ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 477

ตอนที่ 477 ดอกพลับพลึงแดงเบ่งบาน!

เมื่อมาถึงสถานที่ฟ้าก็มืดแล้ว นักพรตเฒ่าเป็นคนเลือกร้านเองมีชื่อว่า ‘สุกี้เนื้อหมาหวังหมาจื่อ’ เปิดอยู่ริมทางและตรงข้ามเป็นวิวแม่น้ำที่สวยงาม ทว่าโต๊ะเก้าอี้หลายตัวของร้านนี้ถูกวางอยู่ฝั่งตรงข้าม วางพิงอยู่ตามริมน้ำ

โจวเจ๋อและคนอื่นๆ เลือกนั่งที่ริมน้ำ ทนายอันวางกระเป๋าเดินทางไว้อยู่ข้างๆ โดยใส่ชายชราใส่แวนกันแดดไว้อยู่ในนั้น

การสอบถามยังไม่เริ่มต้น ทุกคนออกมากินข้าว แน่นอนว่าจะไม่ปล่อยให้ชายชราอยู่ในโรงแรมเพียงลำพัง ดังนั้นจึงต้องพกติดตัวถึงจะสบายใจ

ร่างแยกทั้งสามของชายชราถูกทำลายแล้ว เท่ากับเป็นเสือที่ไร้เขี้ยว ไม่มีความน่าเกรงขามมากเท่าไร แต่คนประเภทนี้ ถ้าคุณไม่จับตามองตลอดเวลา คงจะไม่ได้จริงๆ ส่วนจะทารุณอะไรไหม ยังไม่มีใครพิจารณาในจุดนี้

ชายชราคอยยุยงส่งเสริมก่อเรื่องไปทั่วอยู่พักหนึ่ง ถ้าบอกว่าหากจะพูดถึงเรื่องของหมู่บ้านค้ามนุษย์ที่ยังพอจะนับว่าฝืนทำให้คน ‘ชอบใจ’ แล้ว อย่างนั้นเรื่องที่เขาช่วยจูเซิ่งหนานที่ทงเฉิงครั้งที่แล้ว จนเกือบจะแย่ปล่อยให้ผีนับร้อยหลุดอีกออกจากกรงมาสร้างหายนะ คนแบบนี้จะรู้สึกเห็นอกเห็นใจใครได้

อิงอิงหยิบทิชชูเปียกมาผ้าชุบน้ำเช็ดโต๊ะ เธอรู้สึกว่าที่นี่มีสภาพค่อนข้างแย่ จึงกลัวว่าเถ้าแก่ของตัวเองจะไม่ชอบ

นักพรตเฒ่ากลับมีความสนิทสนมกับเถ้าแก่ของร้านนี้ ตอนนี้จึงเข้าไปสั่งอาหารที่ด้านหลังครัวแล้วยังไม่กลับมา

เนื้อหมาในอำเภอเพ่ยมีชื่อเสียงมากมาตลอด ขุนศึกคู่ใจของหลิวปัง หรือก็คือฝานไคว่ขว้คือผู้กอบกู้ในงานเลี้ยงที่หงเหมิน และมีการค้าขายเนื้อหมาที่อำเภอเพ่ยเมื่อนานมาแล้ว วัฒนธรรมเนื้อหมาในอำเภอเพ่ยจึงถูกถ่ายทอดสืบมาด้วยเหตุนี้

มีหลายคนที่ไม่ชอบกินเนื้อหมา หนึ่งคือกินไม่ลง สองคือเนื้อหมามีกลิ่นเหม็นสาบที่ทำให้คนบางส่วนไม่ชอบเป็นอย่างมาก แต่สำหรับคนที่ชอบรสชาติแบบนี้ กลับลืมรสชาติที่หอมหวานของมันไม่ลง

เสียดายที่ตอนนี้ยังไม่เข้าหน้าหนาว รอให้ถึงหน้าหนาวก่อน ทางที่ดีที่สุดคือมีหิมะตกเล็กน้อย สุกี้เนื้อหมาหนึ่งหม้อเสิร์ฟพร้อมกับเหล้่าขาวครึ่งขวด นั่นถึงจะเป็นความเพลิดนเพลินเหมือนดั่งเทพเซียนของจริง

โจวเจ๋อไม่ค่อยสนใจเรื่องกินมากเท่าไร ในเมื่อนักพรตเฒ่ากับทนายอันเน้นอยากกินอันนี้จริงๆ ตัวเองก็ต้องตกลง

นักพรตเฒ่ากลับมาแล้ว มาพร้อมกับผู้ชายวัยกลางคนรูปร่างกำยำอีกหนึ่งคนมาด้วยอีกหนึ่งคน ดูแล้วมีมาดไม่เลว

“มาๆๆ ผมเลือกเนื้อด้วยตัวเองเลย พวกคุณเป็นเพื่อนของเหล่าลู่ ก็คือเพื่อนของผมหวังหมาจื่อ ผมขอดื่มให้ทุกคนก่อนหนึ่งแก้วครับ!” การพูดทักทายลูกค้าตามมารยาท ดื่มเหล้าคารวะ และลูกค้าเป็นมารยาท ยื่นบุหรี่ เป็นเรื่องปกติตามภัตตาคารเล็กๆ ในชนบทหลายแห่ง แต่ภัตตาคารนี้ที่มีชื่อเสียงขนาดนี้ แล้วยังกล้ามาดูการจัดโต๊ะเก้าอี้ไว้ริมแม่น้ำฝั่งตรงข้ามถนนแบบนี้ จึงสามารถมองออกว่าเถ้าแก่ร้านนี้มีเส้นสายที่แข็งแกร่งความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างสนิทสนมแน่นอน

และดูจากทิวทัศน์ในตอนนี้ ถึงแม้ไม่ต้องตรวจสอบอะไร ในวันปกติร้านอาหารบางแห่งถ้าอยากจะจัดโต๊ะเก้าอี้ไว้หน้าทางเข้าร้านก็จะไม่ได้รับอนุญาตอยู่แล้ว จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงเอาไปวางไว้ฝั่งตรงข้ามถนนโน่น

หวังหมาจื่อเอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งถือแก้วเหล้า ดื่มเหล้าคารวะด้วยมาดที่มั่นใจอย่างเต็มที่ โจวเจ๋อกับทนายอันจึงหยิบแก้วเหล้าขึ้นมา แล้วจิบเหล้าพร้อมกับเถ้าแก่ร้านนี้

หวังหมาจื่อเห็นว่าโต๊ะนี้ดูไม่ค่อยมีชีวิตชีวา จึงรู้สึกไม่ค่อยสะใจเท่าไร แต่เขาไม่ถึงขั้นต้องแสดงออกมา แค่แล้วจึงไม่รั้งอยู่นาน จากนั้นจึงสูบบุหรี่คนละมวนกับนักพรตเฒ่า แล้วจึงเดินออกไป

“ข้าเลือกเนื้อเรียบร้อยแล้ว รับรองความสดใหม่!” นักพรตเฒ่าหลังจากนั่งลงก็ทำท่าเหมือนจะอดใจรอไม่ไหวแล้วเขาเป็นคนเดียวที่มีความต้องการอาหารอร่อยท่ามกลางคนสองสามคนนี้

“ฮิๆ เถ้าแก่ร้านนี้ ข้ารู้จักกับเขามานานแล้ว เมื่อก่อนรู้จักพ่อของเขาก่อน ตอนนั้นหวังหมาจื่อยังเด็ก เพิ่งเรียนชั้นประถมเอง ข้ายังเคยให้พรพ่อของเขามาด้วย”

“จากนั้นล่ะ” เนื้อหมายังไม่มาเสิร์ฟ ทนายอันจึงหยิบถั่วลิสงใส่ปากเคี้ยวก่อน เขาเพิ่งจะดื่มน้ำดอกพลับพลึงแดงเข้าไปเตรียมตัวกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เขารู้สึกอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก

“ขาโดนระเบิดขาดตอนเป็นที่อยู่แนถวหน้าที่เหล่าซานของภูเขาเก่า”

“เอ่อ…” ทนายอัน

“นักพรตเฒ่า คุณแน่ใจนะว่าอีกสักพักหวังหมาจื่อจะไม่วางยาพิษในเนื้อหมาให้พวกเรา” โจวเจ๋อพูดด้วยความกังวลอยู่บ้าง

“ไม่หรอกๆ ครอบครัวของพวกเขาขอบคุณข้าจะตายไป ถ้าหากไม่ใช่เพราะข้าเคยให้พรพวกเขา พวกเขาอาจจะโดนระเบิดตายไปหมดแล้ว”

“เหอะๆ ครอบครัวนี้มีจิตใจที่ดีจริง” ทนายอันหัวเราะ

“ข้าเคยเจอหวังหมาจื่อเมื่อสองสามปีก่อน ตอนนั้นเขายังเป็นตำรวจในสถานีตำรวจอยู่ ยังไม่ได้เปิดร้านอาหารนี้หลังจากคุยกัะบข้าแล้ว ข้าจึงได้ให้พรเขา”

“ครั้งที่แล้วก็ยังงั้นครั้งนี้ได้ผลสินะ กิจการร้านนี้จึงดีไม่น้อย น่าจะค้าขายร่ำรวย” ทนายอันเอ่ย

“อย่า รอเดี๋ยว มีอะไรผิดปกติเล็กน้อย” โจวเจ๋อจำได้ถึงสีหน้าและท่าทางของหวังหมาจื่อตอนที่ดื่มเหล้าคารวะตอนนั้นยังรู้สึกว่าเถ้าแก่คนนี้ตั้งใจวางมาดทำให้ดูเอิกเริก ตอนนี้ลองมาคิดอีกทีดูเหมือนจะไม่ใช่ “ฟังนักพรตเฒ่าพูดจบแล้วคือเคยเป็นตำรวจมาก่อนใช่ไหม”

“ดูเหมือนจะมีอันธพาลสองคนจับคนเป็นตัวประกัน ตอนที่หวังหมาจื่อจึงพุ่งเข้าไปเพื่อช่วยตัวประกัน เพื่อปกป้องตัวประกันแขนของตัวเองจึงได้รับบาดเจ็บ จากนั้นจึงต้องตัดแขน”

‘“พรืด…’” ทนายอันเกือบสำลัก โจวเจ๋ออดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า

นักพรตเฒ่าคนนี้ มีความแค้นอะไรกับพ่อลูกคู่นี้ คนหนึ่งขาขาด อีกคนหนึ่งแขนขาด พ่อลูกสองคนนี้ไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้ ถึงได้มาพอมาเจอนักพรตเฒ่า แถมยังถึงได้เชิญคนที่มีวิชางูๆ ปลาๆ แบบนี้มาช่วยอธิษฐานให้พรกับตัวเองอีก

“เขาก็เด็ดเดี่ยวดวงแข็งเหมือนกัน เลิกเป็นตำรวจไปเลย แล้วตัวเองก็มาเปิดร้านขายเนื้อหมา หลายปีที่ผ่านมากิจการรุ่งเรืองมาก” นักพรตเฒ่าพูดพลางชี้ไปรอบๆ “เจ้าดูโต๊ะเก้าอี้พวกนี้สิ เถ้าแก่ร้านอื่นยังไม่กล้าเอามาวางแถวนี้เลย แต่เขากล้า พ่อลูกคนสองรุ่นคู่นี้ คนหนึ่งขาขาดเพื่อประเทศชาติ อีกคนหนึ่งแขนขาดเพื่อประชาชน การครอบครองถนนเล็กน้อย ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าว่าอะไร ใช่ไหมล่ะ”

โจวเจ๋อกับทนายอันพยักหน้า เมื่อเทียบกับคนที่เกิดมาก็และได้รับสิทธิพิเศษและการปฏิบัติคนละระดับที่ไม่เท่าเทียมแล้ว การอุทิศตนของสองพ่อลูกคู่นี้ที่ต้องอุทิศตนถึงสองรุ่นถึงและได้รับสิทธิพิเศษเล็กน้อยเช่นนี้ สามารถทำให้ประชาชนรับได้อยู่บ้าง

“ถึงขนาดนี้แล้ว คุณยังเป็นเพื่อนรักกับครอบครัวของพวกเขาได้อีกเหรอ” ทนายอันถาม

“ได้สิ ตอนนั้นคนร้ายใช้มีดแทงไปที่หน้าอกของหวังหมาจื่อ ถ้าพลาดอีกนิดเดียวก็แทงโดนหัวใจแล้ว โชคดีมากๆที่รอดมาได้ ต้องขอบคุณคาถาให้พรของข้า”

“…” โจวเจ๋อ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล