ตอนที่ 541 ปลดล็อก!
เรื่องเถ้าแก่ฉวีก็ยังถูกโจวเจ๋อขวางไว้ เขาเดินกลับไปร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่อย่างจนใจ ส่วนโจวเจ๋อก็กลับร้านหนังสือไป
ในร้านหนังสือ เหล่าจางกินเสร็จแล้ว ทนายอันลากเขาเข้าไปในห้องส่วนตัว และยังคงทำงานตามอุดมการณ์อยู่ เหล่าจางก็เอาแต่รับมือเท่านั้น ไม่ยอมรับปากเสียที
การทำงานของตำรวจทำให้ต้องเผชิญกับ 3 ลัทธิ[1] 9 กระแส[2]เสมอ จึงรู้หนักเบารู้ความพอเหมาะพอควร การพูดจาอ้อมค้อมไม่ให้เสียน้ำใจไม่ใช่เหล่าจางจะพูดไม่เป็น แต่กลับกันในขณะนี้กำลังโม่บดเต้าหู้[3]กับทนายอันอย่างเชื่องช้า
อิงอิงรินกาแฟให้โจวเจ๋อหนึ่งแก้วพร้อมกับยกมาเสิร์ฟพลางเอ่ยถาม “เถ้าแก่ ทำไมท่านถึงไม่รับปากฉวีหมิงหมิงคนนั้นเล่าเจ้าคะ”
“ทำไม กระทบต่อการที่คุณไปเล่นเกมบ้านพวกเขาเหรอ”
“ข้าไม่ได้ไปตั้งนานแล้วเจ้าค่ะ”
อืม นับตั้งแต่อิงอิงพบว่าเจ้าลิงในร้านของตัวเองเล่นเกมเก่งและเทพมาก เธอก็ไม่ไปร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ฝั่งตรงข้ามอีกเลย
“เขาอุตส่าห์เอ่ยปากพูดกับผมทั้งที ก็ต้องคิดเองเออเองว่ามีแนวโน้มที่ผมจะรับปากน่ะสิ อย่างน้อยก็ทำให้ผมมีแนวคิดว่าผมจะได้ประโยชน์จากมัน แต่พืชดอกข้างบ้านสำคัญกับพวกเรามากเกินไป ผมไม่อาจปล่อยให้เขาเข้ามายุ่มย่ามที่นี่ได้ แม้ว่าจะเป็นแค่การยืมสถานที่ก็ตามที”
“เจ้าค่ะ อิงอิงเข้าใจแล้ว อ้าว ฝนตกแล้ว วันนี้ลืมเก็บเสื้อผ้าไปเสียสนิท”
เข้าสู่ค่ำคืนดึกสงัดแล้ว อากาศก็เริ่มเย็นลงมาได้สักพัก ด้านนอกยังมีฝนตกปรอยๆ ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าจะเป็นถนนหนานต้าก็ตาม ในเวลานี้มีผู้คนบนถนนไม่มากนัก
มีหญิงสาวสวมรองเท้าส้นสูงคนหนึ่งถือร่มสีแดงเดินทอดน่องท่ามกลางฝนโปรยปราย เธอเดินไปพลาง มองรอบๆ ไปพลาง คล้ายกับนักท่องเที่ยวในจุดชมวิวบนภูเขากำลังชื่นชมทิวทัศน์สวยงามที่หาได้ยาก
ผิวของเธอค่อนข้างขาวผ่อง แต่ถ้ามองอย่างละเอียดละก็ จริงๆ แล้วก็จะสามารถสังเกตเห็นขอบเบ้าตาของเธอแดงเป็นปื้นแปลกๆ ไม่เหมือนกับการแต่งหน้า เป็นเหมือนกับปานแต่กำเนิดเสียมากกว่า
เธอเดินอย่างเชื่องช้า คล้ายกับกำลังหาอะไรบางอย่าง เมื่อเดินไปเรื่อยๆ ราวกับว่ารองเท้าส้นสูงใต้เท้าไม่พอดีกับเท้าเล็กน้อย เธอนั่งลงบนม้านั่งยาวริมถนน ก่อนจะถอดรองเท้าออกและเอื้อมมือไปนวดข้อเท้าของตัวเอง
มีคนเดินเท้าประปรายอยู่รอบข้าง พอได้เห็นฉากนี้ก็จงใจหยุดฝีเท้ามองดูอยู่หลายครั้ง เพราะหญิงสาวสวมถุงน่องสีขาว หญิงสาวไม่ได้สนใจสายตาคนพวกนี้ เอาแต่นวดเท้าตัวเองอย่างขะมักเขม้น ขณะเดียวกันก็กางร่มคลุมร่างกายท่อนบนของเธอ
ผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาเห็นเพียงร่างกายท่อนล่างของเธอ แต่กลับไม่อาจพบว่าในดวงตาภายใต้ร่มที่ปกคลุมอยู่นั้นเปล่งประกายสีแดงวาววับเป็นระยะๆ
ท่ามกลางขอบเขตการมองเห็นของเธอ โลกที่เป็นสีสันสดใสพลันเปลี่ยนไปเหลือเพียงสีขาวดำ ไอหมอกสีดำสายแล้วสายเล่าไหลมาที่นี่ บ้างก็หนา บ้างก็บาง บ้างก็แน่นขนัด บ้างก็บางตา หากแยกแยะให้ดีละก็ คล้ายกับแม่น้ำร้อยสายไหลไปสู่ทะเล
เมื่อเพ่งมองอยู่นานถึงยืนยันตำแหน่งทิศทางได้ หญิงสาวไม่รู้ว่าโลกที่เต็มไปด้วยสีสันละลานตาทำให้ตาลายฝ้าฟางไปแล้วหรือเป็นอะไร แต่โดยรวมก่อนหน้านี้เธอก็หลงทางเข้าแล้วจริงๆ
เธอผุดลุกขึ้นและมองหาเป้าหมายของเธอใหม่อีกครั้ง พร้อมกับกางร่มเดินทอดน่องท่ามกลางสายฝนโปรยปรายต่อไป
โลกที่มีสีสันทำให้คนหลงทางได้ง่ายเสียจริง หญิงสาวก็ยังชอบนรกมากกว่าอยู่ดี ที่นั่นจำเจและเรียบง่าย ราวกับหยกโบราณชิ้นหนึ่ง ขจัดสิ่งเจือปนออกหมดแล้วเหลือไว้แต่สิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุด
โลกมนุษย์ช่างยุ่งเหยิงเกินไป
“อ๊ากกกกก ฉิบหาย เวรเอ๊ย อ๊ากกกก!!!!!!” ชายวัยกลางคนถือโทรศัพท์มือถือและกระทืบเท้าก่นด่าไม่หยุด เรียกร้องความสนใจจากคนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง
“เขาเป็นอะไรน่ะ” เด็กสาวที่เดินกางร่มพร้อมกับแฟนหนุ่มถามแฟนหนุ่มข้างกาย
ตอนออกไปชอปปิงด้วยกันในช่วงบ่าย แม้ว่าแฟนหนุ่มจะดูโทรศัพท์มือถือตลอดเวลา แต่เห็นได้ชัดว่าตื่นเต้นมาก และไม่รู้ว่าทำไมถึงหัวเราะคิกคักเหมือนคนโง่ไปได้ ทว่าตั้งแต่เมื่อสักครู่นี้จู่ๆ แฟนหนุ่มกลับมีสีหน้าบึ้งตึง ดูไม่มีความสุขเอาเสียเลย
นี่ ขั้นตอนต่อไปคือไปที่โรงแรมแล้วนะยะ คุณเป็นบ้าอะไรของคุณเนี่ย!
แฟนหนุ่มถอนหายใจเฮือก เผยสีหน้าเข้าอกเข้าใจ พลางพูดออกมาด้วยความขุ่นเคืองและไม่เป็นธรรม “สุ่มไม่พลาดมันจะตายหรือไงวะ!”
“อะไรเหรอ” แฟนสาวไม่เข้าใจ
“เธอไม่เข้าใจหรอก” แฟนหนุ่มพูดจบก็ทิ้งแฟนสาวไว้ กางร่มของตัวเองเดินไปข้างๆ ผู้ชายที่กระทืบเท้าก่นด่า และช่วยบังฝนให้เขา ขณะเดียวกันก็เอื้อมมือไปโอบไหล่อีกฝ่ายแล้วออกแรงตบเบาๆ
“…” แฟนสาว
หญิงสาวสวมรองเท้าส้นสูงมองฉากนี้ด้วยความฉงนใจเล็กน้อย แล้วทอดถอนใจอีกครั้ง โลกมนุษย์เละเทะไปหมดจริงด้วยสินะ ทันใดนั้น หญิงสาวก็ก้าวเท้าเยื้องย่างออกจากที่นี่ สถานที่ที่เธอจะไปอยู่ในเมืองแห่งนี้ ในหนึ่งปีนี้มีเรื่องราวเกิดขึ้นที่นี่มากมาย แต่สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจก็คือ ดูเหมือนว่าหลายสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ล้วนถูกเลือกให้ละเลยมันไป
โชคดีที่ยมโลกมีระบบแก้ไขข้อผิดพลาดของเธอเอง ในที่สุดก็ถูกรื้อออกมาจนได้ ฉะนั้น เธอจึงต้องมาดูเสียหน่อย เธอยังสงสัยนิดหน่อยว่าทำไมเกิดเรื่องขึ้นที่นี่มากมายหลายอย่าง แต่พวกยมทูตที่นี่กลับไม่ได้อยู่ในสายตาของยมโลกเช่นเคย
นี่มันเพราะอะไรกันแน่ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ยมโลกมีการสั่งการหลายต่อหลายครั้ง แต่ทุกครั้งกลับพลาดตกหล่นที่นี่ ราวกับว่าที่นี่เป็นจุดบอดในการมองเห็นของยมโลก แต่ยมโลกไม่อนุญาตให้มีจุดบอดดังกล่าวอยู่ นี่เป็นวิธีการทำงานของระบบ แม้ทนายอันจะตะโกนเสียงสูงว่า ‘ลมพัดแรง ท้องฟ้ากำลังจะถล่ม’ แต่ตราบใดที่ฟ้ายังไม่ถล่มลงมาและอาคารยังไม่พังทลายจริงๆ ระบบนี้ก็ยังคงทำงานต่อไปอย่างแข็งขัน ทำในสิ่งที่มันพึงกระทำ
สถานะตัวตนของหญิงสาวไม่ธรรมดา มีคุณสมบัติถึงขั้นแก้ไขข้อผิดพลาดได้ และพบสิ่งผิดปกติในจุดบอดนี้ ย่อมไม่ใช่ตัวละครเล็กๆ แน่นอน เธอมาแล้ว เธอมาสอดส่องให้มากขึ้น เธอเสียเวลาเล็กน้อย แต่ตอนนี้เธอเข้าใกล้สถานที่นั้นมากขึ้น ใกล้จะถึงแล้ว
เถ้าแก่โจวหยิบหนังสือรับรองยมทูตของตัวเองออกมาพลิกมันในมือ มุมปากก็แย้มรอยยิ้ม อดยิ้มไม่ได้นี่นา แค่นึกถึงอิ๋งโกวหมอนั่นต่อรองกับเขาอยู่นานถึงจะได้ออกมาในวันนี้ ผลก็คือกลับถูกหลอกจนได้ เถ้าแก่โจวจึงรู้สึกเบิกบานใจมาก ราวกับรับเอาโค้กเย็นๆ จากแผงขายของนอกรั้วเหล็กหลังเลิกเรียนวิชาพละศึกษาที่สนามกีฬาในฤดูร้อนมาดื่มอึกใหญ่อย่างไรอย่างนั้น
ที่จริง เถ้าแก่โจวไม่รู้ว่าเขากำลังเต้นระบำอยู่บนปลายมีดแหลมคมตลอดเวลา เฉกเช่นเดียวกับดื่มโค้กเย็นจัดหมดรวดเดียวแล้วอาจจะช็อกจนเป็นลมล้มพับไปได้ เถ้าแก่โจวยังไม่รู้ว่าอิ๋งโกวมาถึงจุดที่ยอมตายดีกว่าถูกเขาหัวเราะเยาะแล้ว ไม่อย่างนั้นเถ้าแก่โจวจะต้องอดกลั้นมากกว่าตอนนี้อย่างแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล