ตอนที่ 532 การผ่าตัดสิ้นสุด
เมื่อการผ่าตัดสิ้นสุดลงก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว โจวเจ๋อเห็นทั้งน้องภรรยาและแม่ยายอยู่ในห้องผู้ป่วยจากระยะไกลๆ แต่เขาไม่ได้เข้าไปทักทาย อย่าให้เขาโผล่หน้าออกมาเลย เพิ่งจะช่วยชีวิตพ่อตากลับมาได้หยกๆ อย่าให้แม่ยายโมโหจนล้มลงไปอีกคนเลยจะดีกว่า
พอกลับมาถึงห้องทำงานของหมอหลิน โจวเจ๋อก็เปิดประตูห้องด้านในและนอนลงบนเตียง อันที่จริงแล้ว บอกตามตรงโจวเจ๋อเองก็ไม่แน่ใจว่าที่การผ่าตัดเสร็จลุล่วงในตอนท้ายเป็นเพราะตัวเขาหรือเป็นเพราะ ‘คำสัญญา’ เหล่านั้นกันแน่ หรืออาจจะเป็นทั้งสองอย่างละมั้ง คงไม่สามารถดึงพ่อตาออกมาแล้วลองดูอีกครั้ง
หลังจากนั้นไม่นาน หมอหลินก็เปิดประตูเดินเข้ามา โจวเจ๋อนอนอยู่บนเตียงของเธอ เธอก็ไม่แปลกใจเลยสักนิด
“คุณทำงานต่อสินะ” โจวเจ๋อถาม
“เรื่องรับรองน่ะ ฉันให้รองผู้อำนวยการของฉันไปทำให้แล้วค่ะ แล้วยังมีเรื่องปรึกษาฟรีอีก ฉันจะเริ่มจัดเตรียมในวันพรุ่งนี้” หมอหลินนั่งลงบนเตียงพลางเอ่ย “ฉันยังไม่ได้อาบน้ำ ฉันไปอาบน้ำก่อนนะคะ” พูดจบ เธอก็เดินเข้าห้องอาบน้ำที่อยู่ข้างในตามด้วยเสียงน้ำดังออกมา
โจวเจ๋อนอนตะแคงมองห้องน้ำที่มีฝ้าบังเอาไว้ เขาจำได้ว่าตอนที่อยู่บ้านหมอหลินก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าจะเคยเห็นหมอหลินอาบน้ำผ่านประตูแบบนี้มาก่อน จำได้แค่ทิวทัศน์ที่สวยสดงดงามในตอนนั้น
ไม่นาน หมอหลินก็เปิดประตูห้องน้ำออกพร้อมกับเดินออกมา
โจวเจ๋อดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันที
นี่ เอาเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนวางไว้ในห้องน้ำหมดเลยเหรอเนี่ย ไม่กลัวเสื้อผ้าเปียกตอนอาบน้ำหรือไง! ทำไมถึงได้ขี้เกียจขนาดนี้ เอาวางไว้บนหัวเตียงไม่ได้เหรอ ไม่อยากจะเดินอีกสักสองสามก้าวสินะ
เวลานี้เห็นเพียงหมอหลินที่เปลี่ยนไปสวมชุดทำงานเดินออกมาเท่านั้น ฉากหยิบผ้าเช็ดตัวไปห่อตัวเองในสภาพแวดล้อมที่มีไอน้ำอบอ้าวและเดินออกมาในจินตนาการไม่ปรากฏขึ้น
“หิวหรือยังคะ” หมอหลินถาม
“ไม่หิว” โจวเจ๋อส่ายหน้า และไม่ได้ซ่อนความผิดหวังบนใบหน้าของเขา ถึงจะเป็นสามีภรรยากันไม่ได้แต่ก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ใช่ไหม เห็นเพื่อนรักเปลือยล่อนจ้อนก็เป็นเรื่องปกติระหว่างเพื่อนไม่ใช่เหรอ
เวลานี้หมอหลินเดินไปที่หัวเตียงและหยิบถุงน่องสีขาวออกมาคู่หนึ่ง ยืนสวมมันอยู่ตรงหน้าโจวเจ๋ออย่างเป็นธรรมชาติ โจวเจ๋อก็มอง มองเธอสวมใส่อยู่อย่างนี้เงียบๆ
บางครั้ง แค่ได้มองก็เพลิดเพลินกับความสวยงาม งดงามเกินกว่าจะเป็นของที่สวยงาม ทำให้คุณทนไม่ไหวอยากจะฉีกมันทิ้ง สวย สวยมาก ท่วงท่าการสวมใส่ ทำให้ลมหายใจของเถ้าแก่โจวเริ่มติดขัดขาดห้วงอย่างช้าๆ หลังจากที่เนื้อผ้าถูกดึงขึ้น
แต่ในตอนนี้เอง โทรศัพท์มือถือของโจวเจ๋อดังขึ้น ทำไมตอนที่ต้องการใช้มือถือ มันมักจะเสียตลอด แต่พอตอนนี้มันกลับดีอย่างน่าประหลาด โจวเจ๋อหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เป็นสายเรียกเข้าของทนายอัน
“ฮัลโหล เถ้าแก่”
“มีอะไร”
“มีเรื่องน่ะ คุณรีบกลับมาตอนนี้จะดีที่สุด” น้ำเสียงของทนายอันเคร่งเครียดมาก ซึ่งก็หมายความว่าเกิดเรื่องค่อนข้างร้ายแรงขึ้นจริงๆ
โจวเจ๋อกัดฟัน ลุกขึ้นยืนพลางมองหมอหลินสวมถุงน่องสีขาว และพูดอย่างขอโทษว่า “มีเรื่องด่วนน่ะ ผมต้องกลับก่อนแล้ว”
หมอหลินพยักหน้า ไม่พูดอะไร แม้ว่าเธอจะให้คนจองร้านอาหารเอาไว้ แถมยังเป็นสถานที่ที่มีบรรยากาศดีริมแม่น้ำหาวก็ตาม
สายตาของโจวเจ๋อยังอาลัยอาวรณ์อยู่บนตัวหมอหลิน ก่อนจะหมุนตัวกลับมาอย่างไม่เต็มใจ เดินออกจากห้องทำงานและเข้าลิฟต์ไป หลังจากประตูลิฟต์ปิด เขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกโดยไม่รู้ตัว
เมื่อหลับตาลง ดูเหมือนว่ายังมีขาขาวๆ และถุงน่องสีขาวๆ อยู่ในหัว เถ้าแก่โจวไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นนักบุญ ชาติก่อนเขาก็เป็นสามัญชนคนธรรมดา ชาตินี้เขาก็เป็นผีสามัญชนคนธรรมดา ไม่ใจเต้นเป็นเรื่องโกหก ไม่หุนหันพลันแล่นก็เป็นเรื่องโกหก แต่ราคาค่างวดในความผิดนั้นสูงไปหน่อย สูงมากพอถึงขนาดที่จะเปลี่ยนแผนชีวิตในอนาคตของคุณ หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนชีวิตในปัจจุบันของคุณไปเลยก็ว่าได้
เขาไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนั้นหากทนายอันไม่โทรมา บางทีอาจจะเกิดอะไรขึ้นจริงๆ ละมั้ง ผมเพิ่งช่วยชีวิตพ่อของคุณ คุณตอบแทนผมด้วยเรือนร่างก็สมเหตุสมผลแล้ว คุณยินยอมผมพร้อมใจ แต่ต้องทำจนถึงกับกินให้แห้งเช็ดให้สะอาดแล้วพูดว่า ‘เจ๊ากันแล้ว’ อย่างหน้าด้านๆ เถ้าแก่โจวรู้สึกว่ามันลำบากใจจริงๆ
ความร้อนรุ่มบนร่างกายของโจวเจ๋อไม่จางหายไป ตลอดจนขับรถขึ้นทางด่วน เวลานี้บางทีจิบกาแฟสำเร็จรูปหมดอายุจากแก้วใบใหญ่ยักษ์ของทนายอันอาจจะได้ผลที่น่าอัศจรรย์ก็ได้
จนในที่สุดก็ขับรถกลับไปถึงประตูร้านหนังสือ จิตใจของโจวเจ๋อถึงได้ค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมา มีคนกลุ่มใหญ่อยู่หน้าประตูร้าน โจวเจ๋อนึกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับร้านหนังสือตามสัญชาตญาณ แต่พอมองอย่างละเอียดแล้วพบว่ามันผิดปกติ เกิดเรื่องในร้านขายยาข้างร้านหนังสือต่างหาก
ตำรวจปิดล้อมสถานที่เกิดเหตุเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยไว้แล้ว แต่ยังได้ยินเสียงตะโกนเสียงปาข้าวของดังเป็นระยะๆ โจวเจ๋อแหวกฝูงชนและเบียดเข้าไปจนมองเห็นว่ามีคนคนหนึ่งถูกตำรวจมัดไว้ในร้านขายยา เป็นชายหนุ่มร่างกำยำ มือทั้งสองข้างถูกใส่กุญแจมือ แต่ยังพุ่งกระแทกเข้าใส่ไม่หยุด ตำรวจหลายนายไม่สามารถคุมเขาไว้ได้
ทนายอันยืนอยู่ในร้านขายยา หลังจากสังเกตเห็นโจวเจ๋อกลับมาแล้วจึงเดินรุดเข้าไปหาก่อน
“โรคพิษสุนัขบ้าเหรอ” โจวเจ๋อพูด
ดูจากท่าทางของผู้ชายคนนี้แล้วเหมือนอาการโรคพิษสุนัขบ้ามาก แต่ก็รู้สึกว่ามันผิดปกตินิดหน่อยอยู่ดี หากเป็นแค่โรคพิษสุนัขบ้าอย่างเดียวละก็ ทนายอันไม่น่าจะอุตส่าห์โทรขอให้เขามาหรอก หรือว่าทนายอันจะเบื่อจน ‘วะฮ่าๆ ฮ่าๆ เถ้าแก่ มาดูโรคพิษสุนัขบ้าสิ น่าสนุกจังเลย!’ มันเป็นไปไม่ได้หรอก
“ไม่ใช่โรคพิษสุนัขบ้า” ขณะที่พูด ทนายอันก็ลดเสียงเบาลงและกระซิบกระซาบข้างหูโจวเจ๋อ “เถ้าแก่ ดูตาของเขาสิ”
โจวเจ๋อพินิจพิเคราะห์ครู่หนึ่ง นัยน์ตาลึกๆ ของคนคนนั้นมีสีเขียวจางๆ อยู่ชั้นหนึ่ง
“นี่เป็นวิญญาณที่ถูกเกี่ยวไป” ทนายอันพูด “หนึ่งในสามจิตเจ็ดวิญญาณถูกเกี่ยวดึงออกไป คล้ายกับพวกคุณที่เป็นศัลยแพทย์ทำการผ่าตัดนี่แหละ แต่ดวงวิญญาณจะต่างกันออกไป หลังจากถูกตัดส่วนหนึ่งออกไปคนก็จะคลุ้มคลั่ง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล