ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 506

สรุปบท ตอนที่ 506 ทีมคู่ที่ภาคภูมิใจ: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

สรุปตอน ตอนที่ 506 ทีมคู่ที่ภาคภูมิใจ – จากเรื่อง ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet

ตอน ตอนที่ 506 ทีมคู่ที่ภาคภูมิใจ ของนิยายActionเรื่องดัง ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 506 ทีมคู่ที่ภาคภูมิใจ

เด็กผู้ชายยิ้ม จริงๆ แล้วเขายิ้มอยู่ตลอดเวลา หลังจากที่ผีดิบแมนจูล้มลง เขาก็ยิ้มไม่หยุด อาจจะเป็นเพราะเด็กคนนี้มีแรงกดดันเยอะเกินไป ปกติไม่ค่อยยิ้ม ดังนั้นจึงอาศัยโอกาสนี้ยิ้มโง่ๆ

ลูกน้องทรยศ ทีมของตัวเองก็พังทลาย รังเก่าก็อยู่ไม่ได้แล้ว ราวกับคนที่สูญเสียทุกอย่างภายในคืนเดียว แต่กลับปล่อยใจอิสระไม่ยี่หระต่อสิ่งใด

ดูเหมือนว่าบนโลกนี้ไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้ตัวเองต้องเสียใจได้อีก ด้วยเหตุนี้เขาจึงพยายามยิ้ม

แน่นอนว่า เถ้าแก่โจวตอนนี้มองคนน้อยมาก โดยเฉพาะคนที่อายุมากกว่าตัวเองไม่รู้กี่ปี แนวคิดและความเคยชินของคนพวกนี้ หลายครั้งที่คุณไม่สามารถใช้สายตาปกติของคุณวิเคราะห์หรือหยั่งเชิงได้

“เฮ้อ” เด็กผู้ชายวางมือลง จากนั้นนั่งลงข้างโจวเจ๋อ ราวกับว่าทั้งสองคนยังนั่งแช่น้ำเคียงกันอยู่ในสระแห่งนั้น

“จริงๆ แล้ว ไม่ว่าคุณจะแพ้หรือชนะ ถือว่ากระดูกแข็งแกร่งมาก ตรงจุดนี้ ไม่ทำให้ผีดิบอย่างพวกเราต้องขายหน้า”

“ขอบคุณ” เสียงขอบคุณนี้ดูไม่ค่อยจริงใจเท่าไร เด็กผู้ชายเห็นคำว่า ‘บรรพบุรุษของเจ้า’ ของโจวเจ๋อเป็นการสบประมาทมาตลอด พอถูกสบประมาทนานเข้า จากสบประมาทกลับกลายเป็นการเคารพอย่างหนึ่ง

“นางเคยพูดกับข้าหลายครั้ง เกี่ยวกับเรื่องที่อยู่ภายนอก ข้าออกไปข้างนอกน้อยมาก หนึ่งคือไม่กล้า สองคือรู้สึกว่าข้างนอกกับข้างล่างดูเหมือนจะไม่แตกต่างกันเท่าไร” ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เด็กผู้ชายถึงไม่ลงมือฆ่าโจวเจ๋อ

แต่โจวเจ๋อตอนนี้ยังมีเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญมากกว่า ‘ถึงตาคุณลงมือแล้ว สั่งให้เขาคุกเข่าเรียกคุณว่าพ่อ’

‘เจ้า…ขอร้อง…ข้า…เหรอ…’

‘…’ โจวเจ๋อ

ดูเหมือนว่าหลังจากประหารสามอสุภะล้มเหลวเมื่อคราวที่แล้ว สมองของอีตานี่จะมีปัญหานิดหน่อย

‘เขาสามารถฆ่าผมให้ตายได้ตลอดเวลา’ โจวเจ๋อเอ่ยเตือน

‘ตาย…ด้วยกัน…ไปเลย…ใคร…จะ…สนใจ…เล่า’

โจวเจ๋อพยักหน้า เข้าใจแล้ว โอเค คุณเยี่ยมมาก คุณเก่งมาก

“นางเคยเล่าอดีตของนางให้ข้าฟัง นางบอกว่านางไม่ค่อยได้เรียนหนังสือ ดังนั้นจึงมีความเคารพและกระหายในความรู้…”

โจวเจ๋อตกตะลึงเล็กน้อย สาวน้อยโลลิใช่ไหม เอ่อ หลินเข่อหลอกแกได้น่าสงสารมาก

โจวเจ๋อจำได้ว่าตอนแรกหลินเข่อกับตัวเขาเองเคยเทียบการจัดอันดับของมหาวิทยาลัย และเธอคนนั้นก็คือเด็กเทพของเด็กเทพ นับว่าเป็นต้นฉบับของความรู้ที่เปลี่ยนแปลงโชคชะตา

“นางยังพูดกับข้าว่า นางชอบอ่านหนังสือ ดังนั้นนางจึงเลือกทำงานในร้านหนังสือ…”

“…” โจวเจ๋อ

“ข้ายังสั่งให้ลูกน้องขุดหลุมฝังศพของบัณฑิตสมัยโบราณหลายคน หาตำราโบราณได้ส่วนหนึ่ง เดิมทีอยากจะมอบให้นาง แต่ตอนนี้ไม่มีโอกาสแล้ว”

โจวเจ๋อมองเด็กผู้ชายในตอนนี้ รู้สึกเหมือนมองเพื่อนร่วมห้องของตัวเองในสมัยที่เรียนมหาวิทยาลัย เพื่อนร่วมห้องของตัวเองตอนแรกมีแฟนสาวที่สวยมากคนหนึ่ง เธอจิกหัวใช้เขาตลอดเวลา แต่เขาก็ยินดีทำให้ด้วยความสมัครใจ

จนวันหนึ่งโจวเจ๋อไปเป็นติวเตอร์พาร์ตไทม์เดินผ่านโรงแรมแห่งหนึ่ง เขาเห็นผู้หญิงคนนั้นกอดกับผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากโรงแรม

โจวเจ๋อไม่ได้พูดเรื่องนี้ออกไป บางที เรื่องแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ของมหาวิทยาลัยทุกแห่ง นักศึกษาหญิงบางคนใช้ชีวิตดีๆ อยู่ข้างนอก ขณะเดียวกันก็ยังมีแฟนหนุ่มหน้าโง่คนหนึ่งรอเธออยู่ในมหาวิทยาลัยด้วยความลำบาก

ระหว่างที่คิด โจวเจ๋อกระอักเลือดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เลือดน้อยแล้ว ความรู้สึกเหมือนคนใกล้ตายถาโถมเข้ามา แต่เขาก็ไม่ยอมขอร้องอิ๋งโกว ต่างคนต่างหยิ่งให้กันแบบนี้ อยากจะเล่นให้ตายอย่างนั้นก็ตายไปเลย มีบรรพบุรุษผีดิบถูกฝังไปพร้อมกับตัวเอง โจวเจ๋อรู้สึกว่าตัวเองไม่ขาดทุนแล้ว

แต่น่าแปลกมาก ก่อนหน้านั้นที่สู้กับผีดิบแมนจูอย่างสุดชีวิต โจวเจ๋อรู้สึกว่าตัวเองเต็มไปด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้ ในหัวเต็มไปด้วยความคิดที่อยากจะมีชีวิตรอด ไม่อยากตาย มาตอนนี้เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนเป็นเรียบง่ายแล้ว เรื่องราวเกิดความพลิกผันเพราะการฟื้นของอิ๋งโกว กลับทำให้ตัวเองกลายเป็นคนขี้เกียจ หรือคนเราก็มีนิสัยแย่แบบนี้

เด็กผู้ชายหันหน้าไปมองโจวเจ๋อ แล้วพูดว่า “เลือดของเจ้า ไหลนานแล้ว”

“ไม่เป็นไร ฉันรู้สึกว่ายังไหลได้อีกพักหนึ่ง”

เด็กผู้ชายพยักหน้า เขานั่งขดขาทั้งสองข้างอยู่ตรงนั้น แต่ไม่บ่งชี้ถึงความอ่อนแอและโดดเดี่ยว ตรงกันข้ามกลับมีมาดของเยาวชนที่เต็มไปด้วยปณิธาน

“อย่างนั้นก็คุยกันอีกพักหนึ่ง รอให้เลือดของเจ้าไหลจนหมด รอให้เจ้าตาย”

“ได้” โจวเจ๋อหลับตาอย่างเงียบๆ รู้สึกง่วงเล็กน้อย จริงๆ แล้ว ถ้าหากปล่อยให้เลือดไหลทีละนิด จะสามารถกระตุ้นอวัยวะภายในร่างกายได้มากพอ เพื่อให้ตัวเองฮึดสู้มากขึ้น

เขากำลังรอ รอเจ้าของลมหายใจที่ทำให้เขาใจสั่นสะท้าน เขารู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองไม่มีสิทธิ์เป็นผู้กระทำก่อน เขากำลังรออีกฝ่ายพูด รอคำสั่งของอีกฝ่าย รอการซักไซ้เอาความจากอีกฝ่าย กระทั่งรออีกฝ่ายลืมตา จากนั้นคุกเข่าภายใต้การจ้องมองของอีกฝ่าย!

มนุษย์ชอบใช้ระดับมาแบ่งชนชั้นวรรณะของคน ซึ่งก็คือสิ่งที่เรียกว่าตระกูลผู้ดีกับคนกินเนื้อ แต่รูปแบบการใช้ชีวิตระหว่างกันและกัน จริงๆ แล้วไม่มีความแตกต่างกันมากเท่าไร

เลือดของผู้ดีกับเลือดของชนชั้นต่ำไม่แตกต่างกัน ชีวิตของผู้ดีกับชีวิตของชนชั้นต่ำก็ไม่ต่างกัน

แต่ชนเผ่าอื่นๆ รวมถึงผีดิบ ระหว่างพวกเขามีความพิถีพิถันเรื่องระดับชั้นของสายเลือดเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นสาเหตุว่าทำไมเด็กผู้ชายสามารถปราบผีดิบตัวอื่นได้ ขณะเดียวกันผีดิบแมนจูนั่นอยากใช้วิธีกลืนกินเพิ่มพลังขับเคลื่อนให้ระดับชีวิตของตัวเองสูงขึ้น

แต่เด็กผู้ชายยืนอยู่ตรงนั้นนานแล้ว โจวเจ๋อก็ยังนอนหลับสนิท ซึ่งไม่ได้หลอกเขาและไม่ได้ล้อเล่นกับเขา เขานอนหลับจริงๆ

เมื่อระงับความสั่นในใจของตัวเองได้แล้ว เด็กผู้ชายจึงเดินงกๆ เงิ่นๆ มานั่งคุกเข่าตรงหน้าโจวเจ๋อ เขายื่นมือถึงแม้เล็บทั้งห้าจะถูกทำลายไปมากระหว่างที่ต่อสู้ก่อนหน้านั้น แต่มันยังคงสะท้อนแสงที่ทำให้คนใจสั่นเหมือนเดิมใบหน้าแสดงสีหน้าลำบากใจ แต่เล็บนี้กลับไม่ยอมทิ่มลงไป

เด็กผู้ชายลุกขึ้นยืนช้าๆ เริ่มเดินถอยหลัง เขากำลังจะเดินออกไป ตอนที่เขาเพิ่งเดินออกไปได้สิบเมตร ดวงตาของโจวเจ๋อค่อยๆ ลืมขึ้น เด็กผู้ชายเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต เขาจากเดิมที่อ่อนแอบาดเจ็บหนักไม่สามารถควบคุมสัญชาตญาณของตัวเองได้ กลับคุกเข่าลงจริงๆ อย่างไม่น่าเชื่อ

และในเวลานี้ เขาเพิ่งรู้สึกว่า ตัวเองเหมือนเด็กคนหนึ่งจริงๆ

“ทำ…ไม…ถึง…ไม่…ฆ่า…” เสียงซักถามดังเข้ามา

เด็กผู้ชายหน้าผากแตะพื้น ไม่กล้าตอบ ลมหายใจน่าสะพรึงกลัว ทำให้เขาไม่คิดที่จะต่อต้านขัดขืน

“รีบ…ฆ่า…สิ…”

“ไม่กล้า ไม่กล้า ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้ว ข้ามีตาหามีแววไม่ ข้าไม่รู้ว่า…” เด็กผู้ชายพูดตะกุกตะกัก เขาคิดว่าอีกฝ่ายกำลังซักถามเอาผิดกับตัวเอง และตัวเองดูเหมือนจะมีความผิดมหันต์

“เขา..นอนหลับแล้ว…เมื่อกี้เจ้า…กลับ..เดินออกไป…แบบนี้เหรอ…เขา…จะต้อง…คิดว่า…เป็นข้า…ที่เสียดายชีวิต…จึงลงมือ…ห้าม…คุณ…เอง…”

เด็กผู้ชายคุกเข่าอยู่บนพื้น ตัวสั่นงันงก

“รีบ…ฆ่า…ไม่อย่างนั้น…เขาตื่นขึ้นมา…จะต้อง…หัวเราะ…ข้า…แน่นอน…”

………………………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล