สรุปเนื้อหา ตอนที่ 508 ชีวิตประจำวันหลังพ้นเคราะห์ – ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet
บท ตอนที่ 508 ชีวิตประจำวันหลังพ้นเคราะห์ ของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 508 ชีวิตประจำวันหลังพ้นเคราะห์
จางเยี่ยนเฟิงขับรถ หลังจากสองชั่วโมงผ่านไป ในที่สุดก็ขับมาถึงโรงพยาบาลในเมืองระดับอำเภอที่ใกล้ที่สุด
สภาพของโรงพยาบาลแห่งนี้ทรุดโทรมเป็นอย่างมาก ประมาณว่าถึงแม้นกกระจอกจะตัวเล็ก แต่ถ้าพยายามหาอวัยวะทั้งห้ามาต่อกันก็ยังพอมองหน้าตาออกว่าเป็นอะไร
นี่คือรูปแบบคลาสสิกของการพัฒนาตัวเมืองในประเทศในปัจจุบัน จะมีก็แต่พื้นที่แถวเจียงซู เจ้อเจียง เซี่ยงไฮ้ที่ค่อนข้างสมดุลอยู่บ้าง เมืองระดับอำเภอในพื้นที่เหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นด้านการรักษาหรือสาธารณูปโภคล้วนได้รับการพัฒนาอย่างดี ประชาชนที่อาศัยอยู่ตามเมืองระดับอำเภอเหล่านี้ก็ไม่เกิดความคิดชั่วแล่นต้องการย้ายไปอยู่ในตัวมณฑลหรือเมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้เคียง
ส่วนเมืองหรงเฉิงในมณฑลเสฉวนนับว่าเป็นอีกขั้วหนึ่งเลยทีเดียว เนื่องจากเมืองระดับอำเภอในมณฑลนี้ในหลายๆ แง่มุมนั้นแย่กว่าหรงเฉิงมาก ดังนั้นชาวบ้านที่อยู่ในเมืองระดับอำเภอจึงย้ายไปกระจุกตัวอยู่ที่หรงเฉิงโดยอัตโนมัติ ด้วยเหตุนี้จึงมีการแซวว่าหรงเฉิงดูดเลือดของทั้งมณฑลมาหมดแล้ว
เมื่อจัดการแผลและให้เลือดเรียบร้อยแล้ว โจวเจ๋อจึงสั่งให้เพื่อนร่วมสายอาชีพในที่แห่งนี้ช่วยตัวเองถึงแค่นี้ ส่วนอวัยวะภายในที่ได้รับความเสียหาย เถ้าแก่โจวไม่คาดหวังอะไร และได้แต่อาศัยตัวเองให้ค่อยๆ ฟื้นสภาพกลับมาในภายหลัง
เนื่องจากเถ้าแก่โจวขอร้องแกมบังคับ ทั้งยังปฏิเสธการผ่าตัด เป็นผลทำให้หมอสองสามคนในโรงพยาบาลแห่งนี้โล่งใจเช่นกัน อย่างไรก็ตามสำหรับพวกเขาแล้ว อาการบาดเจ็บของเถ้าแก่โจวเหมือนคนใกล้ตายแล้วจริงๆ หลังจากเซ็นเอกสารชี้แจงสองสามฉบับแล้วหมอพวกนี้จึงเดินออกไป
อาการอาหารเป็นพิษของทนายอันจัดการง่ายกว่ามาก ไม่ว่าอย่างไรก็ใช้วิธีต่างๆ หมุนเวียนกันไป ขอแค่หมอและพยาบาลไม่รีบวิ่งเข้าไปในห้องคนไข้ตะโกนเรียกญาติและประกาศว่าทนายอันไม่ไหวแล้ว ทุกคนจะไม่เป็นห่วงแม้แต่นิดเดียว
ผีดิบน้อยไม่ถูกขอให้รับการรักษาและดูแล จางเยี่ยนเฟิงใช้ตำแหน่งของตัวเองขอใช้ห้องคนไข้หนึ่งห้อง ในนั้นมีสามเตียง โจวเจ๋อนอนตรงกลาง เตียงฝั่งที่ติดกับประตูเหลือไว้ให้ทนายอัน ส่วนเตียงที่อยู่ด้านในสุดถูกกั้นด้วยผ้าม่านเป็นของผีดิบน้อย
เหล่าจางยืนอยู่หน้าประตู เหมือนกำลังเฝ้ายาม ถึงแม้ว่าหมอและพยาบาลจะเข้ามา เขาก็จะเข้ามารายงานก่อน
โจวเจ๋อกับทนายอันแตกต่างจากผีดิบน้อยตรงที่มีร่างกายของคนธรรมดา แต่ผีดิบน้อยเป็นผีดิบอย่างแท้จริง อย่าว่าแต่หมอท้องถิ่นไม่รู้จะรักษาผีดิบอย่างไรเลย แค่พวกเขาเห็นผลการตรวจของผีดิบน้อยก็คงตกใจจนเป็นลมแล้ว
รอจนฟ้าสาง ถึงได้มีพยาบาลและหมอเข็นรถเข็นเปลนอนของทนายอันเข้ามา ทุกคนช่วยกันพาทนายอันวางลงบนเตียง แล้วให้น้ำเกลือต่อในเวลาเดียวกัน ราตรีที่ยุ่งมาทั้งคืนจึงสิ้นสุดลง
เมื่อถึงเวลาเช้าตรู่ ตำรวจท้องที่กลุ่มหนึ่งจึงเข้ามา เนื่องจากอาการบาดเจ็บของโจวเจ๋อและทนายอันมีความพิเศษ ดังนั้นเกี่ยวกับการซักถาม จึงให้เหล่าจางเป็นคนรับมือ
เวลาสิบโมงเช้า โจวเจ๋อตื่นแล้ว อิงอิงนั่งอยู่ข้างเตียงคนไข้ของโจวเจ๋อตลอดเวลา อยู่ใกล้โจวเจ๋อมาก เพื่อให้โจวเจ๋อนอนหลับได้ง่าย
พอตื่นขึ้นมา หากจะพูดว่าสดชื่นแจ่มใสก็คงจะเกินจริงไปเสียหน่อย ร่างกายยังคงอ่อนแอเหมือนเดิม แต่อย่างน้อยก็ไม่ลำบากถึงขั้นเหลือลมหายใจแค่อึดเดียวเหมือนเมื่อวานแล้ว
อิงอิงหยิบน้ำดอกพลับพลึงแดงที่เก็บไว้ในรถมาให้โจวเจ๋อกิน แล้วจึงป้อนข้าวต้มให้โจวเจ๋อ ทนายอันที่อยู่ข้างๆ เริ่มทำเสียง ‘ฮึดฮัด’ ไม่หยุด เพื่อแสดงความมีตัวตนของตัวเอง เขาเหมือนเด็กที่ร้องไห้ ‘งอแง’ เพื่อดึงดูดความสนใจของทุกคน
อิงอิงจึงหยิบน้ำดอกพลับพลึงแดงออกมา แต่โจวเจ๋อกลับพูดว่า “เขาได้กลูโคสไปทั้งคืนแล้ว ไม่หิวตายหรอก”
ทนายอันที่อยู่ข้างๆ ได้ยินแล้วจึงลืมตาทันที ใบหน้าที่นอนหนุนอยู่บนหมอนหันมามองด้วยความขุ่นเคือง แล้วเอ่ยว่า “เถ้าแก่ เห็นใจลูกน้องหน่อยไม่ได้หรือไง”
“เป็นเด็กดีนะ ตอนนี้คุณกินอาหารไม่ได้ชั่วคราว เชื่อผมเถอะ ผมเป็นผู้เชี่ยวชาญ” คำว่า ‘ผู้เชี่ยวชาญ’ สามารถกลบเหตุผลและคำต่อว่าจนพูดไม่ออกได้จริงๆ
ตอนบ่ายโจวเจ๋อนอนหลับอีกแล้ว และตื่นอีกทีในเวลาพลบต่ำ ทนายอันที่อยู่ข้างๆ ถือโทรศัพท์เหมือนกำลังดูเอกสารอะไร เขายังทำงานในสำนักงานทนายความแห่งหนึ่ง แต่หลังจากเข้ามาที่ร้านหนังสือจึงดูแลที่นั่นน้อยมาก
เงินทองแค่นั้นไม่สำคัญสำหรับเขาเท่าไร งานที่ทำเงินได้อย่างแท้จริงคือธุรกิจการลักลอบนำเข้าของเถื่อนที่ยังคงทำอยู่ ซึ่งสอดคล้องกับ ‘เรื่องจริง’ ที่เขียนไว้บนกฎหมายอาญาถึงช่องทางการทำเงินก้อนโต
โจวเจ๋อสามารถลงจากเตียงได้ เดินออกมานอกห้องคนไข้ภายใต้การประคองของอิงอิง เดินเล่นอยู่ที่โถงทางเดินสองรอบ หมอสองคนที่เข้าร่วมการรักษาช่วยชีวิตเมื่อวานเห็นฉากนี้แล้วยังร้องตกใจ แถมยังหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปเตรียมโพสต์อวดลงในโมเมนต์
โจวเจ๋อเข้าใจความลำบากของเพื่อนร่วมสายอาชีพเดียวกัน จึงถ่ายรูปร่วมกับพวกเขา
เมื่อเดินวนอีกหนึ่งรอบแล้วจึงกลับมา แผลที่ตกสะเก็ดตามร่างกายเริ่มแตกออก และยังมีบางส่วนที่มีเลือดไหลออกมา แต่โจวเจ๋อกลับไม่สนใจ ขยับร่างกายเพื่อให้รู้สึกว่าตัวเองยังมีแรงกระปรี้กระเปร่า
เขาเปิดผ้าม่านที่อยู่ด้านในสุด ผีดิบน้อยยังคงนอนอยู่บนเตียง ไม่ขยับตัว พลังชีวิตของไอ้หมอนี่แข็งแกร่งจริงๆ หากพูดอย่างจริงจังแล้ว เมื่อวานคนที่บาดเจ็บหนักที่สุด น่าจะเป็นเขา
ไม่ว่าจะเป็นทางด้านจิตใจหรือร่างกาย ต่างได้รับความเสียหายหนักเป็นสองเท่า
ก่อนหน้านั้นอิงอิงเสนอว่าให้ฆ่าเขา แต่โจวเจ๋อปฏิเสธ โจวเจ๋อก็ไม่แน่ใจว่าทำไมตัวเองถึงปฏิเสธ อาจจะเป็นเพราะผีดิบน้อยคนนี้ไม่ได้คิดจะฆ่าเขาอยู่แล้วในตอนแรก
แม้อิงอิงจะบอกว่าตอนที่พวกเธอลงมาเห็นผีดิบน้อยกำลังจะฆ่าโจวเจ๋อ แต่โจวเจ๋อก็ยังไม่เข้าใจเล็กน้อย ตอนนั้นสภาพของตัวเขาโดนแค่ฝ่ามือเดียวก็ตายแล้ว ทำไมต้องวางท่าตะโกนเสียงดังว่าจะฆ่าเขาด้วย
แต่ตอนนี้โจวเจ๋อรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง ไอ้หมอนี่ตอนนี้บาดเจ็บหนักขยับตัวไม่ได้เลย แต่หลังจากนี้ล่ะ หรือว่าต้องหาวิธีมาผนึกเขาจริงๆ ไม่อย่างนั้นถ้าหากอาการบาดเจ็บของเขาเริ่มฟื้นฟูขึ้นมา ในร้านหนังสือจะมีใครควบคุมเขาอยู่
ดูจากสภาพในตอนนี้ ทั้งร้านหนังสือนอกจากโจวเจ๋อเรียกอิ๋งโกวออกมาแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีใครสามารถปราบเขาได้
ทำให้โจวเจ๋อต้องครุ่นคิดว่าควรจะกลืนน้ำลายตัวเองสั่งให้อิงอิงพาเขาเข้าไปในป่าตอนดึกแล้วฉีกร่างทิ้งดีหรือไม่ เวลานี้ประตูห้องคนไข้ถูกเคาะ คนที่เข้ามาคือหวังเคอที่เหน็ดเหนื่อยมาจากการเดินทาง
หวังเคออยากจะพาสาวน้อยโลลิกลับไปก่อน หนึ่งคือต้องปลอบประโลมทางด้านจิตใจ สองคือโรงเรียนเปิดเทอมนานแล้ว เด็กควรจะไปโรงเรียนได้แล้ว
โจวเจ๋อพยักหน้าตกลง ขณะเดียวกันได้ชี้ไปที่เตียงที่อยู่ข้างๆ ถามหวังเคอว่าอยากได้ลูกชายไหม เตียงที่อยู่ข้างๆเป็นเด็กผู้ชายที่เก็บมาได้พอดี ถ้าอยากได้ก็พากลับไปเลี้ยงเลย สาวน้อยโลลิจะได้มีเพื่อน
แน่นอนว่าหวังเคอไม่กล้ารับปาก แต่ถ้าหากเด็กผู้ชายคนนี้มีปัญหาทางด้านจิตใจจริงๆ เขาจะปลีกเวลามาเป็นที่ปรึกษาด้านจิตวิทยาให้ หวังเคอไม่กล้าพาใครกลับบ้านแล้วจริงๆ โดยเฉพาะรับมาจากโจวเจ๋อ
โจวเจ๋อก็ไม่ได้บังคับ แต่รู้สึกเสียดายนิดหน่อยที่ไม่ได้เห็นโครงเรื่องที่บิดเบือนและน่าตื่นเต้นของ ‘คืนที่พายุฝนฟ้าคะนอง’ เวอร์ชันจริง
หลังจากหวังเคอกลับไปแล้ว โจวเจ๋อเพิ่งนึกถึงเรื่องที่ร้านหนังสือ จึงส่งสัญญาณให้เหล่าจางโทรไปที่ร้านหนังสือ หญิงสาวตัวดำคนนั้นดื้อหรือไม่
จางเยี่ยนเฟิงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาทันที แล้วโทรหาสวี่ชิงหล่าง จากนั้นจึงยื่นโทรศัพท์ให้โจวเจ๋อ
“ฮัลโหล เหล่าสวี่”
“ฮัลโหล ตูม!”
เอ่อ…
“ฮัลโหล เหล่าโจว โทษทีนะ เมื่อกี้มียันต์อันหนึ่งมีปัญหา ระเบิดเอง คุณโทรหาผม มีธุระอะไรไหม”
ดูท่าทางแล้ว เหล่าสวี่กับเดดพูลน่าจะใช้ชีวิตอยู่ในร้านหนังสืออย่างสบาย เดดพูลนอกจากหัวเราะโง่ๆ แล้ว โดยทั่วไปสั่งให้ทำอะไรก็ทำ เหล่าสวี่อยู่ในร้านหนังสือนอกจากทำสวยให้ตัวเองแล้วก็คือวาดยันต์ ไม่ต้องเสียเวลาทำกับข้าวให้ทุกคน
“ผู้หญิงตัวดำที่นักพรตเฒ่าพากลับไป เป็นยังไงบ้าง”
“นักพรตเฒ่า ผู้หญิงตัวดำ” สวี่ชิงหล่างรู้สึกสงสัยแล้วพูดว่า “นักพรตเฒ่าไม่ได้ออกไปกับคุณเหรอ ผู้หญิงตัวดำ ผู้หญิงตัวดำคนไหน เหล่าโจว ทัศนคติด้านความสวยของคุณบิดเบือนถึงขั้นนี้แล้วเหรอ”
“โอเค ไม่มีอะไรแล้ว” โจวเจ๋อวางสาย กวาดตามองคนที่อยู่ข้างๆ แล้วพูดว่า “นักพรตเฒ่ายังไม่ได้กลับไป”
………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล