ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 525

ตอนที่ 525 ต่อยคน!

เจ้าลิงเสียใจเล็กน้อย บางทีในวินาทีนี้ มันคงตระหนักได้ว่าโลกที่มองแต่หน้าตานี้ช่างโหดร้ายแค่ไหน

เห็นเจ้าลิงน้อยหดหู่เศร้าใจ โจวเจ๋อหัวเราะ แล้วจึงอุ้มมันขึ้นมาพลางบีบหางเล็กของมันที่ส่ายไปมา

อันที่จริง ความสัมพันธ์ของหนึ่งคนกับหนึ่งลิงไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไร บุญคุณความแค้นในตอนแรกได้รับการให้อภัยไปนานแล้ว เจ้าลิงน้อยปลงตกแล้ว ดังนั้นโจวเจ๋อจึงปลงตกด้วยเป็นธรรมดา

จึงได้แต่พูดว่า ไม่ว่าสิ่งใดที่มีความเกี่ยวข้องกับ ‘คน’ มักจะกลายเป็นความเสแสร้งขึ้นมาได้

โจวเจ๋อจำได้ตอนนั้นตาแก่ที่กลายร่างเป็นวานรย้ายภูเขาพูดถึงเรื่อง ‘ถูกผิด’ กับตัวเองบนถนน ถกเถียงกันอยู่นานสองนาน จริงๆ แล้วก็ไม่มีใครเถียงชนะใคร สุดท้ายอีกฝ่ายยังทำให้โจวเจ๋อสลบแล้วควัก ‘หัวใจที่ดีงาม’ ของโจวเจ๋อมาทำอาหารให้โจวเจ๋อกิน

โจวเจ๋อจำได้ว่าตอนที่ตัวเองเถียงกับเขาตอนนั้นได้บอกว่า คนก็คือคน สัตว์ก็เป็นสัตว์ เขายืนอยู่ในมุมมองของคน จึงเลือกที่จะช่วยคน เช่นนั้นวันนี้ล่ะ เนื่องจากคนที่ถูกทำร้ายไม่ใช่หญิงตั้งครรภ์ในห้องผ่าตัด แต่เป็นหนุ่มผิวดำกับสวีจงลี่หรือ

หรือเป็นเพราะว่าคนที่ต้องการแก้แค้นไม่ใช่เจ้าลิงยักษ์ขนยาวเฟื้อยที่ยืนช่วยตัวเองอย่างน่ารังเกียจอยู่หน้าประตูห้องผ่าตัด แต่เป็นปีศาจแมวที่สุภาพอ่อนโยนและสง่างามไร้พลังความชั่วใดๆ เหตุผลก็ยังเป็นเหตุผลนั้น คำขวัญก็ยังเป็นคำขวัญนั้น แต่การเลือกกลับต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ท้ายที่สุด โจวเจ๋อพบว่าตัวเองก็คือคนที่จอมปลอมคนนั้น ทั้งๆ ที่ชอบทำในสิ่งที่ตัวเอง ‘ชอบ’ เวลาที่ต้องเผชิญกับการตำหนิกลับชอบดึงหลักการอันยิ่งใหญ่เข้ามาเพื่อให้ตัวเองยืนอย่างมั่นคง

เขาอุ้มเจ้าลิงเดินออกมาจากโรงยิม มองดวงดาวที่อยู่เหนือศีรษะ เถ้าแก่โจวรู้สึกทอดถอนใจเล็กน้อย “อ้อใช่ โทรหานักพรตเฒ่า สั่งให้เขาพาเดดพูลหรือไม่ก็สาวน้อยตัวดำคนนั้นมาจัดการศพที่นี่หน่อย ถ้าเอาไปทำเป็นปุ๋ยได้จะยิ่งดี”

จางเยี่ยนเฟิงพยักหน้า ฟังคำสั่งของโจวเจ๋อหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรออก จากนั้นทั้งสองคนจึงเดินกลับไปที่โซนพักอาศัยของนักศึกษาอีกครั้ง

“เถ้าแก่ ผมจะไปส่งคุณ”

โจวเจ๋อสายหน้า “ผมขอเดินอีกหน่อย”

ด้านหน้ามีนักศึกษาหญิงใส่กระโปรงสั้นคนหนึ่งเดินผ่านไฟริมทาง เธอสะพายกระเป๋าสีแดงใบหนึ่ง ตัวสูงขายาวน่ามองเป็นอย่างยิ่ง

บังเอิญมีลมพัดเข้ามา กระโปรงจึงสะบัดพลิ้วขึ้นมา สายตาของโจวเจ๋อกับเหล่าจางไล่มองตามไปพร้อมกัน นี่คือการตอบสนองที่ปกติของคนเรา ไม่แบ่งว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง จริงๆ แล้วทุกคนต่างมีสัญชาตญาณของความสุขที่ได้แอบดูของลับของคนอื่น

ใครจะไปรู้ว่าพอกระโปรงพัดขึ้น หญิงสาวคนนั้นดันใส่กางเกงซับในขาสั้นสีขาว เฮ้อ… หญิงสาวเหลือบตามองโจวเจ๋อกับเหล่าจางที่อยู่ใกล้ๆ หนึ่งที เธอทำเสียงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ และเดินไปที่หอพักของตัวเองต่อ

โจวเจ๋อกับเหล่าจางสบตากัน ทั้งสองคนรู้สึกเขินอายเล็กน้อย

“สังคมสมัยนี้ ความเชื่อถือระหว่างคนกับคนมันต่ำขนาดนี้เลยเหรอ” โจวเจ๋อพูดอย่างปลงอนิจจัง

หนังหน้าของเหล่าจางยังไม่หนามากเหมือนเถ้าแก่ของตัวเอง เขาจึงได้แต่คลำหาบุหรี่อย่างเขินๆ ไม่กล้าประสมโรง

“คุณสอนเสร็จหรือยัง” โจวเจ๋อถาม

“ใกล้แล้ว มีเพื่อนร่วมงานช่วยสอนแทน”

“อืม อย่างนั้นพวกเราก็ไปกินมื้อดึกกัน ตอนกลางวันกับตอนเย็นผมยังไม่ได้กินอะไรเลย”

“ครับ”

ยมทูตอีกสามคนที่อยู่ต่างเมือง ตอนที่ดอกพลับพลึงแดงยังไม่ได้ปลูกออกมา ไม่สามารถส่งยาน้ำให้พวกเขาได้ชั่วคราว แต่เหล่าจางที่เดินสลอนอยู่ตรงหน้าจะต้องมีแน่นอน

ช่วงก่อนหน้านั้น เหล่าจาง ‘โดนหลอก’ ด้วยคำพูดให้กำลังใจของโจวเจ๋อ ให้นึกถึงความลำบากที่ผ่านมาจนมีความสุขในวันนี้ ดังนั้นข้าวทุกมื้อ จึงต้องพยายามยัดเข้าปากของตัวเองต่อให้ทรมานก็ไม่ยอมให้ตัวเองคายออกมา

ขณะเดียวกัน ทุกครั้งที่โจวเจ๋อกินข้าวกลับกินได้อย่างสบายใจ เหล่าจางรู้สึกนับถือเขามากจริงๆ จนกระทั่ง เขาได้พบความจริงตอนหลัง…

หน้าประตูมหาวิทยาลัยมีตลาดโต้รุ่งอยู่ไม่ไกลมาก มีร้านค้ามาขายของกับนักศึกษามากมาย และมหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็ไม่ได้กั้นประตูห้ามเข้า สามารถเข้าไปส่งเดลิเวอรี่ได้อย่างสะดวก

เจ้าลิงน้อยไม่อยากกินข้าวที่นี่ พอถึงหน้าประตูมหาวิทยาลัยจึงกระโดดออกจากอ้อมอกของโจวเจ๋อ มันรู้ว่านักพรตเฒ่าและพรรคพวกจะมาแล้ว ดังนั้นจึงจะไปหาพวกเขาโดยตรง

โจวเจ๋อก็ไม่ห่วงว่ามันจะหลงทางจึงปล่อยมันไป เขากับเหล่าจางนั่งอยู่หน้าร้านปิ้งย่างแห่งหนึ่ง โจวเจ๋อหยิบโทรศัพท์ออกมา ไถหน้าฟีดไปเรื่อย ส่วนเหล่าจางไปเลือกผัก

ผ่านไปสักพัก เหล่าจางนั่งลงพร้อมกับเบียร์สองขวดที่อยู่ในมือ เขาเทให้โจวเจ๋อหนึ่งแก้ว ส่วนตัวเองกลับถือชาจับเลี้ยง

“ผมขับรถ” เหล่าจางอธิบาย

โจวเจ๋อพยักหน้า หยิบแก้วขึ้นมาดื่มหนึ่งที

เวลานี้ มีเสียงคุ้นๆ ดังมาจากโต๊ะข้างๆ เขาเหลือบตามอง พบว่าไอ้หมอนั่นหน้าตาคุ้นมาก อ้อ ดูเหมือนจะเป็นประธานหยางของสมาคมนักศึกษาคนนั้น

ก่อนหน้านั้นที่อยู่ในจุดบริการน้ำ มีนักศึกษาใหม่สองคนเรียกเขาว่ารุ่นพี่หยางอี้ ผลปรากฏว่าถูกคนที่อยู่ข้างๆ ประธานสมาคมดุไปหนึ่งประโยค ‘ชื่อของประธานหยางคู่ควรให้พวกนายเรียกเหรอ’ อาหารยังไม่มาเสิร์ฟ โจวเจ๋อจึงได้แต่ฟังเสียงวุ่นวายของโต๊ะประธานสมาคมที่อยู่ข้างๆ พลางดื่มเบียร์อย่างเงียบๆ

โต๊ะนั้นมีทั้งหมดหกคน หญิงสามชายสาม เหมือนจะมีนักศึกษาใหม่มากกว่า และประธานหยางคนนั้นกับรองประธานได้แต่พูดโม้ไปเรื่อย

เขาโม้ว่าตัวเองเป็นนักศึกษาที่ทรงอิทธิพลขนาดไหน มีความสัมพันธ์ที่ดีกับหลายบริษัทข้างนอกมากแค่ไหน มีหน้ามีตามากแค่ไหนเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้บริหารและอาจารย์ของมหาวิทยาลัย

ราวกับว่าแค่มีเขาคุ้มครอง คุณก็สามารถเดินอยู่บนจุดสูงสุดของชีวิตได้อย่างราบรื่น ไม่ต้องกังวลทั้งเรื่องเรียนและเรื่องงาน เขาเหมือนกับลิงกอริลลาตัวหนึ่งทุบหน้าอกร้องอุๆ แสดงอารมณ์ของตัวเองไม่หยุด

โจวเจ๋อดื่มเบียร์ในแก้วที่เหลืออีกนิดจนหมด จากนั้นเหล่าจางจึงเทให้โจวเจ๋อใหม่เหมือนรู้ใจ

ต่อจากนั้น ดูเหมือนโต๊ะข้างๆ กำลังปรึกษาหารือเรื่องอะไรบางอย่าง ประธานหยางคนนั้นเป็นคนเริ่มก่อน บอกว่าจะจัดงานเลี้ยงเชื่อมสัมพันธ์กับนักศึกษาต่างชาติ แต่รองประธานที่อยู่ข้างๆ เขาบ่นว่ารองอธิการบดีได้จัดประชุมเล็กและเน้นย้ำว่าไม่อนุญาตให้จัดกิจกรรมนี้ ทำให้เขารู้สึกจนใจอย่างมาก

ได้ยินว่ารองอธิการบดีคนนั้นเรียกคนแต่ละแผนกรวมทั้งคนของสมาคมนักศึกษามาประชุมเป็นพิเศษ และเน้นย้ำว่านักศึกษาเดินทางมาไกลเพื่อมาเรียนที่มหาวิทยาลัยของพวกเรา พวกเราต้องให้พวกเขาตั้งใจเรียน และต้องทำให้พวกเขาหลอมรวมกับวัฒนธรรมของพวกเราเองให้ได้

ดังนั้นจึงไม่มีบริการพิเศษทางด้านหอพักและอาหารเลยสักนิด กระทั่งห้ามจัดกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์กับนักศึกษาต่างชาติทุกอย่าง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการตั้งใจเรียนของพวกเขา

รองประธานคนนั้นถอนหายใจพูด ถ้าหากไม่ใช่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยคนอื่นห้ามไว้ รองอธิการบดีคนนั้นคิดจะจัดกิจกรรม ‘ใส่ใจ’ ตั้งทีมงานจัดกิจกรรมตรวจเชื้อเอดส์ให้กับนักศึกษาต่างชาติทุกคนที่อยู่ในสถาบันแห่งนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล