ตอนที่ 531 อำนาจเงิน
“สวัสดีค่ะ” พยาบาลคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูห้องทำงาน เป็นพยาบาลคนที่ยกกาแฟเข้ามาเมื่อครู่นี้ เธอเป็นคนหน้าใหม่ อาจจะยังไม่เคยเจอและไม่รู้สถานะของโจวเจ๋อ ถึงอย่างไร ในช่วงหนึ่งปีมานี้ความสัมพันธ์ระหว่างโจวเจ๋อกับหมอหลินไม่ได้สนิทสนมอะไร
“มีอะไรครับ” โจวเจ๋อวางโทรศัพท์มือถือลงพลางเอ่ยถาม
“ผู้อำนวยการหลินให้ฉันมาแจ้งคุณว่าการผ่าตัดจะเริ่มขึ้นแล้วค่ะ เชิญคุณตามดิฉันมาเตรียมตัวก่อนได้เลยค่ะ”
“อ๋อ ครับผม” ตามพยาบาลไปเปลี่ยนหน้ากากอนามัยและเสื้อผ้า หลังจากล้างมือสะอาดแล้ว พยาบาลก็ส่งรองเท้าแตะผ่านการฆ่าเชื้อให้ โจวเจ๋อจึงสวมรองเท้าแตะเดินออกมา
“คุณคือคนที่ผู้อำนวยการเชิญมาผ่าตัดใช่ไหมคะ” พยาบาลถามด้วยความสงสัยเล็กน้อย เพราะเธอดูออกว่า ถึงแม้โจวเจ๋อจะดูเด็กมาก แต่เขากลับคุ้นเคยกับกระบวนการทั้งหมดนี้จนไม่รู้จะมากกว่านี้อย่างไรแล้ว
“เหอะๆ คงงั้นมั้งครับ” โจวเจ๋อมองรองเท้าแตะใต้ฝ่าเท้าตัวเองพร้อมทอดถอนใจด้วยความหดหู่
ที่จริงแล้ว การที่แพทย์หลายคนสวมรองเท้าแตะเข้าไปในห้องผ่าตัดไม่ได้เป็นการดูหมิ่นแต่อย่างใด ประการแรกเลย รองเท้าแตะผ่านการฆ่าเชื้อแล้วถูกสุขลักษณะมากกว่ารองเท้าผ้าใบกับรองเท้าหนังเสียอีก แถมยังสามารถป้องกันการติดเชื้อในบาดแผลของผู้ป่วยระหว่างการผ่าตัดอีกด้วย ประการที่สอง หลังผ่าตัดแล้วทุกคนก็สามารถสวมรองเท้าแตะไปอาบน้ำได้เลย มันทั้งง่ายและสะดวก หากมีเลือดหรือสิ่งสกปรกอื่นๆ เลอะบนรองเท้าก็สะดวกต่อการทำความสะอาดอีกต่างหาก
เมื่อเปิดประตูห้องผ่าตัด โจวเจ๋อก็เห็นว่ามีคนจำนวนไม่น้อยอยู่ภายใน ดูเหมือนว่าเขาจะมาสายหน่อยๆ ด้วย หมอหลินที่สวมหน้ากากอนามัยพยักหน้าให้โจวเจ๋อ โจวเจ๋อก็พยักหน้าตอบเช่นกัน
หัวหน้าศัลยแพทย์ในห้องผ่าตัดเป็นหมอสูงอายุที่มีเคราและผมหงอกท่านหนึ่ง โจวเจ๋อรู้จักเขา เขาเป็นปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจในวงการแพทย์ นับว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่ทรงอิทธิพลมากที่สุด อย่างน้อยๆ ก็ในประเทศจีน โจวเจ๋อต้องถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ‘มีเงินนี่มันดีจริงๆ มีเส้นสายสัมพันธ์นี่มันดีจริงๆ’
พ่อตานอนอยู่บนเตียงผ่าตัด ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบผลยาสลบ ดูเหมือนว่ายังไม่ได้วางยาสลบ เวลานี้จึงคุยกับอาจารย์หมออยู่ เพราะเป็นคนอยู่ในวงการเดียวกัน กับผู้ป่วยรายอื่นๆ นั้นต้องปฏิบัติตามขั้นตอนมากมายแต่ในที่นี้กลับไม่จำเป็นต้องทำ
โจวเจ๋อเข้ามายืนข้างกายหมอหลิน เขาไม่มีภารกิจผ่าตัด เพียงแต่มาเป็นตัวนำโชคก็เท่านั้น แต่ทว่า ไม่นานนักสายตาของพ่อตาบนเตียงผ่าตัดเหลือบมองเขา สายตาของพ่อตาพลันแข็งค้าง
“นาย…” ทันใดนั้น สีหน้าพ่อตาเริ่มเหยเกเจ็บปวดรวดร้าวสุดๆ ราวกับว่าหายใจไม่ออก
“อัตราการเต้นหัวใจของคนไข้มีปัญหา!”
“อาจเสี่ยงต่อภาวะหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน!” ในห้องผ่าตัด ‘ชุลมุน’ ขึ้นมาทันที ยังไม่ทันจะเริ่มผ่าตัดเลยก็มีปัญหาก่อนเสียแล้ว
“…” โจวเจ๋อ
ให้ตายเถอะ ตาแก่นี่จงใจใช่ไหม คุณแม่งเกลียดผมขนาดไหนกันล่ะเนี่ย ผมอุตส่าห์สวมหน้ากากอนามัยแถมไม่ได้เจอคุณมาตั้งหนึ่งปี มองแค่แวบเดียวคุณก็ดันจำได้เสียอย่างนั้น
“ช่วยชีวิตไปพร้อมๆ กับการผ่าตัดก่อนเลย ไม่อาจรอช้าได้อีกแล้ว!” อาจารย์หมอเริ่มสั่งการ และหมอที่อยู่รอบๆ เตียงผู้ป่วยก็เริ่มงานกันทันที ส่วนโจวเจ๋อก็ยืนอยู่ข้างๆ
เวรเอ๊ย น่าขายหน้าชะมัด ถ้าตาแก่นี่ตายไปทั้งอย่างนี้จริงๆ มันจะไม่กลายเป็นว่าโมโหเขาจนช็อกตายหรอกเหรอ
เขาจะตายหรือไม่ จริงๆ แล้วโจวเจ๋อไม่ได้ใส่ใจมากนัก ประเด็นก็คือคาดว่าหมอหลินคงจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตเลยก็ได้ เพราะเธอเชิญเขามาเอง แต่สุดท้ายกลับทำให้พ่อแท้ๆ โมโหจนช็อกตายก่อนผ่าตัดเสียอีก
เถ้าแก่โจวยืนอยู่ข้างๆ ขณะที่วิสัญญีแพทย์เพิ่งยืนขึ้นเพื่อฉีดยา โจวเจ๋อก็แอบดึงเก้าอี้กลมที่วิสัญญีแพทย์นั่งอยู่ก่อนหน้านี้มานั่งเสียเอง เขาเอื้อมมือไปคลำกระเป๋าอยากจะสูบบุหรี่สักมวนตามจิตใต้สำนึก แต่มองดูสภาพแวดล้อมที่นี่แล้วก็ต้องละทิ้งไปก่อน ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ อีกทั้งจากประสบการณ์แล้วผ่าตัดหัวใจจะใช้เวลาค่อนข้างนานมากทีเดียว โจวเจ๋อจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเตรียมฆ่าเวลาสักหน่อย
ตอนนี้ นอกจากวิสัญญีแพทย์ที่ว่างชั่วคราวหลังจากทำงานเสร็จกำลังมองเถ้าแก่โจวด้วยแววตาโศกเศร้าระคนขุ่นเคืองแล้ว ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นเขาอีกต่อไป
ทนายอันส่งข้อความวีแชตมาบอกว่าเขากำลังยุ่งเรื่องเปลี่ยนชื่อให้เด็กชาย พี่เหวินฟะ (ตัวจริง) เพิ่งบริจาคทรัพย์สินของครอบครัวหลายพันล้านเพื่อการกุศล เขาจึงรู้สึกว่าไม่เหมาะจะให้เด็กชายใช้ชื่อนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ตัวตนของโจวเจ๋อที่มีสถานะเป็น ‘พ่อ’ ยิ่งไม่เหมาะสมเข้าไปใหญ่ มนุษย์มักจะให้ความสนใจกับสิ่งต้องห้าม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการดำรงอยู่ของพวกเขาที่เป็นตัวตนจากยมโลก สิ่งเหล่านั้นอาจจะเกี่ยวพันลึกลงไปอีกหน่อย ส่วนโจวเจ๋ออย่างไรก็ได้อยู่แล้ว แค่ตอบกลับไปว่าเขาเห็นด้วย จากนั้นดูอีกสักหน่อย โจวเจ๋อก็พบว่าวีแชตของเขาถูกครูจูเตะออกจากกลุ่มไปแล้วเรียบร้อย
‘ผมอุตส่าห์เรียกร้องให้พวกผู้ปกครองซื้อบ้านให้คุณ คุณยังเตะผมออกอีกเนี่ยนะ’ โจวเจ๋อยิ้มกริ่มในใจ ครูสาวนี่อารมณ์ร้อนเสียจริง อย่างนี้ไม่ดีเลย
เล่นโทรศัพท์มือถือจนรู้สึกปวดคออยู่หน่อยๆ โจวเจ๋อจึงเงยหน้าขึ้นพลางขยับคอเล็กเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ชะงักค้างไป
ฉิบหาย แม่เจ้าโว้ย! ดวงวิญญาณพ่อตาเกือบจะลอยออกจากเพดานแล้ว! ถ้าเขาตั้งใจเล่นมือถืออีกสักพักละก็ คาดว่าดวงวิญญาณของพ่อตาคงข้ามสะพานไน่เหอโดยที่เขาไม่รู้ไปแล้ว
ดวงวิญญาณของพ่อตาอยู่เหนือหัว แววตาของเขาเหม่อลอยและอับจนหนทาง แต่โดยรวมแล้วก็ยังถือว่าสงบนิ่ง แม้ว่าชายชราคนนี้จะถือศักดินาและให้ความสำคัญกับชายมากกว่าหญิงไปสักหน่อย แต่ก็ใช้ชีวิตในชาตินี้ได้ไม่เลวเลยทีเดียว เขาได้เห็นชีวิตและความตายท่ามกลางคลื่นลมโหมแรงมาไม่น้อย เวลานี้จึงสามารถจากไปอย่างสงบได้
เขามองเห็นว่าทั้งห้องผ่าตัดรวมทั้งลูกสาวของเขาด้วยต่างพากันช่วยทำการผ่าตัด
ยกเว้น
ยกเว้นก็แต่
ยกเว้นก็แต่หมอนั่นที่ขัดหูขัดตาและเกือบทำให้เขาโมโหจนช็อกตาย ดันนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ตรงนั้น!
เมื่อมองย้อนกลับไปในชีวิต ชายชรารู้สึกว่าเรื่องที่เขาตาไม่ถึงที่สุดก็คือการเลือกสวีเล่อมาเป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ตอนนั้นรู้สึกว่าเจ้าเด็กสวีเล่อนี่
พ่อแม่ตายหมดแล้ว ดีจะตาย!
ฐานะบ้านเกิดยากจน ดีจะตาย!
ไร้ความสามารถ ดีจะตาย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล