เข้าสู่ระบบผ่าน

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 530

ตอนที่ 530 ถุงน่องดำ

“เอ่อ ผู้ปกครองของน้องโจวเหวินฟะ กรุณามาตรงนี้หน่อยค่ะ ยังต้องเซ็นชื่อลงเอกสารอีกสองฉบับนะคะ”

“…” โจวเจ๋อ

เมื่อเดินเข้าไปและเซ็นชื่อ ครูประจำชั้นเป็นครูสาวอายุน้อยคนหนึ่ง เธอตั้งใจถามว่าทำไมเด็กถึงแซ่ ‘โจว’ แต่พ่อดันแซ่ ‘สวี’ โจวเจ๋อตอบกลับไปว่า “ใช้แซ่ของแม่เด็ก”

ครูสาวพยักหน้าอย่างเห็นใจเล็กน้อย และยังเพิ่มเพื่อนวีแชตของโจวเจ๋ออย่างกระตือรือร้น พร้อมกันนั้นดึงวีแชตของโจวเจ๋อเข้า ‘กลุ่มผู้ปกครองชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ห้อง 2’

โจวเจ๋อตกอยู่ในภวังค์อยู่ครู่หนึ่ง และความรู้สึกแปลก ๆ อย่างเช่น ‘ฉันก็มีกลุ่มวีแชตผู้ปกครองกับเขาด้วย’ ก็ผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

ขั้นตอนทั้งหมดเป็นอันเสร็จสิ้น ขากลับเดินผ่านประตูชั้นเรียน เป็นช่วงพักพอดี พวกเด็กๆ พากันเล่นอยู่ข้างนอก โจวเจ๋อเห็นเด็กน้อยบ้านตัวเองนั่งอยู่ตรงนั้นกำลังมองหวังหรุ่ยจนเคลิบเคลิ้ม ‘หลงใหลมาแต่โบราณ ปราศจากความเกลียดชัง’

หวังหรุ่ยกำลังกินพายไข่แดง กัดไปคำหนึ่งก็หยิบกระดาษทิชชูมาเช็ด เธอสังเกตเห็นเพื่อนร่วมชั้นชายคนนั้นกำลังจ้องมองเธออยู่ตลอดเวลา ทำให้เธอต้องระมัดระวังตอนที่กินเอามากๆ

ผ่านไปครู่หนึ่ง หวังหรุ่ยเดินเข้ามาหาก่อน และวางพายไข่แดงลงบนโต๊ะของเด็กชาย “อะ กินสิ”

เด็กชายชะงักครู่หนึ่ง พยักหน้าและหยิบมันขึ้นมาจริงๆ

โจวเจ๋อยืนอยู่ริมหน้าต่างและตะโกนเข้าไปข้างใน “เฮ้ เหวินฟะ…”

เด็กชายหันหน้าไปมองโจวเจ๋อ

“ตั้งใจเรียนนะ” พูดจบ โจวเจ๋อก็ไป เพราะถ้าจะให้พูดมากกว่านี้ เถ้าแก่โจวก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ถ้าหวังเคอรู้ว่าโจวเจ๋อเอาหมูอายุหลายร้อยปีตัวหนึ่งไปอยู่กับผักกาดขาวลูกรักแสนมีค่าของเขา ก็ไม่รู้ว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกัน

เมื่อกลับมาที่รถก็พบว่าเป็นเวลาใกล้เที่ยงแล้ว ระหว่างขับรถกลับก่อนขึ้นทางยกระดับบังเอิญแล่นผ่านโรงพยาบาลเอกชนของหมอหลินพอดี พอมานึกๆ คำพูดของน้องภรรยาเมื่อคืนแล้ว โจวเจ๋อลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะเลี้ยวซ้ายตรงแยกถัดไปแล้วขับรถเลี้ยวเข้าไปในโรงพยาบาล

หลังจากซื้อกระเช้าผลไม้สองกระเช้าและนมอีกหนึ่งลังแล้ว โจวเจ๋อก็หิ้วมันเข้าไปที่ตึกแผนกผู้ป่วยใน สอบถามที่แผนกต้อนรับเสร็จสรรพจึงได้ทราบว่าพ่อตาของเขาอยู่หอผู้ป่วยพิเศษ เมื่อขึ้นลิฟต์ไปถึงชั้นดังกล่าวแล้วก็เดินไปที่ประตูหอผู้ป่วย เป้าหมายของโรงพยาบาลเอกชนคือการทำกำไร จึงมีหอผู้ป่วยในชั้นนี้น้อยมาก และล้วนเป็นห้องเดี่ยวทั้งสิ้น แน่นอนว่าราคาก็สูงเอาเรื่องเช่นกัน คนที่เต็มใจอยู่ที่นี่ถ้าไม่ร่ำรวยก็ผู้ลากมากดีทั้งนั้น

อืม พ่อตาของเรานอนโรงพยาบาลของครอบครัว จะต้องนอนที่นี่แน่ๆ

ครุ่นคิดพักหนึ่งถึงได้ผลักประตูห้องผู้ป่วยออก พ่อตาหลับพลางให้น้ำเกลืออยู่ มีเสื้อไหมพรมถักครึ่งตัววางอยู่ข้างๆ เตียงคนเฝ้า แม่ยายน่าจะเป็นคนเฝ้าไข้ แต่ตอนนี้ดันไม่อยู่ โจวเจ๋อไม่เอ่ยปากพูดอะไร วางกระเช้าผลไม้และนมแล้วเดินออกไป จากนั้นลงลิฟต์ไปชั้นล่างสุดโดยไม่ลังเล และเดินกลับไปยังลานจอดรถพร้อมกับขึ้นรถของเขา

ขณะที่เตรียมจะสตาร์ทรถขับออกไป โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เป็นสายของหมอหลิน

“ฮัลโหล”

“ฮัลโหล คุณมาแล้วเหรอคะ”

“เปล่านี่”

“ฉันเพิ่งรับสายจากแม่ฉันค่ะ บอกว่าไม่รู้มีใครมาเยี่ยมแล้วเอาของมาวางไว้แต่ไม่เห็นใคร”

“ไม่ใช่ผมจริงๆ”

“อ๋อ โอเคค่ะ งั้นก็คงเข้าใจผิด”

“อืม” หลังจากวางสาย โจวเจ๋อก็บิดขี้เกียจและขับรถออกจากลานจอดรถ บอกตามตรงเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงอยากจะมาเยี่ยมที่นี่นัก และไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงซื้อกระเช้าผลไม้มาด้วย ที่จริง หลังจากเข้าโรงพยาบาลไปก็รู้สึกเสียใจภายหลังนิดหน่อย

มนุษย์ล้วนมีความเห็นแก่ตัว อยากได้ผลประโยชน์ที่ดีที่สุด แต่ไม่รับผิดชอบภาระใดๆ ทั้งสิ้น ชีวิตแบบนี้ช่างวิเศษและสุขสบายเป็นที่สุด โจวเจ๋อรู้สึกว่าการได้นอนบนโซฟาเฝ้าดูผู้คนด้านนอกที่พลุกพล่านผ่านไปมาทุกวัน เป็นเรื่องที่เพลิดเพลินสำหรับเขาแล้วจริงๆ เขาไม่อยากทำให้ตัวเองกลายเป็นคนยุ่งวุ่นวาย ไม่ว่าจะเป็นเพราะสิ่งที่เรียกว่าหน้าที่การงานหรืออารมณ์ความรู้สึกก็ตาม

เพิ่งขับรถออกจากโรงพยาบาลได้ไม่นาน โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นอีกครั้ง ยังเป็นสายของหมอหลินเช่นเคย

“ฮัลโหล ไม่ใช่ผมจริงๆ”

“เปล่าค่ะ ฉันอยากรบกวนคุณเรื่องหนึ่ง”

“อืม ว่ามาสิ”

“พ่อฉันมีผ่าตัดบ่ายนี้ ฉันหวังว่าคุณจะเข้าร่วมด้วยน่ะค่ะ อาเจ๋อ ช่วยฉันด้วยนะ”

“คุณก็รู้ว่าผมถนัดด้านอะไร” โจวเจ๋อไม่เชี่ยวชาญการผ่าตัดหัวใจ โจวเจ๋อเองก็เชื่อว่าตระกูลหลินต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญการแพทย์สาขานี้จากที่อื่นมาทำการผ่าตัดครั้งนี้โดยเฉพาะ พ่อของหมอหลินเป็นผู้อำนวยการมาครึ่งชีวิตแล้ว ทั้งยังมีหน้ามีตาแบบนี้ด้วย

“คุณอยู่ ทำให้ฉันสบายใจค่ะ” เสียงหมอหลินแผ่วเบาเล็กน้อย คล้ายกับเด็กสาวตัวเล็กๆ ที่อ้อนวอนขอชุดเดรสจากพ่อที่ฐานะครอบครัวดูเหมือนจะไม่เอื้ออำนวย เมื่อบทสนทนาเงียบไปประมาณสิบกว่าวินาที สุดท้ายแล้ว

“ก็ได้ครับ” ก็เป็นเสียอย่างนี้

โจวเจ๋อที่เพิ่งขับรถออกไปขับวนกลับมาอีกครั้ง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ลานจอดรถชำเลืองมองโจวเจ๋อมากเป็นพิเศษ

เมื่อขึ้นมาถึง หมอหลินก็รออยู่หน้าประตูลิฟต์แล้ว เสื้อคลุมสีขาว ถุงน่องดำ ดูเป็นทางการแต่กลับยังมีเสน่ห์

พอเห็นโจวเจ๋อ หมอหลินก้าวไปข้างหน้าสองก้าวพลางเอ่ยเสียงเบา “ฉันอยากกอดคุณจัง”

โจวเจ๋อไม่ปฏิเสธ จากนั้นก็ถูกโอบกอด แต่เพียงผิวเผินเท่านั้นก็ผละออก

“หลังผ่าตัดเสร็จเรียบร้อย เปิดคลินิกรับปรึกษาฟรีสักวันสองวันสิ ใช้เงินทำอะไรสักอย่างหน่อย” ยังมีอีกสามคำที่โจวเจ๋อไม่ได้พูด นั่นก็คือ ‘สั่งสมบุญ’

“ค่ะ” หมอหลินออกไปแล้ว การผ่าตัดพ่อของเธอจะเริ่มขึ้นเร็วๆ นี้แล้ว เธอยังมีเรื่องต้องทำอีกมากมาย แต่คำพูดประโยคสุดท้ายของโจวเจ๋อ ทำให้เธอรู้สึกสบายใจแบบอธิบายไม่ถูก

เธอรู้จักตัวตนคร่าวๆ ของโจวเจ๋อแล้ว ถ้าเขาเต็มใจช่วยเหลือละก็ การผ่าตัดของพ่อก็ไม่น่าจะใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ทันใดนั้นหมอหลินก็รู้สึกว่าเธอค่อนข้างหน้าไม่อายทีเดียว ทั้งๆ ที่คนเขาวางท่าทีเย็นชาต่อความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เธอก็อดไม่ได้ที่จะเข้าหาอยู่ดี คราวนี้ ยังขอร้องให้เขาช่วยเรื่องพ่อของเธออีกต่างหาก เธอแค่อยากช่วยเขาทำอะไรสักอย่าง อย่างเช่น เปิดร้านขายยาอะไรทำนองนี้ เธอไม่ต้องการอะไรตอบแทน และไม่เคยคิดจะบีบบังคับใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ที่ใกล้จะแตกหักระหว่างทั้งสองเลย แต่อีกฝ่ายก็เป็นพ่อของเธอ เธอจนใจ เธอเองก็ลำบากมากเหมือนกัน

โจวเจ๋อเล่นปากกาบนโต๊ะทำงานอย่างเงียบๆ พอคิดว่าตัวเองจะยืนอยู่ข้างๆ ระหว่างการผ่าตัด หากการผ่าตัดมีปัญหาใดๆ แล้ววิญญาณพ่อตาของตัวเองลอยออกมาละก็ ก่อนที่ตัวเองจะส่งเขากลับไป ขอบีบๆ นวดๆ เขาเหมือนเป็นลูกบอลก่อนสักหน่อยได้ไหม

หึๆ น่าสนใจมากทีเดียว ตาแก่นั่นน่ะ

โจวเจ๋อเอนหลังเหยียดเท้าทั้งคู่บนโต๊ะทำงาน สายตาของเขาเหลือบมองลิ้นชักทั้งสองโดยไม่รู้ตัวอีกครั้ง จากนั้นส่ายหน้า เขาเป็นอะไรไปละเนี่ย ทำไมช่างน่าสมเพชขนาดนี้นะ และทำไมเขาถึงไม่เห็นถุงน่องสีเนื้อเลยล่ะ

เขาจุดบุหรี่โดยไม่สนใจว่านี่จะเป็นห้องทำงานของผู้หญิง พลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ‘กลุ่มผู้ปกครอง’ ที่เพิ่งเพิ่มก่อนหน้านี้ตอนนี้ข้อความปาไป ‘999+’ แล้ว ผู้ปกครองพวกนี้ไม่ทำงานหรือไง เอาแต่พล่ามอะไรในกลุ่มทั้งวัน

โจวเจ๋อเปิดเข้ากลุ่มวีแชต หมายเหตุตรงชื่อของเขาถูกเปลี่ยนเป็น ‘พ่อน้องโจวเหวินฟะ’ ไปแล้ว ทำให้โจวเจ๋อไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีไปพักหนึ่ง

พ่อน้องเฉินเสี่ยวเหมียว: “ช่วงนี้ครูจูลำบากแล้ว วันชาติครูจูก็ไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่น สอนพิเศษให้ลูกๆ ของพวกเรา ทำงานหนักจริงๆ เลยครับ”

แม่น้องซุนอี้หลง: “ใช่ค่ะ ครูจูทำงานหนักมากเลย ทำเพื่อลูกของพวกเราทั้งนั้น”

พ่อน้องจ้าวเหว่ย: “จริงด้วยครับ พวกเรามาปรึกษากันเถอะว่าจะซื้ออะไรเป็นของขวัญให้ครูจูดี”

แม่น้องหวังเฉียง: “อื้ม ผู้ปกครองอย่างเราๆ ช่วยกันออกเงิน เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ เห็นแก่ครูจูที่ลำบากในการสอนลูกของพวกเรา”

พ่อน้องหลิวหมิงหมิง: “ผมเห็นด้วยครับ ว่าแต่พวกเราจะซื้ออะไรดีล่ะ”

พ่อน้องเซวียเต๋อข่าย: “ถามครูจูหน่อยว่าขาดเหลืออะไรบ้าง บรรดาผู้ปกครองอย่างเรารวมเงินกันซื้อให้ครูจู ไม่สนว่าจะแพงแค่ไหน ล้วนเป็นความจริงใจเล็กๆ น้อยๆ ของพวกเราเหล่าผู้ปกครอง พวกนี้น่ะถ้าเทียบกับความลำบากของครูจูแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเลยด้วยซ้ำ”

พ่อน้องจ้าวเหว่ย: “จริงด้วย ไม่ต้องเอ่ยถึงเลยด้วยซ้ำ”

พ่อน้องโจวเหวินฟะ: “ผมว่าครูจูอายุยังน้อยแบบนี้ น่าจะยังไม่ได้ซื้อบ้านในเมืองใช่ไหมครับ พวกเรามารวมเงินซื้อห้องชุดในเมืองให้ครูจูกันเถอะ!”

ทั้งกลุ่ม

เงียบกริบ…

…………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล