ตอนที่ 542 พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง
เถ้าแก่โจวไม่รู้เลยว่าเมื่อครู่นี้เขาเกือบถูกตรวจสอบจากมาตรวัดน้ำที่มาจากขุมนรก
หญิงสาวสวมรองเท้าส้นสูงคนนั้นเดินวกไปวนมาอยู่รอบๆ ถนนหนานต้า กระทั่งเคยหยุดอยู่หน้าประตูร้านหนังสือ แต่ก็หยุดอยู่ได้เพียงครู่เดียวเท่านั้นแล้วเธอก็จากไป การปรากฏตัวและการจากไปของเธอเหมือนกับการทิ้งน้ำหนึ่งหยดลงในมหาสมุทร จากนั้นก็ไหลออกจากมหาสมุทรโดยไม่มีใครสังเกตเห็น
รวมไปถึงเถ้าแก่โจวที่นอนกอดอิงอิงจนรุ่งสาง พอตื่นขึ้นมาก็เป็นวันที่แสนมีความสุขอีกหนึ่งวัน
อาหารเช้าวันนี้ของสวี่ชิงหล่างคือโจ๊ก โจ๊กผักสีเขียว รสชาติกลมกล่อมไม่เลี่ยน กินกับเครื่องเคียง อย่างเช่น ‘หัวไชเท้าแห้ง’ ‘ขิงฝอย’ ‘ถั่วแขกดอง’ พวกนี้ กินกันอย่างสบายใจเฉิบ
หลังมื้ออาหารเสร็จสิ้น โจวเจ๋อไม่ได้นั่งตรงที่โปรดเพื่อเริ่มต้นวันใหม่อย่างที่เคยชิน แต่ไปที่บ้านข้างๆ แทน ทางเข้าหลักของบ้านข้างๆ ถูกปิดตายไปแล้ว เป็นการปิดตายที่หมายถึงการปิดจริงๆ ใช้ปูนซีเมนต์โบกปิดทับขึ้นมาทั้งหมดแบบนั้น ขณะเดียวกันเดดพูลและหญิงสาวตัวดำก็นอนอยู่บ้านข้างๆ นอกจากหญิงสาวตัวดำจะกลับไปกินข้าวในเวลามื้ออาหารแล้ว ปกติก็ขี้เกียจถ่อมาฆ่าเวลาถึงที่นี่ เธอชื่นชอบการปลูกผักทำนาเป็นชีวิตจิตใจ ในความคิดของเธอไม่มีเรื่องอะไรทำให้เธอมีความสุขไปมากกว่าการดูแลสวนผักเล็กๆ ของเธอแล้ว
ตอนที่โจวเจ๋อเข้าไปดู หญิงสาวตัวดำกำลังนั่งลับคมเครื่องมืออยู่ตรงนั้น เป็นอุปกรณ์เล็กๆ ที่รูปร่างแปลกประหลาดเล็กน้อย หากใช้คำพูดของเธอ การปรนนิบัติดอกพลับพลึงแดงเป็นงานละเอียดอ่อนประเภทหนึ่ง จะประมาทเลินเล่อไม่ได้แม้แต่น้อย มันแตกต่างจากข้าวที่ปลูกข้างนอกเหล่านั้นอย่างสิ้นเชิง เครื่องมือที่ใช้ก็จำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงดูแลให้ดีขึ้น
ทาสในเรือนของตัวเองมีนิสัยกระตือรือร้นและทัศนคติในการทำงานแบบนี้ เถ้าแก่โจวที่เป็นเจ้าของทาสก็พลอยรู้สึกยินดีไปด้วย จากนั้นโจวเจ๋อก็เห็นเดดพูล เดดพูลถูกฝังอยู่ในหลุมด้วยสภาพเปลือยเปล่า โผล่ให้เห็นแค่ศีรษะเท่านั้น
บางคนชอบเล่นเกมพวกนี้บนชายหาด แต่ที่นี่มันเป็นดิน
หญิงสาวตัวดำถือเหยือกเดินไปข้างๆ เดดพูล และรดน้ำลงบนดินรอบๆ เดดพูล จากนั้นปัดมือแล้วกลับไปลับคมเครื่องมือต่อ
“นี่หมายความว่ายังไง” โจวเจ๋อชี้เดดพูลพลางเอ่ยถาม
“ฮ่าๆๆ…” เดดพูลยังคงหัวเราะโง่ๆ ใส่โจวเจ๋อ
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ปลูกเขาก่อนโดยไม่ได้รับความยินยอมจากคุณหรอก ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้รับการเพาะปลูกอย่างดี ตอนนี้ฉันปลูกเขาเป็นระยะเวลาหนึ่งทุกวันเพื่อให้เขาได้รับสารอาหาร”
“สารอาหารเหรอ”
“อื้อ มันมาจาดิน สารอาหารจากพระแม่ธรณี” หญิงสาวตัวดำพูดตามความเป็นจริง อีกทั้งในแววตาฉายแววรำคาญอย่างไม่ปิดบัง ราวกับว่ามองดูตัวตลกที่แยกธัญพืชห้าชนิดไม่ออกแล้วริอ่านมาสอนหยวนหลงผิง[1]ทำนาเสียอย่างนั้น
โจวเจ๋อส่ายหน้า มองแล้วไม่เข้าใจ แต่เขาก็ไม่ได้ลงมือแทรกแซงใดๆ ปล่อยให้ผู้เชี่ยวชาญทำในสิ่งที่เชี่ยวชาญไปเถอะ
เมื่อกลับไปร้านหนังสือ โจวเจ๋อเห็นร่างที่คุ้นเคยนั่งอยู่ในร้านหนังสือ เถ้าแก่โจวเลื่อนสายตาลงมามองขาของอีกฝ่ายที่อยู่ใต้โต๊ะน้ำชาก่อนโดยไม่รู้ตัว พลางถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
กางเกงยีนส์รัดรูปสีฟ้าอ่อน เสื้อเชิ้ตสีขาวบวกกับเสื้อคลุมอีกตัว ปล่อยผมสยายยาวลงมา เดิมทีหมอหลินก็อายุไม่มากเท่าไรนัก บนร่างยังเผยกลิ่นอายอ่อนเยาว์และไร้เดียงสาอีกด้วย แน่นอนว่าขาเรียวยาวอวบอั๋นที่ถูกกางเกงยีนส์รัดรูปห่อหุ้มไว้รวมไปถึงส่วนโค้งมนที่นั่งลงบนโซฟานั่นช่างน่าดึงดูดใจจริงๆ
“เถ้าแก่ อิงอิงไม่อยู่ ก่อนหน้านี้ข้าเห็นเธอมา เลยให้เจ้าลิงพาอิงอิงไปเล่นเกมชั้นบนนู่นแล้ว” นักพรตเฒ่าเดินเข้ามาใกล้ๆ โจวเจ๋อและกระซิบบอกด้วยท่าทางของคนอาบน้ำร้อนมาก่อน เหมือนเป็นการช่วยของคนรับใช้ ช่วยอำนวยความสะดวกให้คุณชายน้อยของบ้านเพื่อปกปิดภรรยาของคุณชายน้อย
สวี่ชิงหล่างยกชานมสองแก้วเดินเข้ามาเสิร์ฟ ชานมของร้านหนังสือไม่เหมือนกับชานมข้างนอก ชานมข้างนอกอาจจะเป็นผงชาทำเอง แต่จริงๆ แล้วต้นทุนต่ำมาก ร้านหนังสือไม่ทำอย่างนี้ เพราะแขกของร้านหนังสือน้อยมาก และลูกค้าไม่ค่อยสั่งชานม ฉะนั้นวัตถุดิบในนั้นส่วนใหญ่แล้วจะกินเอง โกงลูกค้าไม่ได้ ก็คงจะไม่โกงตัวเองด้วยใช่ไหมล่ะ
เมื่อวางชานมสองแก้วลงแล้ว สวี่ชิงหล่างยิ้มพลางมองหมอหลินและพูดขึ้น “ช่วงนี้ผิวพรรณของคุณดูแย่ลงนะ” สวี่ชิงหล่างรู้จักหมอหลิน เจอหน้ากัน คุยไม่กี่ประโยคก็ไม่แปลก
“ช่วงนี้อาจจะเหนื่อยเกินไปน่ะค่ะ” หมอหลินไม่ได้โกรธ
“อืม ดูแลบำรุงตัวเองให้มากๆ หน่อยนะ”
“ถ้าอย่างนั้นช่วยสอนเคล็ดลับการบำรุงให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ”
“ได้สิ ไว้คราวหน้าถ้ามีโอกาสค่อยคุยกัน” ขณะที่พูด สวี่ชิงหล่างหยิบถาดเตรียมจะออกไป เพราะเขาเห็นว่าโจวเจ๋อเดินมาแล้ว แต่ทว่า เขาก็หยุดชะงักครู่หนึ่งและเอ่ยว่า “อย่างเช่นวันนี้ อากาศหนาวแล้ว ไม่สวมถุงน่อง ดีมากทีเดียว ผู้หญิงต้องรู้จักเรียนรู้ที่จะถนอมตัวเอง”
“…” โจวเจ๋อ
เถ้าแก่โจวได้ยินเข้าแล้ว!
“พวกคุณคุยกันเถอะ” สวี่ชิงหล่างโค้งตัวเล็กน้อยเหมือนบริกรและจากไป
อย่าพูดเลย นับตั้งแต่สวี่ชิงหล่างกลืนกินส่วนหนึ่งของเทพแห่งท้องทะเล ไม่เพียงด้านการทำอาหารที่รู้สึกเหมือนว่าเข้าใกล้เชฟขึ้นไปทุกที แม้แต่วันธรรมดาก็ดูเหมือนว่าจะมีอุปนิสัยที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเพิ่มมาอยู่บ้าง
หมอหลินยืนขึ้นพลางมองโจวเจ๋อ พร้อมกับยื่นมือไปหาโจวเจ๋ออย่างใจกว้าง เป็นทางการเสียจนทำให้ไม่คุ้นเคย โจวเจ๋อไม่ได้ยื่นมือออกไปจับแต่กลับพูดขึ้น “เพิ่งไปสวนมาเมื่อกี้ ยังไม่ได้ล้างมือน่ะ”
หมอหลินพยักหน้าพลางยิ้มเอ่ยว่า “ฉันมาเพื่อขอบคุณเรื่องผ่าตัดคราวก่อนน่ะค่ะ” คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่หมอหลินรู้ดีว่าพฤติกรรมแปลกๆ ของโจวเจ๋อในห้องผ่าตัดวันนั้นจะต้องมีความหมายลึกซึ้งของเขาเอง
“ไม่เป็นไร เกรงใจแล้ว”
“งั้นฉันไปนะคะ” หมอหลินหยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้นมา ผลักประตูร้านหนังสือ ขึ้นไปบนรถคาดิลแลคของเธอและขับออกไปทันที มาเพื่อขอบคุณเท่านั้นไม่ได้มีเจตนาอื่นแต่อย่างใด
“ไปง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ” นักพรตเฒ่าเข้ามาใกล้โจวเจ๋อ และถามอย่างประหลาดใจเล็กน้อย
“อืม”
“ไม่เลี้ยงข้าวเจ้าหน่อยเหรอ” นักพรตเฒ่าถามอีกครั้ง
“ไม่อาจช่วยเหลือเกื้อกูล ไม่สู้ลืมเลือนกันและกัน ณ เจียงหู” โจวเจ๋อรู้ดีแก่ใจ คราวก่อนเขาช่วยเรื่องผ่าตัดให้พ่อหมอหลิน จริงๆ แล้วมันกลับไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองใกล้ชิดกันขึ้นเลย กลับยิ่งดึงให้ออกห่างยิ่งขึ้น สำหรับหมอหลินแล้ว เธอไม่ยอมนอนข้างกายโจวเจ๋อเพียงเพื่ออ้อนวอนขออะไร
นักพรตเฒ่าถอดถอนหายใจ “หมอหลินนี่ค่อนข้างให้ความจริงจังกับเรื่องที่ทำจริงๆ”
“อืม”
“เถ้าแก่ มีใบปลิวส่งมาวันนี้ด้วย เจ้าจะดูไหม” ขณะที่พูด นักพรตเฒ่าก็ยื่นใบปลิวมาให้
ตรงซอยด้านหลังของถนนหนานต้า สถานที่ใกล้กับสวนเซ็นทรัลพาร์ก มีพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งเปิดใหม่หลังโบสถ์คริสตจักรเก่าแก่หลังเดิม แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ความแตกต่างระหว่างซอยด้านหน้าและซอยด้านหลัง แต่โดยทั่วไปตรอกซอยด้านหลังจะมีคนพลุกพล่านน้อยกว่า และไม่ค่อยมีคนไปชอปปิงแถวนั้น ด้วยเหตุนี้ที่นั่นจึงถือได้ว่าเป็นที่พักที่สะดวกสบายใจกลางเมืองที่พลุกพล่าน
เปิดให้บริการแล้ว การเชิญเพื่อนบ้านมาเยี่ยมเยือนก็เป็นเรื่องปกติ
“ไม่ไป”
“ทำไมเล่า ข้าออกจะรู้สึกว่ามันดีทีเดียวเชียว”
“คนที่เคยตกนรก ไม่เชื่อในสวรรค์”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล