ตอนที่ 463 การกลับมา!
คนน่ากลัวและไม่ควรหาเรื่องด้วยกลับไปแล้ว ส่วรนเรื่องกรณีของจูเซิ่งหนาน อย่างไรก็ต้องคิดบัญชีอยู่ดี ไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายเคยก่อเรื่องที่ทงเฉิงมาก่อน และตอนนั้นถ้าโจวเจ๋อและทนายอันจัดการได้ไม่ดี โจวเจ๋อจะต้องรับโทษจากยมโลก ตอนนั้นเถ้าแก่โจวได้เตรียมใจหลบหนีผู้ตรวจสอบจากยมโลกที่จะมาไล่ฆ่าเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้สาวน้อยโลลิได้ขาดการติดต่อในกภายหลัง ดูเหมือนอีกฝ่ายจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเขตภูเขาด้วยเช่นกัน
ทว่าจะไม่คิดบัญชีตอนนี้ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องรอให้อิงอิงพากายเนื้อของเขาตัวเองมาก่อน เมื่อได้กายเนื้อคืนแล้วค่อยว่ากัน ก็เหมือน ‘บันทึกการออกตรวจราชการนอกเครื่องแบบของฮ่องเต้คังซี’ เมื่อไม่มีเสื้อคลุมมังกร ฮ่องเต้ก็ทำตัวไม่ถูก
หลังจากผ่านเหตุการณ์ตอนนั้นแล้ว โจวเจ๋อกับจางเยี่ยนเฟิงจึงไม่กล้านั่งตามถนนใหญ่อย่างเปิดเผยอีก เหล่าจางหยิบโทรศัพท์ออกมา เดิมทีเขาอยากจะเรียกรถแล้วพาโจวเจ๋อไปที่สถานีรถไฟความเร็วสูงเพื่อรออิงอิงและพรรคพวกคนอื่นๆ เขาอย่างน้อยก็จะได้ประหยัดเวลาลงจากสถานีรถไฟความเร็วสูงมาตามหาคน และที่สำคัญที่สุดคือ จะได้ไม่รอนาน เพราะยิ่งเวลาเนิ่นนานอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นได้ เมื่อกี้๊ตอนที่นั่งอยู่บนถนนก็เจอยมทูตท้องถิ่น
แต่ที่บังเอิญก็คือ แอปเรียกรถแท็กซี่หยุดให้บริการยามดึกสัปดาห์นี้พอดี จึงเรียกรถไม่ได้และรถแท็กซี่ก็หายาก สุดท้ายเหล่าจางก็หมดหนทาง จึงแสดงบัตรของเจ้าหน้าที่ตำรวจกับพนักงานในไปที่ร้านสะดวกซื้อเพื่อยืมรถจักรยานไฟฟ้าของเธอ เขาสตาร์ทรถจักรยานไฟฟ้า จุดหมายปลายทางคือสถานีรถไฟความเร็วสูง ออกเดินทางได้!
เนื่องจากเขาขับรถเร็วตลอดทาง ดังนั้นรถจักรยานไฟฟ้าจึงสะเทือนเล็กน้อย โจวเจ๋อถูกมัดอยู่ตรงนั้น แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะร่วงลงมา
“เหล่าจาง…”
“อืม เถ้าแก่”
“ชาตินี้ผมยังไม่เคยนั่งรถแบบนี้มาก่อน”
“ตอนเด็กไม่เคยนั่งรถของพ่อตัวเองเหรอ”
คาดว่าคนส่วนใหญ่คงเคยซ้อนท้ายนั่งข้างหลังรถของพ่อในวัยเด็ก โดยเฉพาะในยุค 80 กับ 90 เพราะหลังจากปี 2000 เป็นต้นไปพ่อแม่ส่วนใหญ่จะซื้อรถยนต์ค่อนข้างเยอะ
“ผมเป็นเด็กกำพร้า โตมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า”
“อ้อ ขอโทษครับ เถ้าแก่”
“ไม่เป็นไร เรื่องมันนานมาแล้ว อ้อใช่ คุณเคยนั่งไหม”
“เคยนั่ง เมื่อก่อนผมพ่อนั่งรถจักรยานยุคปลดแอกของพ่อผมเป็นประจำ ช่วงที่มีความสุขมากที่สุด ก็คือพ่อของผมใส่ชุดตำรวจขี่รถจักรยานใส่ชุดตำรวจส่งผมไปโรงเรียน พวกเพื่อนนักเรียนต่างอิจฉาผม”
“ดีจริงๆ”
ผู้ชายที่มีอายุจิตใจอยู่ในวัยกลางคนสองคนนั่งรถจักรยานไฟฟ้าด้วยกันตอนกลางคืน คุยเรื่องในวัยเด็ก ข้างๆ ยังมีร้านปิ้งย่างที่ยังไม่ได้เก็บร้าน เปิดเพลง ‘เรื่องราวของกาลเวลา’ ของหลัวต้าโย่ว ดูเข้ากับบรรยากาศเป็นอย่างมาก
“เถ้าแก่ มีวิธีอะไรสามารถเพิ่มทำให้ตัวเองเพิ่ม ทำให้ตัวเองเพิ่มๆ…”
“คุณอยากพูดว่าพลังใช่ไหม”
“อืม” ยิ่งนานเหล่าจางยิ่งรู้สึกว่าตัวเองมีประโยชน์น้อยที่สุด
“จริงๆ แล้วคุณไม่ต้องคิดเรื่องพวกนี้”
“หืม”
“คุณตั้งใจเป็นตำรวจก็พอ ตอนแรกที่ผมช่วยคุณ มอบหนังสือรับรองยมทูตให้คุณ ก็ไม่ได้คิดอยากให้คุณช่วยหรือสนับสนุนอะไรผม”
“อย่างนั้นทำไม”
“แค่รู้สึกว่า คุณเป็นตำรวจที่ดี ตายแล้วน่าเสียดายเกินไป ง่ายๆ แค่นั้นเอง”
“…” จางเยี่ยนเฟิง
“เหล่าจาง คุณอยากเป็นตำรวจ ก็ตั้งใจเป็นตำรวจไปเถอะ เรื่องอื่น ผมจะไม่รบกวนคุณหรอก คุณเป็นตำรวจที่ดีอย่างสบายใจได้เลย อย่าไปฟังทนายอันพูดมั่วที่ว่าช่วยคุณเป็นการลงทุนที่ล้มเหลว พูดจริงๆ นะ ผมรู้สึกว่าไม่มีอะไรเสียหาย บนโลกนี้ มีตำรวจที่ดีอีกเยอะ แต่ตำรวจที่ดีอย่างคุณ มีไม่มากจริงๆ คุณคิดว่า คนเรามีชีวิตอยู่ มัวแต่ทำในเรื่องที่เป็นผลประโยชน์ แต่ในความเป็นจริง ที่ทำงานลำบากต่างๆ นานา จุดประสงค์ของความลำบาก จริงๆ แล้วคืออยากมีอิสระให้ตัวเองสบายได้ทำเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์เท่านั้นเอง”
“เถ้าแก่ อย่าพูดเลย”
“อืม มันสะเทือนอารมณ์เกินไปใช่ไหม”
“น้ำตาไหลแล้ว มองทางไม่เห็น ถ้าหากพวกเรารถชนตายทั้งคู่ จะทำยังไง”
“อืม ผมช่วยคนไม่ได้เรื่องอย่างคุณ ถ้าหากยังปล่อยให้คนไม่ได้เรื่องอย่างคุณขับรถชนจนแล้วชนตายอีก คงจะเสียหายหนัก”
“…” จางเยี่ยนเฟิง
รถจักรยานไฟฟ้าขับมาด้วยความเร็วตลอดทาง ในที่สุดก็มาถึงสถานีรถไฟฝั่งตะวันตกของสวีโจว ทั้งสองคนนั่งอยู่ริมสวนดอกไม้นอกสถานีรถไฟ รอคอยไปเรื่อยๆ ผ่านไปไม่นาน โทรศัพท์ของเหล่าจางดังขึ้น เป็นสายของไป๋อิงอิง
“ฮัลโหล เถ้าแก่ พวกเราถึงชานชาลาแล้ว ท่านคุณอยู่ที่ไหน ตอนนี้ข้าฉันกำลังแบกร่างของท่านคุณอยู่!”
เมื่อคิดว่าสาวน้อยวัยมัธยมปลายคนหนึ่งกำลังแบกร่างของตัวเองเดินอยู่ท่ามกลางผู้คนที่เดินไปมาขวักไขว่ โจวเจ๋อรู้สึกว่าเป็นภาพที่ประหลาดมากเป็นพิเศษ
แน่นอนว่า เธอไม่สามารถอุ้มเดินได้โดยตรง น่าจะห่อด้วยผ้าห่มปิดบังเอาไว้ แต่ไป๋อิงอิงเหมือนหญิงแกร่งที่เข้าเมืองทำงานแบกหามหาเงินเพื่อรักษาสามีของตัวเอง แบกห่อผ้าขนาดใหญ่กว่าตัวเองอยู่ในสถานีรถไฟ ซี้ดหึๆ ทนดูฉากนี้ไม่ได้จริงๆ
“เถ้าแก่ ข้าฉันกำลังจะออกจากสถานีแล้ว ท่านคุณรอเดี๋ยวนะ!”
“อืม”
เมื่อวางสายแล้ว โจวเจ๋อจึงโยนโทรศัพท์ให้จางเยี่ยนเฟิง
“ได้ร่างกลับมาแล้ว ต่อไปจะทำอะไร” จางเยี่ยนเฟิงถาม
…
โจวเจ๋อที่มีหน้าอกยุบเข้าไป ขาเป๋ ขมับมีรูกระสุนชัดเจน ตอนนี้กลับรู้สึกฮึกเหิมเป็นพิเศษ แต่จะโทษเถ้าแก่โจวไม่ได้ที่จู่ๆ เกิดอารมณ์คึกคักแบบนี้ ขัดกับภาพคุ้นชินที่ตัวเขาเป็นปลาเค็มมาตลอด เพราะปลาเค็มเป็นการใช้ชีวิตที่สบายและเงียบสงบรูปแบบหนึ่ง แต่เถ้าแก่โจวหลังจากออกมาจากนรกได้หนึ่งสัปดาห์ ถ้าไม่ได้ถ่ายรูปร่วมกับเตาเผาศพก็คือเต้นอยู่ในห้องเก็บศพ เขาจึงรู้สึกอึดอัดนานมากนานมากจริงๆ เขาทนไม่ไหวอยากจะหาที่ระบายอารมณ์ให้ตัวเอง!
ปลาเค็ม ก็มีอารมณ์เหมือนกัน มิหนำซ้ำนั่นยังเป็นศัตรูเก่า ชายชราคนนั้นหรือไม่ก็แก๊้งที่อยู่เบื้องหลังของชายชรา เหตุการณ์ในทงเฉิงเกือบจะทำให้เถ้าแก่โจวกลายเป็นนักโทษ และแค้นนี้ ถูกผูกเป็นเงื่อนตายมานานแล้ว
อีกฝ่ายแอบยุยงบงการอยู่เบื้องหลังสองสามเรื่อง จงใจจุดประกายอารมณ์ของจูเซิ่งหนานกับวิญญาณของผีผู้หญิงที่โดนจับมาขาย ผลักพวกเธอให้อยู่ในเกลียวคลื่น ปล่อยให้พวกเธอฆ่าฟันอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นพวกเขาก็นั่งรอฉกฉวยผลประโยชน์ไปแทน
เขาคิดว่าแค้นส่วนตัวกับ แค้นส่วนรวม ต้องแก้แค้นพร้อมกัน เขากำหมัดและถูไปมา ร่างกายหนอ ทำไมยังไม่มาอีก จะรอไม่ไหวอยู่แล้ว
“ทำไมยังไม่ออกมา” โจวเจ๋อพูดอย่างสงสัย และตอนนี้โทรศัพท์ของจางเยี่ยนเฟิงได้ดังขึ้นอีกครั้ง จางเยี่ยนเฟิงลุกขึ้นมองไปรอบๆ และรับสายในเวลาเดียวกัน
“อิงอิง พวกเราอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าสถานี พวกคุณอยู่ที่ไหน อะไรนะ พวกคุณก็อยู่หน้าประตูเหรอ ทำไมถึงไม่เห็นพวกคุณล่ะ เป็นไปไม่ได้ พวกเราก็อยู่ ผมใส่ชุดตำรวจ เถ้าแก่ถูกห่อตัวอย่างมิดชิด คุณลองมองหาให้ดี หาอีกทีพวกเราอยู่หน้าประตูจริงๆ พวกคุณอยู่ที่ไหนเหรอ ผมจะไปหาพวกคุณ ต้องหาเจอแน่นอน เป็นไปไม่ได้ที่จะหาไม่เจอ พวกเราคนเป็นแท้ๆ ถึงสองคน… พวกเราสองคนยืนอยู่ตรงนี้”
โจวเจ๋อยื่นมือจิ้มไหล่ของจางเยี่ยนเฟิงเบาๆ จางเยี่ยนเฟิงผละจากโทรศัพท์มองโจวเจ๋อด้วยความสงสัย
“เหล่าจาง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล