ตอนที่ 516 การต่อสู้ของผู้แข็งแกร่ง
ภายในรถ โจวเจ๋อมองเหล่าสวี่คุกเข่าลงกับพื้นอยู่ในร้านบะหมี่ และมองเห็นฉากที่เหล่าสวี่ใช้มีดสั้นแทงไปบนใบหน้าของตัวเอง พูดจริงๆ นะ เขาสงสารมาก
เถ้าแก่โจวมีรสนิยมปกติ ถึงแม้จะอยู่กับสวี่ชิงหล่างมานานแล้ว แต่ก็เป็นความสัมพันธ์ที่ถูกต้อง แต่โบราณว่าไว้ถึงแม้จะเป็นผู้ชาย เวลาผู้ชายหน้าตาดีเดินมาอยู่ตรงหน้าคุณ มองแล้วก็สบายตาใช่ไหมล่ะ
ตอนนี้สวี่ชิงหล่างใบหน้าเสียโฉมแล้ว
“โถๆๆ…” เสียใจอยู่บ้าง โจวเจ๋อหยิบไฟแช็กออกมา จากนั้นจุดบุหรี่ที่ก้นกรองบุหรี่ถูกกัดจนเกือบจะพังคาปากแล้วมวนนั้น เขาไม่ได้สูบแต่หนีบไว้ในมือเท่านั้น แล้วจึงวางมือออกไปนอกหน้าต่างรถ
ไม่ช้า ฝนที่ตกกระหน่ำก็ทำให้บุหรี่ชื้น สูบบุหรี่มวนนี้ต่อไม่ได้อีกแล้ว
“โอ๊ยๆๆๆ!!!!!!!!!!!!!” เสียงร้องน่าสงสารดังออกมาจากร้านบะหมี่ เจ็บ แน่นอนว่าเจ็บ มือของโจวเจ๋อสะบัดเล็กน้อย เขาสะบัดก้นบุหรี่ที่ไม่มีขี้บุหรี่แม้แต่นิดเดียว แต่จริงๆ แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำแบบนี้มีความหมายอะไร
เสียงร้องของเหล่าสวี่ดังมาจากข้างใน มาพร้อมกับการหลุดพ้น ประหนึ่งว่าคนที่ได้รับความกดดันมานานแสนนาน ในที่สุดก็ได้ปลดพันธนาการแล้ว
กินเธอเข้าไป เชิญเทพเจ้าแห่งท้องทะเลออกมา เขาคิดจะ…
โจวเจ๋อเปิดที่ปัดน้ำฝน แล้วจึงเห็นที่ปัดน้ำฝนปัดน้ำฝนบนหน้าต่างรถไม่หยุด แต่วินาทีต่อมา หยดน้ำก็ปกคลุมไปทั่วในพริบตา หมุนเวียนไปแบบนี้ ภายใต้ฝนที่ตกหนักไม่คิดจะหยุดเลย
“อยากจะเอาส่วนหนึ่งของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ผนึกไว้ในร่างกายของตัวเองใช่ไหม” โจวเจ๋อกำลังครุ่นคิด เขาต้องคิด เพราะเหล่าสวี่รักใบหน้าของตัวเองมากแค่ไหน โจวเจ๋อรู้ดี
ตอนเด็กเขาถูกรังแก ถูกหัวเราะเยาะเพราะใบหน้าของเขา กระทั่งหลังจากที่เริ่มโตขึ้น ก็ยังถูกลวนลามเพราะหน้าตาของตัวเอง
ที่ดินในบ้านเกิด ถูกเวนคืนจึงได้รับห้องชุดยี่สิบกว่าห้อง แต่เขากลับเลือกเปิดร้านบะหมี่เล็กๆ และยังรนหาที่ตายเปิดติดกับร้านหนังสือมือสองของสวีเล่อ ทำกิจการที่ไม่เป็นที่นิยมในย่านศูนย์การค้า คล้ายกับ…เต้าหู้ไซซีเล็กน้อย
โจวเจ๋อรู้สึกมาตลอด ผู้ชายที่ชอบใบหน้าของเขา ผู้ชายที่ชอบ ‘ตัดแต่ง’ ให้ตัวเอง จริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่ปกติอย่างมาก
ผู้ชายหลายคนชอบใช้ ‘เรื่องไม่สนใจแต่งเนื้อแต่งตัว’ มาโอ้อวดตัวเอง เอะอะก็ยกไอน์สไตน์ เตี้ยใหญ่แน่น (ฉายาของเกาเสี่ยวซง) มาเป็นตัวอย่าง แต่กลับไม่มองว่าตัวเองมีภายในที่สามารถระเบิดออกมาเหมือนเขาได้หรือเปล่า
“เฮ้อ” เขาถอนหายใจ แล้วพูดพึมพำกับตัวเอง “เหล่าสวี่ เสียโฉมแล้ว” เหมือนกำลังพูดว่า เครื่องเคลือบลายครามของบ้านตัวเองแตกร้าวแล้ว เสียใจจริงๆ
“สวรรค์และโลกไร้ขอบเขต จิตใจลึกล้ำคือธรรมะ ร่างเป็นกรง ใจเป็นกุญแจ วิญญาณเป็นที่กักขัง ผนึก เก็บ มัดรวม!” ท่ามกลางกองเลือด สวี่ชิงหล่างกางนิ้วทั้งสิบจิ้มเลือดของตัวเอง พร้อมกับท่องคาถาแล้วเริ่มใช้เลือดวาดยันต์ข้างตัวเอง
ฉากนี้ดูแล้วนองเลือด ดูแล้วแสบตาอยู่บ้าง ผู้ชายคนหนึ่งที่อ่อนแอถึงไขกระดูก ผู้ชายคนหนึ่งที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าสามารถกระตุ้นให้ผู้ชายและผู้หญิงอยากปกป้อง เขากำลังคุกเข่าอยู่ท่ามกลางกองเลือด หน้าอกของเขา ใบหน้าของเขามีเลือดไหลไม่หยุด แต่ในดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความสงบนิ่ง ราวกับว่าสิ่งที่พังทลายลงมา ไม่ใช่ตัวเองอย่างสิ้นเชิง แต่เป็นอุปกรณ์ชิ้นหนึ่ง
โจวเจ๋อจำได้เมื่อก่อนตัวเองเคยรักษาทหารเก่าคนหนึ่ง ทหารเก่าคนนั้นเป็นทหารที่มากประสบการณ์จริงๆ ไม่ใช่การปั้นขึ้นเหมือนยุคของสื่อออนไลน์ในปัจจุบัน ทหารเก่าหลังจากจบสงครามแล้ว ก็ไม่ได้รับราชการต่อ แต่กลับบ้านไปทำไร่
และพอทำไร่ก็ทำมาสามสิบกว่าปี หลังจากตัวเองแก่ทำไม่ไหวแล้ว จึงไปที่สุสานนักรบคอยเฝ้าสุสานให้เหล่าสหายร่วมรบของตัวเองในอดีต มีทั้งรู้จักและไม่รู้จัก ตอนนั้นแค่มีข้าวกินก็ถือว่าเยี่ยมแล้ว แต่พอเฝ้าสุสานหนึ่งครั้งก็ทำล่วงเลยมาถึงยี่สิบปี
เช้าตรู่หลังจากฝนตก ตอนที่กวาดพื้น เขาล้มลงแล้วจึงขาหัก โจวเจ๋อจำได้ตอนนั้นตัวเองได้ช่วยรักษาเขาและคิดจะปลอบใจเขาเหมือนที่เคยทำ แต่กลับถูกผู้อาวุโสคนนั้นปลอบใจกลับ ผู้อาวุโสยังคิดคำนวณอย่างจริงจัง ตัวเองอายุมากแล้ว ขาก็หักอีก ต่อไปยังจะทำอะไรได้
หลังจากนั้น ตอนที่ตรวจห้อง ผู้อาวุโสกับโจวเจ๋อได้สนทนากัน เขาพูดว่าคนที่เดินออกมาจากสนามรบจริงๆแท้จริงแล้วรักชีวิตมาก แต่รักชีวิตของพวกเขาไม่เหมือนกับคนอื่น
พวกเขาคิดคำนวณเป็น อย่างเช่นมือขาดไปข้างหนึ่ง อย่างเช่นโดนระเบิดตรงไหน อย่างเช่นบาดเจ็บอะไร วันนี้ตอนกลางวันกินข้าวไปเท่าไรแล้ว คิดคำนวณไปคำนวณมา จึงรู้สึกว่าร่างกายและชีวิตนี้ ทำไมไม่ค่อยเชื่อมต่อกัน ขาขาดข้างหนึ่ง แต่ยังมีชีวิตอยู่ ประมาณว่าก็คือความรู้สึกแบบนี้
เหล่าสวี่ในตอนนี้ ทำให้โจวเจ๋อนึกถึงทหารเก่าคนนั้น เพื่อเป้าหมาย ถึงแม้จะเป็นร่างกายของตัวเอง เป็นคนนั้นที่ตื่นมาส่องกระจกดูตัวเองทุกวัน จริงๆ แล้วสามารถเสียสละบางส่วนได้
สีหน้าของเหล่าสวี่เริ่มซีดขาว ขาวเหมือนปีศาจ ไม่เหมือนคนเสียเลือดมากเกินไป แต่เหมือนโดนพิษ
โจวเจ๋อยังคงนั่งมองอยู่ในรถ เหล่าสวี่พูดแล้ว เรื่องนี้เขาจะจัดการเอง โจวเจ๋อรับปากแล้ว ดังนั้นตอนนี้เขาจึงมองอยู่ข้างๆ มองเขารนหาที่ตายให้ตัวเอง มองเขาใบหน้าเสียโฉม มองเขาเดี๋ยวก็หัวเราะเดี๋ยวก็คำราม แข็งใจเหรอ แข็งใจไม่ไหวแต่ก็ต้องทน
ลายเส้นสีเขียวแต่ละสายเริ่มลอยขึ้นมาบนตัวของสวี่ชิงหล่าง เริ่มจากหน้าอก จากนั้นไปตามแขนขา สุดท้ายเริ่มแทรกเข้าไปบนใบหน้า
เหล่าสวี่ในเวลานี้ คล้ายหมอผีในชนเผ่าแถบทวีปแอฟริกา ดูซอมซ่อ ดูเรียบง่าย ดูเปล่าเปลี่ยว เหมือนรูปปั้นแกะสลักอันหนึ่ง สามารถหยิบไปเก็บสะสมไว้ในพิพิธภัณฑ์ได้
ตอนที่สวี่ชิงหล่างท่องคาถาเสร็จ จู่ๆ โจวเจ๋อรู้สึกว่า ฝนที่บริเวณใกล้ๆ เริ่มตกหนักมากกว่าเดิมทันที และตกหนักมากเกินบรรยาย เหมือนฝนห่าใหญ่ตกลงมาจริงๆ เสียงฝนตกลงมาอย่างรีบเร่ง เหมือนการวิ่งตะบึงของกองทัพนับหมื่นนับพัน
มรดกสืบทอดของเหล่าสวี่ เดิมทีไม่ใช่ของสำนักชื่อดังอะไร อาจารย์ของเขาคนนั้นเป็นแบบนั้นแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะสอนอะไรที่ยิ่งใหญ่ออกมา ดังนั้นฉากนี้ของเหล่าสวี่ โจวเจ๋อจึงไม่รู้สึกแปลกอะไร
ฝนกำลังตกลงมา เลือดก็ไหลลงมาเช่นกัน แสงไฟในร้านบะหมี่ยังเปิดสว่าง แต่สิ่งที่สะท้อนออกมาคือเลือดสีแดงฉาน ทันใดนั้นโจวเจ๋อรู้สึกว่าสิ่งที่เหล่าสวี่กำลังทำอยู่ตอนนี้ มีความคุ้นเคยเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล