ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 507

สรุปบท ตอนที่ 507 พูดอีกอย่างแต่ทำอีกอย่าง: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 507 พูดอีกอย่างแต่ทำอีกอย่าง – ตอนที่ต้องอ่านของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนนี้ของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 507 พูดอีกอย่างแต่ทำอีกอย่าง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 507 พูดอีกอย่างแต่ทำอีกอย่าง

“ข้า…ยอมตาย…แต่ไม่อยาก…ถูกเขา…หัวเราะเยาะ…ตอนที่ตื่นมา…วันที่สอง…และ…เขาจะต้อง…ไม่เชื่อ…ว่าข้าไม่ได้…ลงมือ…”

“เอ่อ…” เด็กผู้ชายแสดงสีหน้าตกใจกลัวและสงสัยออกมาบนใบหน้า จริงๆ แล้วลมหายใจนี้จางมาก ไม่มีความน่าเกรงขามเหมือนฝนภูเขากำลังมาลมพัดผ่านทั่วอาคารแบบนั้น แต่ด้วยการรับรู้ของผีดิบ นี่คือตัวตนที่น่ากลัวสุดขีด

ระดับของชีวิตแบบนั้น เหมือนความสูงศักดิ์ที่มีประวัติยาวนานเกิดขึ้นมาตั้งแต่ในสมัยโบราณ เป็นความรู้สึกที่ไม่อาจเอื้อม ทำให้คนไม่กล้าแม้แต่เงยหน้ามอง

แต่เขาพูดอะไร สั่งให้ฆ่าเขาเหรอ เอ่อ…เด็กผู้ชายอยากจะถามว่า ‘ท่านกำลังล้อเล่นใช่ไหม’ แต่การย้อนถามแบบนี้ เขาไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ

เขากลัวว่าจะทำให้อีกฝ่ายโกรธ ประหนึ่งว่าความคิดของอีกฝ่าย สามารถบดขยี้ตัวเขาให้แหลกเป็นผุยผงได้!

ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้เด็กผู้ชายสับสนมาก เป็นครั้งแรกที่สับสนขนาดนี้ ปกติเขาอยู่ใน ‘โลกใต้ดิน’ มีแต่คนอื่นที่คิดอยากเอาใจเขา แต่น้อยมากที่เขาจะเอาใจคนอื่น การเอาใจครั้งที่แล้ว ก็เพื่อทำให้หลินเข่อดีใจ แต่การเอาใจผู้หญิงกับเอาใจบรรพบุรุษ มันเป็นเรื่องเดียวกันเหรอ

หมอบคลาน คุกเข่ากราบไหว้ ไม่กล้าขยับตัว ในเมื่อไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร ในเมื่อไม่แน่ใจว่าคนผู้นั้นคิดแบบไหนกันแน่ อย่างนั้นก็ไม่ต้องเคลื่อนไหวอะไรทั้งสิ้น

“ฆ่า…ข้า…” คนผู้นั้นเอ่ยอีกแล้ว มาพร้อมกับน้ำเสียงเร่งเร้า

“เอ่อ…” เด็กผู้ชายรู้สึกว่า ตอนแรกที่ตัวเองฟื้นขึ้นมา เดินอยู่ในหลุมฝังศพที่ไม่เป็นระเบียบและเปล่าเปลี่ยวเพียงลำพัง ก็ยังไม่รู้สึกสิ้นหวังหรือลังเลเหมือนตอนนี้เลย

ในนัยน์ตาของโจวเจ๋อ เริ่มแสดงแววตาที่โกรธเดือดดาลออกมาชัดเจน

“หรือว่า…ข้า…ฆ่าเจ้าเอง…” เจ้าตายหรือว่าข้าตาย เลือกมาหนึ่งอย่าง และดูเหมือนจะเป็นคำขาดสุดท้ายแล้ว

เด็กผู้ชายยังคงคุกเข่าอยู่ และได้แต่ก้มหน้าถามว่า “ไม่ทราบว่า ท่านเป็นใครกันแน่”

“เจ้า…ไม่คู่ควร…ที่จะรู้…”

“…” เด็กผู้ชาย

คนนอกยากที่จะจินตนาการว่าเด็กผู้ชายต้องดิ้นรนกับการต่อสู้ทางจิตใจอย่างไร สุดท้ายเขาจึงลุกขึ้น วินาทีนี้เด็กผู้ชายรู้สึกเหมือนตัวเองบรรลุอะไรบางอย่าง ไม่ใช่การบรรลุตามความหมายแบบดั้งเดิม แต่เป็นการบรรลุในความรู้ความเข้าใจตนเอง ความรู้สึกแบบนี้เหมือน ‘นับตั้งแต่นี้ไปได้ยืนขึ้นแล้ว’

รู้สึกตื่นเต้น รู้สึกภูมิใจเล็กน้อย ถึงแม้จะต้องยืนอยู่ต่อหน้าลมหายใจนี้ ก็รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองมากพอแล้ว

“เร็ว…หน่อย…” เสียงเร่งเร้า มาพร้อมกับน้ำเสียงที่รำคาญหมดความอดทนแล้ว เด็กผู้ชายเกือบจะทรุดตัวลงไปบนพื้นอีกครั้ง ความรู้สึกภูมิใจในตัวเองเมื่อครู่ถูกคลื่นซัดหายไปภายในพริบตาเดียว และสิ่งที่เข้ามาแทนที่คือ ความรู้สึกล้มเหลวอย่างชัดเจน

เด็กผู้ชายเดินเหินตัวโอนเอน เขาเดินมาอยู่ตรงหน้าโจวเจ๋อช้าๆ ยื่นเล็บออกมา หลับตา แล้วเตรียมตัวเตรียมใจตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเขาจึงลืมตา เขาเห็นว่าโจวเจ๋อก็หลับตาเหมือนกัน

อีกฝ่ายกำลังคิดเผื่อเขาใช่ไหม อยากจะลดแรงกดดันให้เขาใช่ไหม เวลานี้กระแสอันอบอุ่นได้เอ่อล้นขึ้นมาในใจของเด็กผู้ชาย ถึงแม้ความต้องการของ ‘บรรพบุรุษ’ คนนี้จะแปลกพิลึกไปหน่อย แต่เขาก็เป็นเด็กรุ่นหลังที่เอาใจใส่ต่อผู้อาวุโส

“โอ๊ยๆๆๆๆ!!!!!!” เด็กผู้ชายร้องขึ้นมา โดยทั่วไปแล้ว เวลาที่ต่อสู้การร้องโอดโอยเป็นพฤติกรรมที่กินแรงไม่มีประโยชน์ คล้ายกับสุนัขที่กัดคนไม่เห่า

แต่ตอนนี้เด็กผู้ชายกลับต้องการเติมกำลังใจให้ตัวเอง สร้างขวัญกำลังใจให้ตัวเอง เพราะเขากำลังจะทำวีรกรรมอันเกริกก้อง!

เสียดายที่ผีดิบไม่มีระบบของตัวเอง ก่อนหน้านั้นที่เขาเรียกผีดิบสองสามตัวมารวมตัวกัน นับว่าเป็นเรื่องที่มีให้เห็นน้อยมากแล้ว และด้วยเหตุนี้ เรื่องนี้จึงถูกกำหนดให้ห้ามเผยแพร่ออกไปอย่างเด็ดขาด

ไม่มีผีดิบตัวอื่นที่จะรู้เรื่องนี้ ไม่มีใครที่จะร้องเชียร์ให้กับความกล้าของเขา และไม่มีใครที่จะเคารพเลื่อมใสในตัวเขา เขาพุ่งเข้ามาด้วยอารมณ์ตื่นเต้น เสียใจ และหวาดกลัว

‘วืด!’ ลิ้นอันหนึ่งปรากฏขึ้นมากะทันหัน พันเอวของเด็กผู้ชายเอาไว้ เด็กผู้ชายสามารถได้กลิ่นที่คุ้นเคยจากลิ้นอันนี้

‘ปึง!’ เด็กผู้ชายถูกลิ้นสะบัดออกไป แต่สาเหตุส่วนใหญ่เป็นเพราะตอนนี้เขาบาดเจ็บหนัก ร่างกายจึงอ่อนแอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และยังมีบางส่วนที่มาจากเจ้าของลิ้น อย่างไรก็ตาม ตอนที่ร่วงลงบนพื้น เด็กผู้ชายยังคงมีใบหน้ายิ้มแย้ม เขาได้เจอเธออีกครั้ง แต่รอยยิ้มของเขาไม่ได้คงอยู่นาน เพราะผีดิบสาวผมขาวเต็มไปด้วยพลังอาฆาตปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา

“เอ่อ…” เด็กผู้ชายเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นในใจ

“กล้าฆ่าเถ้าแก่ของข้า!” อิงอิงกำหมัดแล้วต่อยลงไปเต็มที่!

‘ตูม!’ เด็กผู้ชายอยากจะรับมือ อยากจะตอบโต้ แต่สภาพของเขาในตอนนี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอิงอิงที่เต็มไปด้วยความโมโห เขาจึงได้แต่โดนอัดจนน่วม

ก่อนหน้านั้นโจวเจ๋อได้เตือนเขาแล้ว สาวน้อยโลลิอยู่ข้างบน ถ้าไปตอนนี้ก็ยังตามหาเธอเจอ จริงๆ แล้วมีความหมายแฝงไว้คือกะจะให้อิงอิงที่อยู่ข้างบนต่อยไอ้หมอนี่ให้ตายไปเลย

พี่ใหญ่ไม่หัวเราะน้องรอง โจวเจ๋อบาดเจ็บขนาดนี้แล้ว ผีดิบน้อยยังจะเหลือกำลังอีกสักเท่าไร อิงอิงจัดการเขาน่าจะสบายเหลือเฟือ และในความเป็นจริงก็เป็นแบบนี้ แต่ต่างจากที่โจวเจ๋อคิดไว้คือ การต่อยครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นด้านบนแต่เกิดขึ้นด้านล่าง

‘ตูมๆๆๆ!’ กว่าจะเปิดทางให้ทะลุได้ก็ไม่ง่าย อุตส่าห์รีบพุ่งเข้ามาโดยไม่หยุดพัก แต่กลับเห็นไอ้หมอนี่คิดจะฆ่าเถ้าแก่ของตัวเอง ความโมโหของอิงอิงแค่คิดก็รู้แล้ว!

“ข้าไม่ได้อยาก…ฆ่าเขา…” ผีดิบน้อยที่นอนอยู่บนพื้นในที่สุดก็พูดออกมาด้วยความจนใจ เขาถูกปรักปรำ รู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรมเป็นอย่างมาก ผีดิบน้อยในเวลานี้บาดเจ็บสาหัส ขยับตัวไม่ได้แล้ว ถ้าหากหินร่วงลงมาเขาจะต้องถูกขังตายอยู่ในนี้แน่นอน

สาวน้อยโลลิลังเลเล็กน้อย เธอพูดพึมพำกับตัวเอง “ชีวิตของเจ้า รอเถ้าแก่ตื่นขึ้นมาแล้วค่อยลงโทษก็แล้วกัน อย่าคิดว่าจะตายไปง่ายๆ แบบนี้!” ขณะที่พูด สาวน้อยโลลิโน้มตัวแบกผีดิบน้อยขึ้นมาไว้บนหลังของตัวเอง จากนั้นแลบลิ้นเพื่อดึงร่างของตัวเองให้หลบพ้นจากก้อนหินที่กำลังร่วงลงมา

ตอนที่ทุกคนวิ่งออกมาจากทางออกแล้ว เสียงดัง ‘ครืน’ ดังขึ้นหน้าทางเข้าอุโมงค์ พังลงอย่างสิ้นเชิง นี่คือฝังกลบและปิดทางข้างล่างอย่างสมบูรณ์

เว้นเสียแต่ว่าทุกคนในร้านหนังสือโทรหาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บอกว่าที่นี่มีซากโบราณสถาน ไม่อย่างนั้นหากดูจากปัจจัยซึ่งเป็นเขตที่ไม่ค่อยมีคนเข้ามาเยือน อาจจะเป็นซากปรักหักพังรกร้างที่อยู่ด้านล่างไม่มีใครค้นพบเป็นร้อยปี

อิงอิงที่แบกโจวเจ๋อไว้บนหลังพบว่าสาวน้อยโลลิได้แบกผีดิบน้อยออกมาด้วย เธอจึงพูดทันที “เจ้าแบกเขาออกมาทำไม ปล่อยให้เขาอยู่ข้างล่างตายไปตามยถากรรมไม่ดีเหรอไง”

“ถ้าหากเขาไม่ตายล่ะ ถ้าหากเขาออกมาแก้แค้นอีกล่ะ” สาวน้อยโลลิรีบโต้กลับทันที “อีกอย่างนะ จะจัดการเขายังไง ก็น่าจะฟังความคิดเห็นของเขาเถ้าแก่”

“ไป ทนายอัน พวกเราไปโรงพยาบาล” เหล่าจางโน้มตัว แบกทนายอันที่นอนอยู่ข้างๆ ขึ้นมา

ทนายอันอยู่ในสภาพใกล้ตายแล้ว แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เขาก็เห็นเหมือนกัน เขาซบไหล่ของจางเยี่ยนเฟิงแล้วพูดพึมพำอย่างอ่อนแรงมาก “สตอกโฮล์ม…”

อิงอิงวางโจวเจ๋อลง แล้วพุ่งไปอยู่ตรงหน้าสาวน้อยโลลิ แย่งผีดิบน้อยที่ไม่สามารถขยับตัวได้ทันที จากนั้นจึงแยกเขี้ยวของตัวเองออกมา

“เถ้าแก่เกือบตายแล้ว!”

สาวน้อยโลลิยืนอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นว่าอิงอิงอยากจะฆ่าเขา จึงไม่ได้พูดห้าม

“แค่ก…” โจวเจ๋อไอขึ้นมา

“เถ้าแก่!!” อิงอิงโยนผีดิบน้อยไปบนพื้นทันที แล้ววิ่งไปคุกเข่าข้างๆ โจวเจ๋อ

โจวเจ๋อไอสองสามที เขารู้สึกว่าตัวเองเจ็บปวดทั้งตัว แต่เขาก็ยังหันมา กวาดตามองไปรอบๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะต้นสายปลายเหตุอะไรเมื่อครู่โจวเจ๋อถึงได้สลบไปจริงๆ แต่หลังจากที่เห็นเด็กผู้ชายสภาพน่าอนาถนอนอยู่ตรงหน้า เขาก็แสยะยิ้มแล้วหัวเราะ หัวเราะเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกเจ็บที่ปอดแล้วจึงไอขึ้นมาอีกครั้ง แต่ต่อให้เจ็บเขาก็ยังหัวเราะ ต่อให้เจ็บก็ยังรู้สึกได้ใจ ต่อให้เจ็บก็ยังรู้สึกสะใจ

“คุณยังอดที่จะลงมือไม่ได้อยู่ดี พูดอีกอย่างแต่ทำอีกอย่าง เหอะๆ”

………………………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล