ตอนที่ 519 การฝึกทหาร
เมื่อกลับถึงร้าน โจวเจ๋อก็อาบน้ำ เขาทำความสะอาดร้านเก่าก่อนหน้านั้น ทำให้เนื้อตัวสกปรกมากจริงๆ เมื่ออาบน้ำเสร็จเดินออกมา อาหารเช้าถูกจัดเต็มอยู่บนโต๊ะแล้ว
“เหล่าสวี่ เร็วขนาดนี้เลยเหรอ” ตัวเองอาบน้ำก็ใช้เวลาไม่นานเท่าไรนี่
“เตรียมวัตถุดิบล่วงหน้าตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” สวี่ชิงหล่างอธิบายเล็กน้อย
“โอ้ว หอมมาก” ทนายอันที่เปลี่ยนมาใส่ชุดสูทสีไวน์แดงเดินลงมา แล้วนั่งข้างโต๊ะ ก้มหน้าสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วชี้ไปที่น้ำซอสชามหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า “ซอสไข่ปู”
“อืม วันก่อนตั้งใจซื้อปูก้ามขน แกะเอาไข่ปูออก แต่พวกคุณไม่กลับมาส่วนอื่นจึงทิ้งไปแล้ว” สวี่ชิงหล่างยกบะหมี่หนึ่งชามมาให้ทนายอัน
ทนายอันหยิบตะเกียบขึ้นมาอย่างพอใจ จิ้มไข่ปูกินกับบะหมี่
บะหมี่ไข่ปูเป็นที่นิยมในเจียงซูตอนใต้มานานแล้ว แต่คนที่คุ้นเคยและเคยกินมันจริงๆ กลับมีไม่เยอะ ไม่มีเหตุผลอย่างอื่น เพราะมันแพงมาก น้ำซอสของบะหมี่ไข่ปูแท้ๆ ต้องใช้ปูก้ามขนทำ ส่วนปูก้ามขน… ดังนั้นบะหมี่ไข่ปูของแท้หนึ่งชามจึงมีราคาหลักร้อยหยวนขึ้นไป ราคาธรรมดาหน่อยก็ประมาณสองร้อยหยวน
ทุกคนตอนนี้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่จ่ายสองร้อยหยวนเพื่อกินบะหมี่เป็นอาหารเช้า สำหรับคนทั่วไปแล้วดูฟุ่มเฟือยเล็กน้อย
ทนายอันไม่ว่าอย่างไรก็เป็นคนกินใช้ฟุ่มเฟือยอยู่แล้ว วันนี้ก็กินอย่างมีความสุขใจเหมือนเดิม
นักพรตเฒ่าก็นั่งลง หยิบกระดาษทิชชูยื่นให้เจ้าลิงที่นั่งข้างตัวเอง เพื่อให้มันเช็ดอุ้งมือ
สวี่ชิงหล่างยกน้ำซุปหูล่าทังสองชามกับโร่วเจียหมัว (คล้ายหมั่นโถวสอดไส้หมูตุ๋น) สี่ชิ้นมาทางฝั่งนักพรตเฒ่า เจ้าลิงอยู่กับนักพรตเฒ่านานแล้ว เริ่มชอบกินรสชาติเหมือนนักพรตเฒ่า เมื่อกัดโร่วเจียหมัวเข้าไปหนึ่งคำ นักพรตเฒ่าได้แสดงใบหน้าที่เคลิบเคลิ้มออกมา “รสชาตินี้แหละ! ตุ๋นเนื้อหมูได้เข้ากันมากทีเดียว!”
ทนายอันที่กำลังกินบะหมี่พลันเงยหน้าแล้วเอ่ยว่า “เมื่อก่อนผมไปซีอาน โร่วเจียหมัวที่กินใช้เนื้อวัวไม่ใช่เหรอ”
“ไร้สาระ โร่วเจียหมัวของแท้ต้องทำจากเนื้อหมู ให้ตายเถอะไอ้บ้าคนไหนหลอกเจ้าว่าใช้เนื้อวัว ในยุคโบราณฆ่าวัวกินเนื้อนั้นผิดกฎหมาย สามารถกินได้พร่ำเพรื่อเรอะ เนื้อแพะเนื้อหมูได้ ไม่ว่าอย่างไรข้าโตมาขนาดนี้ ไม่เคยได้ยินว่าโร่วเจียหมัวใช้เนื้อวัวถึงจะเป็นต้นตำรับดั้งเดิม”
ทนายอันยักไหล่
“วันหลังไปสถานที่ท่องเที่ยววุ่นวายแบบนั้นน้อยหน่อย สถานที่แบบนั้นพวกเราคนท้องถิ่นเองก็ไม่ไป” เมื่อพูดถึงอาหารรสเลิศของบ้านเกิด นักพรตเฒ่ารู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา
“ผมเข้าใจในเหตุผล ก็เหมือนกับซาลาเปาโก่วปู้หลี่ในเทียนจิน คนเทียนจินเองก็ไม่กิน” ทนายอันสนับสนุนคำพูดของนักพรตเฒ่า บะหมี่หนึ่งชามลงท้องและกำลังดื่มน้ำซุป
โจวเจ๋อใช้ตะเกียบคีบเสี่ยวหลงเปาจิ้มน้ำส้มสายชู จากนั้นดื่มน้ำเต้าหู้อย่างช้าๆ รสชาติอาหารของเขา จริงๆ แล้วค่อนไปทางรสจืดเล็กน้อย โดยเฉพาะหลังจากที่ได้ดื่มน้ำดอกพลับพลึงแดง โดยพื้นฐานแล้วความชอบของการดื่มกินได้ย้อนกลับไปตามความคุ้นชินเมื่อชาติที่แล้ว
หญิงสาวตัวดำตอนนี้ก็นั่งลง เธอไม่เกรงใจ ไม่มองตัวเองเป็นคนนอก กินบะหมี่ กินซาลาเปาโดยไม่พูดจา
ทนายอันดื่มน้ำซุปที่เหลือนิดหน่อยจนหมดเกลี้ยงแล้ว ซอสไข่ปูจานนั้นถูกเขากินจนหมดเช่นกัน โอ้ว รู้สึกพอใจอย่างยิ่ง ทนายอันยื่นมือเคาะบนโต๊ะ แล้วหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดปากพลางพูดเตือนว่า “ร้านที่อยู่ข้างๆ อีกสองสามวันผมจะเข้าไปซื้อ ถึงตอนนั้นคุณก็ให้แปลนการตกแต่ง รีบทำเวลาปลูกดอกพลับพลึงแดง”
เมื่อก่อนเขากินไม่ได้นอนไม่หลับ โดนทรมานจนชินแล้ว ตอนนี้กินได้นอนหลับ จึงไม่อยากย้อนกลับไปในยุคที่ทรมานแม้แต่วินาทีเดียว เรื่องของดอกพลับพลึงแดง ทนายอันให้ความใส่ใจเป็นอย่างยิ่ง
“ได้” หญิงสาวตัวดำไม่พูดเยอะ และขานรับโดยตรง เธอรู้ว่าบทบาทของตัวเอง ถ้าพูดให้น่าฟังหน่อยก็คือคนงานแต่ในความเป็นจริง ฐานะของเธอไม่ได้ต่างจากทาส
เธอได้นั่งกินข้าวบนโต๊ะหลัก เธอมักจะรู้สึกว่าไม่ใช่เพราะเถ้าแก่นี่ที่ใจดี แต่อาจจะเป็นเพราะในร้านคนที่นั่งกินข้าวได้ปกติมีไม่มาก อย่างเช่นผีดิบสองตัว แล้วก็มีเดดพูลที่แบกเธอ พวกเขาไม่ต้องกินข้าว บรรดาเถ้าแก่อยากให้โต๊ะอาหารดูคึกคักขึ้นมาหน่อยจึงเรียกเธอมากินข้าวที่โต๊ะ และเรื่องจริงก็เป็นเช่นนี้เอง
“โอ้ว กำลังกินข้าวอยู่เหรอ” เหล่าจางในชุดตำรวจเดินเข้ามา
“ว้าว อาหารน่ากินเต็มโต๊ะ ห้ามกินทิ้งกินขว้าง กินทิ้งกินขว้างไม่ได้นะ” เหล่าจางนั่งลงแล้วเริ่มกิน
“เหล่าจาง โรงอาหารสถานีตำรวจของพวกคุณไม่มีอาหารเช้าเหรอ” ทนายอันพูดหัวเราะเยาะแกมด่า “ถ้าเป็นเมื่อก่อน ทุกคนแม้แต่ฉี่ก็ยังอั้นกลับไปฉี่ที่บ้านของตัวเอง เพื่อให้ที่ดินอุดมสมบูรณ์ กินข้าวหลวงเยอะแต่กินข้าวบ้านตัวเองน้อย ทำไมคุณถึงทำตรงกันข้ามล่ะ”
จางเยี่ยนเฟิงได้แต่หัวเราะ แล้วกินข้าวของตัวเองต่อ
โจวเจ๋อลุกขึ้น อยากจะไปอ่านหนังสือพิมพ์นอนอาบแดดก่อน จากนั้นค่อยนอนหลับต่อ เพียงแต่เขาเพิ่งจะลุกขึ้นเหล่าจางกลับคว้ามือของเขา
“เถ้าแก่ ผมมีเรื่อง…”
“มีคนตายอีกแล้วเหรอ” โจวเจ๋อถาม
“เอ่อ ไม่ใช่คนตาย แต่คราวที่แล้วคุณรับปากผม เรื่องนักศึกษาฝึกทหาร ผมกับเถ้าแก่ตกลงกันแล้ว จะพาหมอและพยาบาลร้านข้างๆ ไปอยู่ที่สถานศึกษาที่ฝึกทหารระยะหนึ่ง”
“ผมเคยรับปากกับคุณเหรอ” โจวเจ๋อขมวดคิ้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล