ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 50

ตอนที่ 50 ดวงตาสีแดงก่ำ…คู่นั้น!

“ท่านอยู่ในตำแหน่งนี้มาตั้งนานแล้ว ยังไม่รู้อีกหรือว่าจริงๆ แล้วที่นี่ออกทางด้านหลังได้น่ะ”

ประตูหลังในที่นี่ไม่ได้หมายถึงกฎความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล แต่หมายถึงความจริงที่ว่านอกจากวัดขงจื๊อจะมีประตูหน้าแล้วยังมีประตูหลังอีกด้วย

โลกนี้ไม่มีความรักที่ไร้เหตุผล ไร้ที่มา ขนมเปี๊ยะสอดไส้ที่ตกลงมาจากฟ้า จากตามการคำนวณทางกลศาสตร์แล้วก็สามารถฆ่าคนได้

ถ้าชายแคระชราพูดถึงตัวเองแค่สองสามประโยค แล้วพูดคำลึกลับยากที่จะคาดเดาบางอย่างท่ามกลางเมฆหมอก เลียนแบบปรมาจารย์ผู้ที่เคาะท้ายทอยให้ซุนหงอคงสามครั้ง บางทีโจวเจ๋ออาจจะคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนและรู้สึกว่าสมจริงและเรียบง่ายมากกว่ากระมัง

แต่จุดอ่อนก็คือชายแคระชรากระตือรือร้นมากเกินไป จนกระทั่งโจวเจ๋อรู้สึกว่าไม่สมจริงเล็กน้อย

หรือว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เริ่มมีกระแสความวุ่นวายของการทำความดีในแวดวงภูตผีเกิดขึ้นกันนะ

โดยเฉพาะหลังจากที่ชายชราปฏิเสธที่จะเข้าไปในวัดขงจื้อกับตัวเอง ในใจของโจวเจ๋อก็ผุดเตือนถึงความระมัดระวังและรอบคอบขึ้นมาเล็กน้อย วัดขงจื๊อนั้นไม่ได้ใหญ่โตมาก โจวเจ๋อเดินเข้าไปทางประตูหน้าแล้วอ้อมออกทางประตูหลังในทันที

ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าการเลือกของโจวเจ๋อนั้นถูกต้อง

อย่างที่ชายชราพูดมาทั้งหมดเองว่า คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ นับประสาอะไรกับผี

นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้โจวเจ๋อรู้สึกว่ามันออกเหลวไหลไปหน่อย ก็คือสาเหตุที่ชายชราต้องการแก้แค้นตัวเองดันเป็นเพราะเรื่องนั้น…

ตัวเองได้ช่วยชีวิตผู้ป่วยไว้รายหนึ่ง จากนั้นครึ่งเดือนต่อมาผู้ป่วยรายนั้นก็ประสบอุบัติเหตุเมาแล้วขับ และแม้แต่หลานชายของชายแคระชราก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตร่วมกันในเวลานั้นด้วย

คิดไม่ถึงว่าชายแคระชราจะโทษตัวเองจริงๆ คิดว่าหากตอนแรกตัวเองไม่พยายามช่วยชีวิตผู้ป่วยกลับมาอย่างเต็มที่ละก็หลานชายของเขาคงไม่ตาย

ช่างเป็นวงจรสมองที่ยอดเยี่ยมจริงๆ

“ชาติที่แล้วผมเป็นแพทย์คนหนึ่ง การรักษาและช่วยชีวิตคนมันคือหน้าที่ของผม” โจวเจ๋อพูดยิ้มๆ “ผมไม่คิดว่าตัวเองทำผิดอะไร ท่านแค้นผม คับแค้นจนกระทั่งพามาถึงจุดนี้ ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี บางทีท่านอาจจะเพียงคิดว่าลูกหลานรุ่นหลังถูกตัดสายสัมพันธ์ไปแล้ว ตัวเองปรนนิบัติรับใช้รูปปั้นดินเผานี้มาหกสิบปีโดยเปล่าประโยชน์จนกลายเป็นคว้าน้ำเหลว ดังนั้นเลยมีความอาฆาตแค้นอยู่ในใจ จนอยากจะหาคนเพื่อระบายมันออกมา ท่านก็เลยเลือกข้าสินะ”

ชายแคระชราจ้องโจวเจ๋ออย่างจะกินเลือดกินเนื้อ พลางเลียริมฝีปากและพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

“นี่เป็นบาปที่เจ้าได้ก่อไว้ คนที่สมควรตายไป เจ้าไปช่วยชีวิตมันไว้ทำไม!”

“ในสายตาของแพทย์ คนที่ผ่านการช่วยชีวิตอย่างสุดความสามารถแล้วแต่กลับเสียชีวิต ถึงจะเรียกว่าเป็นคนที่ตายแล้วจริงๆ ผมไม่ยอมรับเหตุผลที่ท่านพูดมา และสิ่งที่เรียกว่าเหตุและผลนั้นไร้สาระยิ่งกว่าอะไรเสียอีก”

ถ้าคนที่ตัวเองช่วยชีวิต พวกเขาทำเรื่องอะไรผิดมา เหตุและผลล้วนแล้วแต่ตกมาอยู่ที่ตัวเองละก็ นั่นไม่ใช่เรื่องตลกร้ายที่สุดในโลกหรอกหรือ

โจวเจ๋อจำได้ว่าทหารผ่านศึกชาวอังกฤษคนหนึ่งเคยเขียนในบันทึกความทรงจำไว้ว่า ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เขาได้จับผู้นำรัฐเป็นเชลยศึกด้วยตัวเอง เดิมทีได้มีโอกาสหลับหูหลับตาจัดการยิงเป้าเจ้าเตี้ยคนนี้ไปซะ แต่ก็ไม่ได้ทำอย่างนั้น แต่จับเขาไปเป็นเชลยศึกแทน

หรือจะบอกว่าบาปที่นาซีเยอรมันก่อขึ้นในอนาคตจะต้องตกไปอยู่ที่ทหารผ่านศึกชาวอังกฤษน่ะ

โจวเจ๋อส่ายหน้า คุยเรื่องเหตุผลกับชายคนนี้ไม่รู้เรื่องแล้ว วินาทีต่อมา เล็บทั้งสิบนิ้วของโจวเจ๋อเริ่มยาวขึ้นและลมปราณสีดำลอยวนไปมาบนปลายนิ้ว

“นี่เจ้าทำเด็กน้อยสูญสิ้นไปแล้ว แม้แต่คนแก่ก็จะทำลายไปด้วยสินะ” ชายแคระชราพูดอย่างตื่นตระหนก “ที่นี่คือวัดขงจื๊อ เป็นที่พำนักอย่างสงบของนักปราชญ์ และแม้แต่ยมทูตตัวจริงๆ ก็ไม่กล้าอวดดี!”

“แม่งเอ๊ย!”

โจวเจ๋อตรงไปหาชายแคระชรา

“ผมทำตามหลักการเพียงข้อเดียวเท่านั้น เมื่อครู่ท่านอยากทำให้ผมตาย อย่างนั้นผมจะฆ่าคุณให้ตายไปเดี๋ยวนี้เลย!”

ความแค้นของชาติที่แล้วไม่สะดวกตอบแทนในตอนนี้ หากความแค้นในปัจจุบันยังคงปรากฏอยู่ แสดงว่าอารมณ์และนิสัยของโจวเจ๋อนั้นช่างดีเกินไปแล้ว!

ตอนนี้คนเป็นยังทำไม่ได้ แล้วอย่างผีจะทำได้หรือ

ชายแคระชราอยากหลบหนี แต่มือของโจวเจ๋อคว้าเขาไว้ได้เสียก่อน และขณะเดียวกันก็ดึงเขากลับมาข้างหลังอย่างแรง!

“อ๊าก!”

ชายแคระชราส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนา และร่างโปร่งแสงของเขาก็เลือนรางมากขึ้น

“ข้าไม่อยากลงนรก ข้าไม่อยากไปนรก นักปราชญ์ ช่วยข้า ช่วยข้าด้วย!”

ช่างน่าเสียดาย

พวกดินเผาในวัดขงจื๊อเหล่านั้นยังคงนิ่งไม่ไหวติงราวกับภูเขา หากพวกเขามีดวงจิตจริงๆ จะตัดเครื่องเซ่นไหว้ในครอบครัวของชายแคระชราได้อย่างไร

“ใครบอกว่าจะส่งท่านไปนรกกัน” โจวเจ๋อยิ้ม “ท่านคิดว่าท่านยังจะมีโอกาสลงไปในนรกอีกหรือ”

เมื่อพูดจบ โจวเจ๋อเสียบแทงนิ้วเข้าไปข้างหน้า แล้วกางฝ่ามือออก ความโกรธที่สะสมอยู่ภายในใจได้ปะทุขึ้นในเวลานี้ วิญญาณของชายแคระชราแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ในทันที!

ง่ายมาก

และเฉียบขาดมาก

ก่อนหน้าที่จัดการลงโทษไป๋อิงอิง โจวเจ๋อไม่รู้เลยว่าตัวเองสามารถต่อสู้ได้ดีถึงขนาดนี้

ทว่าในตอนนี้เขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยมในความแข็งแกร่งของตัวเอง โดยเฉพาะความสามารถของผี แม้ว่าเหตุผลที่ทำให้ชายแคระชราถูกกำจัดได้ง่ายดาย จะเกี่ยวพันกับความอ่อนแอของจิตวิญญาณที่สังเวยบุญกุศลปรนนิบัติรับใช้ไปหกสิบปีก็ตาม

โจวเจ๋อไม่รู้ว่าที่ตัวเองได้กระทำไปเช่นนี้จะมีผลตามมาในอนาคตหรือไม่ และไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่นี้ ที่แม้แต่โอกาสลงนรกยังไม่ให้แก่ชายชรา จะสอดคล้องกับลู่ทางในใจของสาวน้อยโลลิหรือไม่

แต่หากอดกลั้นทำตามแบบอย่างไอ้สารเลวบ่อยๆ จะรู้สึกว่าสร้างปัญหาให้ตัวเองอยู่เสมอ

เมื่อปัดฝุ่นออกจากไหล่แล้ว โจวเจ๋อก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเรียกแท็กซี่

หลังจากขึ้นรถแล้ว คนขับดูต้อนรับมากแถมยังแบ่งบุหรี่ให้โจวเจ๋อหนึ่งมวน สิ่งนี้ทำให้โจวเจ๋อ ‘ได้รับความเมตตามากไปจนรู้สึกประหลาดใจ’ อยู่ครู่หนึ่ง และในขณะที่เขาสูบบุหรี่ไปพลางพูดคุยกับคนขับอย่างขอไปทีไปพลาง

เวลาเดียวกันนั้นก็แอบใช้หัวบุหรี่ที่กำลังไหม้อยู่จิ้มประตูรถไปเล็กน้อย ประตูรถไม่มีรอยไหม้ทะลุ

โจวเจ๋อรู้สึกสบายใจ แท้จริงเพราะเขาถูกรถกระดาษทำเมื่อครั้งที่แล้ว ทำเอาเขาเหนื่อยล้ามากจริงๆ

เมื่อกลับไปที่ร้านหนังสือก็เป็นเวลาตีหนึ่งแล้ว ไป๋อิงอิงนั่งมองคอมพิวเตอร์อยู่หลังเคาน์เตอร์และนั่งจับเมาส์สะเปะสะปะไปมา

หลังจากโจวเจ๋ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ และเมื่อกำลังจะขึ้นไปพักผ่อนบนชั้นบน ก็พบว่าไป๋อิงอิงยังคงนั่งนิ่งอยู่หลังคอมพิวเตอร์

เธอไม่ขึ้นไปแล้วตัวเองจะนอนหลับได้อย่างไร

โจวเจ๋อเดินไปข้างหลังไป๋อิงอิง พบว่าศพผีสาวกำลังเล่นเกมสุดยอดตำนานทหารรบที่มีผู้เล่นคนเดียวและเล่นได้อย่างสะใจมาก

“จะพักผ่อนแล้ว” โจวเจ๋อเอ่ยเตือน

“โอ้” ไป๋อิงอิงตอบกลับมาแต่ยังไม่ตอบสนอง

“ฉันบอกว่าจะพักผ่อนแล้ว” โจวเจ๋อเน้นเสียงของเขา

“โอ้ รับทราบค่ะ!” ไป๋อิงอิงแลบลิ้นและออกจากเกม จากนั้นก็ขึ้นไปชั้นบนอย่างเชื่อฟัง

บนชั้นสองมีเสื่อเย็นอยู่สองผืนและเขาย้ายตู้แช่ไปอยู่ที่มุมห้องชั่วคราว นอนลงบนเสื่อเย็นคนละผืน ถ้ามีคนนอกไม่ทันระวังขึ้นไปบนชั้นสอง พอเห็นเข้าอาจจะคิดว่ามีศพสองศพนอนเรียงอยู่บนเสื่อตรงนั้นก็เป็นได้

“เถ้าแก่คะ วันนี้คุณเหนื่อยแล้วใช่ไหม” ไป๋อิงอิงหยั่งเชิงถาม

โจวเจ๋อไม่ตอบ เขาไม่อยากพูดถึงเรื่องของคืนนี้ให้มากความ โดยเฉพาะการที่ตัวเองผ่านประตูบ้านมาหลายครั้งแต่ก็ไม่เข้ามานั้น จริงๆมันไม่มีอะไรน่าอวดเลยจริงๆ

เมื่อเห็นว่าโจวเจ๋อไม่สนใจตัวเอง ไป๋อิงอิงก็หลับตาลงอย่างเชื่อฟัง พลังหยินเล็กน้อยแผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของเธออย่างต่อเนื่อง ทำให้อุณหภูมิรอบๆ โจวเจ๋อเริ่มลดลง และทำให้จิตวิญญาณของโจวเจ๋อผ่อนคลายลงอย่างช้าๆ เช่นกัน

อืม นอนหลับแล้ว

‘ปุดๆ…ปุดๆ…ปุดๆ…’

เสียงคล้ายน้ำเดือด

โจวเจ๋อค่อยๆ ลืมตาขึ้นและพบว่าตัวเองกำลังลอยอยู่บนแอ่งน้ำแห่งหนึ่งที่ล้อมรอบด้วยคลื่นความร้อน ราวกับว่าเขานอนอยู่ในสระน้ำขนาดใหญ่ในห้องน้ำอย่างไรอย่างนั้น

ไกลออกไปมีถนนที่กว้างใหญ่แต่กลับเฉอะแฉะเต็มไปด้วยโคลน และร่างของกลุ่มคนผิวขาวกำลังเดินแบบไร้ความรู้สึกไปตามถนนอย่างมึนงง

ที่นี่ช่างคุ้นเคยเหลือเกิน

โจวเจ๋อลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆ และพบว่าเขาสามารถนั่งบนน้ำได้โดยที่ไม่จมลงไป

“คุณก็มาด้วยสินะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล