสกปรกมอมแมม แต่ดูแล้วยังเป็นสาวสวย โดยเฉพาะดวงตาที่เป็นประกาย แถมยังยิ้มให้เขาเล็กน้อย ท่าทางมีมารยาทเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะโดนแอบมอง แต่ก็ยังอ่อนโยนเหมือนสายลม

ซึ่งจริงๆ แล้วทนายอันก็ตกใจเหมือนกัน แต่ถ้าคุณอยากให้เขาร้องตกใจ ‘ว้ายๆๆๆ’ กระโดดไปมา ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนที่ผ่านโลกมาก่อน จึงไม่ตกใจถึงขั้นนั้น

และหลังจากตื่นตกใจ ต่อมาจึงสงบขึ้นมาก กระทั่งทนายอันก็ยิ้มตอบให้พวกเธอ อืม ทุกคนต่างมีมารยาท

“เห็นอะไรเหรอ” โจวเจ๋อที่อยู่ข้างๆ ถามเขา

ทนายอันลุกขึ้นยืน บิดคอ แล้วยื่นไฟฉายให้โจวเจ๋อ บอกให้เขาดูด้วยตัวเอง โจวเจ๋อก็ไม่ปฏิเสธ โน้มตัวขยับเข้าไปใกล้ช่องนั้น แล้วเปิดไฟฉายแล้วส่องเข้าไปด้านใน

ซี้ด…โจวเจ๋อสูดลมเย็นเข้าปาก ในมุมมองของเขา มีผู้หญิงเจ็ดคนกำลังมองเขาอยู่เช่นเดียวกัน แต่มีความแตกต่างจากตอนที่ยิ้มให้ทนายอันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนหน้าคือ ผู้หญิงทั้งเจ็ดคนนี้ทำท่าเหมือนคนบ้าเซ่อซ่า ผู้หญิงคนหนึ่งกอดตุ๊กตาอยู่ในอ้อมอกของตัวเอง ผู้หญิงคนหนึ่งเอียงคอน้ำลายไหล ผู้หญิงคนหนึ่งเงยหน้าแล้วยิ้มอย่างโง่ๆ ผู้หญิงอีกคนหนึ่งนอนหมอบลงไปบนพื้น หันหน้ามาแล้วหัวเราะ ‘เหอะๆๆ’ ให้โจวเจ๋อ ผู้หญิงอีกคนหนึ่งเอาเท้าพิงกำแพงยืนกลับหัวอยู่

พวกเธอแสดงท่าทางต่างๆ แต่กำลังมองโจวเจ๋ออย่างพร้อมเพรียงกันและเป็นระเบียบมาก เป็นระเบียบมากจริงๆ เนื่องจากผู้หญิงที่อยู่ภายในห้องยังคงรักษาท่าทางเดิมไว้โดยไม่ขยับตัว เหมือนนักศึกษากำลังถ่ายรูปรับปริญญา แต่รูปรับปริญญานี้ทุกคนต่างทำท่าเหมือนคนติงต๊อง แต่กลับนำมาซึ่งความน่ากลัวไปอีกขั้น!

โจวเจ๋อลุกขึ้นมองทนายอัน

“เป็นยังไงบ้าง สวยมากใช่ไหม” ทนายอันเอ่ย

“…” โจวเจ๋อ

ตอนนี้รสนิยมของคุณรุนแรงมากขนาดนี้เลยเหรอ

“พวกเธอเป็นผู้รอดชีวิต” ทนายอันคาดเดา

“ทำไมผมรู้สึกว่าพวกเธอเป็นผู้เคราะห์ร้ายมากกว่า” โจวเจ๋อย้อนถาม เพราะภาพที่เห็นแตกต่างกัน ดังนั้นบทสรุปจึงต่างกันเป็นธรรมดา

“ผู้เคราะห์ร้าย” ทนายอันตกตะลึง “ไม่ใช่สิ…”

เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ภายในหมู่บ้านที่แขวนคอตายในตอนนี้ พวกผู้หญิงที่อยู่ในห้องขนาดเล็กนี้ถึงแม้เนื้อตัวจะสกปรกไปหน่อย แต่น่าจะยังมีสติดีอยู่

“ผู้หญิงกลุ่มนี้ถูกขังอยู่ในห้อง ทำไมเหมือนผู้หญิงที่ถูกจับมาขายแล้วกลายเป็นบ้าล่ะ” โจวเจ๋อกล่าว

“เป็นบ้า” ทนายอันงุนงงเป็นอย่างยิ่ง

“ใช่แล้ว เมื่อก่อนมีรายงานข่าวไม่น้อย ต่อให้ผู้หญิงที่โดนจับไปขายจะถูกทารุณจนกลายเป็นบ้า แต่ก็ยังถูกจับขัง กระทั่งพวกเธอโดนบังคับให้ขายบริการถึงขนาดที่ว่าต้องตั้งท้องมีลูกสืบทายาทให้พวกเขา”

“เดี๋ยวก่อน เถ้าแก่” ทนายอันพูดตัดบทของโจวเจ๋อ เมื่อยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกแปลก เขาจึงหยิบไฟฉายมาจากในมือของโจวเจ๋อแล้วก้มตัว จากนั้นส่องเข้าไปในช่องนั้นอีกครั้ง

‘หวึ่ง!’ เสียงสั่นสะเทือนดังออกมา ทนายอันหันข้างทันที แสงสีฟ้าทะลุออกมาจากช่องนั้น ทนายอันตกใจตัวสั่นเพราะตัวเองตาเกือบบอด

‘ตึงๆๆ!!!’ ประตูของห้องเล็กเริ่มถูกกระแทกอย่างรุนแรง กุญแจล็อกประตูสั่นไปมาไม่หยุด เหมือนจะแตกออกได้ตลอดเวลา

“ปล่อยพวกเราออกไป!”

“ปล่อยพวกเราออกไป!”

“ปล่อยพวกเราออกไปเดี๋ยวนี้!!!”

“ขอร้องเถอะพวกคุณปล่อยฉันไปเถอะ ปล่อยฉันออกไป ปล่อยฉันออกไปเถอะ!!!” เสียงร้องไห้วิงวอนดังมาจากในห้องเล็ก ผู้หญิงที่อยู่ข้างในร้องไห้จนเสียงแหบแห้ง

ทนายอันขมวดคิ้วลุกขึ้น ยื่นมือไปลูบกุญแจโดยไม่รู้ตัว แต่เขาก็หยุดมือ แล้วมองไปที่โจวเจ๋อ “เปิดหรือไม่เปิด เถ้าแก่” ถึงเวลาต้องแบกความผิด ดังนั้นจึงต้องถามเถ้าแก่ก่อน

“ไม่เปิดก็ไม่มีความหมายอะไร” โจวเจ๋อมองทนายอัน “แม่กุญแจตัวเดียว สามารถขังพวกเธออยู่เหรอ”

ขณะที่พูด โจวเจ๋อเดินไปข้างหน้า แล้วใช้เล็บของตัวเองไขกุญแจ

‘ปึง!’ หลังจากแม่กุญแจหัก แสงสีฟ้าทั้งเจ็ดจึงกรูกันออกมา ล้อมตัวของพวกโจวเจ๋อทั้งสองคน ผู้หญิงที่มีใบหน้าบิดเบี้ยวทั้งเจ็ดคนมองไปที่คนทั้งสอง ในแววตาของผู้หญิงเหล่านี้เต็มไปด้วยความโกรธแค้นอย่างลึกซึ้ง มีแต่คนที่โดนทรมานเป็นเวลายาวนานเท่านั้น ถึงจะเข้าใจความแค้นที่น่ากลัวที่สะสมมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

โจวเจ๋อแบมือ เพื่อบอกว่าตัวเองไม่มีเจตนาร้าย ขณะเดียวกันก็ยังโยนแม่กุญแจที่อยู่ในมือทิ้งไปบนพื้น สักพักหนึ่ง เงาร่างทั้งเจ็ดเริ่มหมุนตัว ถอยห่างไกลออกไป และไม่โจมตีพวกโจวเจ๋อทั้งสองคน

พวกผู้ชายก็เป็นอย่างนี้ มองนิดๆ หน่อยๆ ไม่เสียหายหรอก เพียงแต่ปัญหาของการกินข้าวแก้ไขได้ด้วยน้ำดอกพลับพลึงแดง แต่ปัญหาของการนอนหลับจะแก้ไขอย่างไร

โจวเจ๋อกับทนายอันผู้ชายตัวใหญ่สองคนนอนกอดกันยังได้ผลไม่ถึงครึ่งหนึ่งของตอนที่อยู่กับไป๋อิงอิง โจวเจ๋อนั่งพิงเก้าอี้รู้สึกคิดถึงอิงอิงขึ้นมาในทันใด คิดถึงอย่างสุดซึ้ง

และไม่รู้ว่าอิงอิงจะเจออันตรายอะไรไหมในหมอกหนาพวกนี้ เธอน่าจะไม่เป็นไรใช่ไหม ส่วนนักพรตเฒ่า ดูเหมือนโจวเจ๋อจะลืมไปแล้วว่าออกมากับนักพรตเฒ่าเหมือนกัน

ทนายอันเดินหาโทรศัพท์ตามบ้านเรือนได้สองสามเครื่อง แต่โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ ใช้งานไม่ได้เลย เล่นได้แค่เกมในโทรศัพท์เท่านั้น

“ยอมแพ้เถอะ คุณเคยเห็นหนังผีที่ไหนโทรศัพท์ใช้งานได้ปกติมั่ง” โจวเจ๋อพูดปลอบใจ

ทนายอันพยักหน้า เดินไปที่หน้าประตู ถึงแม้จะมืดค่ำแล้ว แต่หมอกก็ยังไม่จางหาย ทว่าต่อจากนั้น พลันมีเสียงแสบแก้วหูดัง ‘เปรี๊ยะ’ ดังมาจากข้างนอก เหมือนจะสั่นสะเทือนไปทั่วหมู่บ้าน

นี่คือเสียงของแส้!

“ยมโลกมีกฎระเบียบ คนตายต้องเดินทาง!!!!!!!” เสียงตะโกนสูงต่ำเป็นจังหวะน่าฟังดังเข้ามา

โจวเจ๋อกับทนายอันสบตากันอย่างรวดเร็ว มองเห็นความตกใจในแววตาของกันและกัน แม่งเอ๊ย ท่ามกลางหมอกหนาแปลกพิลึกกับหมู่บ้านที่ไม่มีคนเป็น ดันมียมทูตโผล่ออกมาอีก

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่” โจวเจ๋อลุกขึ้น เดินไปที่หน้าประตู

เวลานี้ โจวเจ๋อมองเห็นคนในบ้านหลังนี้หลุดพ้นจากการ ‘แขวนคอ’ เดินออกมาจากในบ้าน และบ้านที่อยู่ตรงข้ามพวกเขา คนที่แขวนคอตายก็เดินออกมา ทุกคนตัวโอนเอนเดินมาอยู่บนถนน เดินเรียงกันเป็นแถวอย่างมีระเบียบออกไปที่หน้าหมู่บ้าน

‘เปรี๊ยะ!’ เสียงแส้ดังขึ้นอีกครั้ง “ยมโลกมีกฎระเบียบ คนตายต้องเดินทาง!!!”

“อยู่หน่วยงานเดียวกัน จะไปทักทายไหม” โจวเจ๋อถามทนายอัน แต่เขาไม่ขยับ

“ใช่แล้ว ไม่แน่อีกฝ่ายคงเห็นว่าอยู่หน่วยงานเดียวกัน เขาอาจจะแบ่งคนให้พวกเราทำคะแนนบ้าง จากนั้นก็หารถแล้วพาพวกเราออกจากภูเขาใหญ่ ถ้ามีน้ำใจอีกหน่อย ก็เลี้ยงข้าวพวกเราสักมื้อ จากนั้นอาจจะให้สินค้าพื้นเมืองอีกก็เป็นได้ ควรทราบว่า พวกยมทูตอย่างพวกเราที่อยู่ในนรก เป็นพวกที่มีน้ำใจกระตือรือร้นที่สุดและชอบต้อนรับแขกมากที่สุด” ทนายอันผสมโรง แต่เขาก็ไม่ขยับเหมือนกัน

พวกเขาต่างรู้ดี นั่นก็คือสถานที่ที่คนตายทั้งหมู่บ้านที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาเช่นนี้ แต่กลับมียมทูตคอยนำทาง นี่ช่างเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ อ้อไม่ ช่างมีใจรักในอาชีพมากเหลือเกิน!

………………………………………………………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล