ตอนที่ 543 ไม่เป็นไปตามกฎ!
Ink Stone_Fantasy
หลังจากอ้อมโบสถ์มาแล้วก็มาถึงด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง
พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งแห่งนี้มีรูปแบบที่มีกลิ่นอายวัฒนธรรมตะวันออกอยู่มาก จริงๆ แล้วภาพจำของคนส่วนใหญ่ หุ่นขี้ผึ้งเป็นสิ่งที่ชาวตะวันตกนิยมเล่นมาโดยตลอด อย่างเช่น ‘พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซ’ น่าจะมีหลายคนเคยได้ยินชื่อนี้ ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในนามบัตรที่มีชื่อเสียงที่สุดในวงการหุ่นขี้ผึ้ง
แต่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งแห่งนี้ ไม่ต้องพูดถึงหุ่นขี้ผึ้ง ‘ยมทูตขาวดำ’ สองตัวที่วางตรงทางเข้า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงรสนิยมของวัฒนธรรมตะวันออกอย่างชัดเจน แม้กระทั่งผนังด้านข้างยังแกะสลักเป็นรูป ‘เล่าจื๊อ[1]’ แต่ทว่ารูปปั้นของ ‘เล่าจื๊อ’ น่าจะเป็นรูปปั้นหินแกะสลักไม่ใช่หุ่นขี้ผึ้ง ส่วนวัวที่อยู่ใต้รูปปั้นหินแกะสลักนั้นเป็นหุ่นขี้ผึ้งจริงๆ
เมื่อโจวเจ๋อจูงเด็กชายเดินเข้ามา บังเอิญเจอเข้ากับกลุ่มคนถกเถียงกันอยู่ตรงนั้น หวังเคอและสาวน้อยโลลิก็ยืนอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นโจวเจ๋อมาแล้ว หวังเคอก็เดินเข้ามาหาก่อน
“มีอะไรเหรอ” โจวเจ๋อถาม
“มีคนบอกว่ารูปร่างของเล่าจื๊อใหญ่เกินไป แถมโผล่ออกไปข้างนอก ไม่เป็นไปตามกฎ จำเป็นต้องปรับแก้ไข ฝั่งนู้นกำลังเจรจากันอยู่”
“อ๋อ”
เด็กชายมองสาวน้อยโลลิ สาวน้อยโลลิหน้ามุ่ย ไม่สนใจเด็กชาย แต่พอหันหน้าไปรอยยิ้มก็ผุดขึ้นที่มุมปาก ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้เกลียดเพื่อนที่เข้าร่วมชั้นกลางคันคนนี้มากนัก
หวังเคอกำลังคุยกับโจวเจ๋ออย่างใจจดใจจ่อ ไม่ได้สังเกตเห็นผักกาดขาวที่เขาปลูกไว้ข้างใต้กำลังถูกกิน
การเจรจาฝั่งนั้นสิ้นสุดแล้ว ผลลัพธ์แท้จริงที่ได้เป็นอย่างไรโจวเจ๋อก็ไม่แน่ชัด แต่กิจกรรมเปิดกิจการที่ถูกขัดจังหวะกลับมาดำเนินการอีกครั้ง
ไม่มีทีมการแสดงและพิธีกรรับเชิญใดๆ มีเพียงชายหนึ่งหญิงหนึ่งสวมใส่เครื่องแบบพนักงานของพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งแห่งนี้ ผู้ชายต้อนรับแขก ส่วนผู้หญิงถือไมโครโฟนกล่าวคำเปิดงานอย่างเรียบง่าย
คนที่มาร่วมงานไม่มากเท่าไรนัก หลายๆ คนล้วนเป็นร้านรวงใกล้เคียงที่ได้รับใบปลิวเชิญชวนจึงมาเพื่อเป็นการให้เกียรติ หรือไม่ก็เป็นเพื่อนของเถ้าแก่อย่างเช่นหวังเคอ ไม่ได้ประชาสัมพันธ์มากเกินไป และไม่ได้เชิญสถานีโทรทัศน์หรืออะไรทำนองนั้น
โดยทั่วไปแล้ว การจัดภูมิทัศน์แบบตะวันตกในเมืองเล็กๆ และถ้าเกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ เช่น ‘วัฒนธรรม’ ‘ขนบธรรมเนียม’ และ ‘จารีตประเพณี’ อีกสักนิด เป็นสิ่งที่สัมผัสใจผู้นำท้องถิ่นตัวเล็กๆ ได้ง่ายที่สุด
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาละครตลกวัฒนธรรมดั้งเดิมที่มีการผสมผสานราวกับเอาหมวกของคนแซ่จางมาใส่ให้คนแซ่หลี่แพร่กระจายไปทั่วประเทศ ก็เนื่องมาจากสิ่งนี้เช่นกัน แม้ว่าจะเป็นการสร้างขึ้นมาจากความว่างเปล่า ก็สร้างออกมาให้คุณจนได้
สามารถเปิดพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งในพื้นที่นี้ได้ ระดับความเพี้ยนของสมองที่ไม่สนเรื่องขาดทุนไม่ได้น้อยไปกว่านายโจวที่เปิดร้านหนังสือที่นี่เลย อีกทั้งยังจัดอย่างเรียบง่ายถ่อมตน มันช่างทำให้ผู้คนอดสงสัยไม่ได้จริงๆ
สิ่งที่เกี่ยวกับศิลปะเช่นนี้ มีไว้สำหรับให้ผู้คนได้ดูชมและสัมผัสลิ้มรสชาติอย่างช้าๆ ด้วยตนอง ถึงอย่างไรก็มีการ์ดข้อมูลอธิบายอยู่ใต้หุ่นขี้ผึ้งทุกตัวอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีคนถือโทรโข่งพูดบรรยายอยู่คนเดียว ยิ่งไปกว่านั้น เที่ยวเพลิดเพลินอ้อยอิ่งอยู่ที่นี่ จริงๆ แล้วก็เป็นความเงียบสงบแบบหนึ่ง
โจวเจ๋อและหวังเคอต่างก็พากันจับมือเด็กๆ เข้าไปข้างใน
พื้นที่ด้านในค่อนข้างใหญ่ มีสองชั้น ตัวแรกตรงทางเข้าเป็นหุ่นขี้ผึ้งของบรูซ ลี เหมือนตัวจริงและทำท่าทาง ‘อะจ๊าก!’ ที่เป็นท่ามาตรฐานนั่นด้วย ต่อมา ยังมีหุ่นขี้ผึ้งของบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลายคน แน่ละว่า ถ้าหากพิจารณาดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว หุ่นขี้ผึ้งหลายตัวของที่นี่ จริงๆ แล้วไม่ได้รับอนุญาต หากเจ้าตัวรู้เข้าและอีกฝ่ายเอาจริงขึ้นมา ก็สามารถฟ้องร้องพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งได้ แต่เนื่องจากที่นี่ไม่ทำตัวให้เป็นจุดสนใจนัก และอิทธิพลของหุ่นขี้ผึ้งในจีนก็มีน้อย ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นปัญหาใหญ่”ฮณ๊ฯดฯฌซ,
“คุณพ่อคะ คนที่นี่ทำจากขี้ผึ้งหมดเลยเหรอคะ” สาวน้อยโลลิถามด้วยความสงสัย
“ไม่ใช่จ้ะ ตอนนี้หุ่นขี้ผึ้งจำนวนมากใช้เทคโนโลยีซิลิโคน ดังนั้นพวกเขาจึงเรียกว่าหุ่นขี้ผึ้งซิลิโคน” หวังเคอตอบ
“เอ๊ะ ซิลิโคนคืออะไรคะ”
“ซิลิโคนคือวัสดุพิเศษอย่างหนึ่งที่…”
“ใส่ไว้ตรงนี้ของผู้หญิงไง” เด็กชายรีบเคล้นคลึงสองเต้าของตัวเองทันที
โจวเจ๋อปิดหน้า หวังเคอพูดไม่ออก สาวน้อยโลลิสะบัดเสียงและพูดเหยียดๆ “ทะลึ่ง!”
เด็กชายไม่ได้ถือสาจริงจัง กระทั่งยังภูมิใจเล็กๆ อีกด้วย
ในโรงเรียน เด็กผู้ชายหลายคนชอบแหย่เด็กผู้หญิง ที่จริงก็เพียงเพื่อดึงดูดความสนใจจากเด็กผู้หญิงเท่านั้น พวกเขาขี้อายและแสดงออกไม่เก่งเท่าผู้ใหญ่ ไม่กล้าจอดรถหน้าประตูโรงเรียนแล้วเอาขวดเครื่องดื่มวิตามินมาวางแบบนั้นหรอก
มีนักท่องเที่ยวไม่มากนัก และหลายๆ คนเดินเรื่อยเปื่อยไปรอบๆ จากนั้นก็ไปแล้ว ถือว่าเป็นการให้เกียรติสุดๆ แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น หลายๆ คนก็ไม่สามารถทนความรู้สึกที่ต้องเดินท่ามกลางการจ้องมองของหุ่นขี้ผึ้งได้ แม้กระทั่งเงามืดในวัยเด็กของใครหลายคนก็มาจากหุ่นขี้ผึ้ง
เมื่อมองดูหุ่นขี้ผึ้งที่เหมือนมนุษย์เหล่านี้ หลายคนจะเสริมเติมแต่งในหัวว่าพวกมันเป็นศพโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ไม่ว่าหุ่นขี้ผึ้งจะวิจิตรงดงามเพียงใด ก็จะมีรายละเอียดบางอย่างที่ ‘แข็งทื่อ’ จนถูกคุณจับสังเกตได้ ทำให้ผู้คนนึกถึงแล้วหวาดกลัว
อันที่จริงเรื่องนี้คล้ายกับทฤษฎี ‘หุบเขาแห่งความประหลาด[2]’ แต่ทว่าคำอธิบายนั้นเกี่ยวกับหุ่นยนต์ที่คล้ายกับมนุษย์มาก แต่สาระสำคัญยังคงเหมือนเดิม ด้วยเหตุนี้ หลังจากเดินเยี่ยมชมสักพัก นอกจากพวกโจวเจ๋อแล้วแขกเหรื่อในพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งก็เหลืออยู่ไม่กี่คน
“ถ้าอาศัยแค่ค่าตั๋วละก็ แม้แต่ค่าไฟยังไม่ได้ทุนคืนเลยด้วยซ้ำ” โจวเจ๋อทอดถอนใจ “ช่างผลาญเงินเสียจริง”
“แค่ชื่นชอบก็พอแล้ว ไม่ใช่เหรอ” หวังเคอตอบยิ้มๆ
ความหมายในคำพูดคือ นายก็เหมือนกันไม่ใช่หรือไง
สาวน้อยโลลิสนใจหุ่นขี้ผึ้งมากทีเดียว ขณะมองหุ่นขี้ผึ้งก็อ่านการ์ดข้อมูลด้านล่างไปด้วย เด็กชายก็ทำตามอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งนี่ทำให้โจวเจ๋อและหวังเคอต้องทำตามไปด้วย
ด้านหน้ายังมีพื้นที่เล็กๆ แยกออกมาต่างหาก มีประตูหนึ่งบานและมีป้ายแขวน ซึ่งเขียนเอาไว้บนนั้นว่า ‘ผู้ที่มีจิตใจอ่อนแอห้ามเข้า’ จริงๆ ป้ายนี้สามารถเปลี่ยนเป็น ‘ฉันแค่ถูไถไม่เข้าไปจริงๆ’ ถ้านักท่องเที่ยวมาถึงที่นี่แล้วเห็นป้ายนี้ จะไม่เข้าไปดูได้อย่างไร
เมื่อหวังเคอกำลังจะเปิดประตูเข้าไปนั้น พนักงานสาวที่ยืนอยู่หน้าประตูหยิบไมโครโฟนและเดินเข้ามาพูดว่า “เด็กน้อยไม่เข้าไปจะดีที่สุดนะคะ เพราะข้างในน่ากลัวมาก อาจจะไม่ดีต่อเด็กได้ค่ะ”
หวังเคอได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าและไม่คิดจะพาสาวน้อยโลลิเข้าไป
“นายกล้าเข้าไปไหม” สาวน้อยโลลิถามเด็กชายข้างๆ
เด็กชายยืดอก อยู่ต่อหน้าผู้หญิงจะให้บอกว่า ‘ไม่ได้’ ได้อย่างไร ว่าแล้ว เด็กชายจึงเริ่มเดินเข้าไปในนั้นก่อน พนักงานสาวหมายจะห้ามไว้ แต่ถูกโจวเจ๋อขวาง ตอนนั้นเองเขาก็เดินตามเด็กชายเข้าไปด้วยกัน
แสงภายในสลัวมาก แต่กลับชัดเจนมากเช่นกัน
พอเข้าประตูไปแล้วเลี้ยวซ้าย ก็ปรากฏหุ่นขี้ผึ้งศพวางกองกันอยู่ด้านหน้า ทั้งเลือด ความโหดร้าย ความน่าสะพรึงกลัวแสดงออกมาจากรายละเอียดเหล่านี้อย่างชัดเจน
แต่โจวเจ๋อและเด็กชายกลับถอนหายใจเฮือกยาวพร้อมๆ กัน
ฟู่ว สบายจัง! ชอบบรรยากาศของที่นี่จัง!
หุ่นขี้ผึ้งศพที่วางกองซ้อนกันเหล่านี้น่าจะมาจากภาพถ่ายในช่วงยุคการปฏิวัติฝรั่งเศส หุ่นขี้ผึ้งหลายตัวของที่นี่ล้วนหนักมากทั้งนั้น
เมื่อก่อนโจวเจ๋อเคยไปบ้านผีสิงในสวนสนุกบางแห่ง ข้างในนั้นชอบใช้หุ่นคนห่อกระดาษหรือไม่ก็ของที่ห่อด้วยผ้าฝ้ายมาทำให้คุณตกใจ จริงๆ แล้วของพรรค์นั้นไม่ได้น่ากลัวจริงๆ หรอก แต่มันกลับสร้างความน่ารำคาญเป็นอย่างมาก ทว่าความน่ากลัวของที่นี่คือการผสมผสานระหว่างศิลปะและความสยองขวัญอย่างลงตัว งานทุกชิ้น มีความหมายลึกซึ้งแฝงอยู่ และยังแสดงถึงความคิดของผู้สร้างสรรค์เองอีกด้วย
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบของประเภทนี้อย่างแท้จริงแล้ว ไม่ได้น้อยไปกว่าการมองงานเลี้ยงฉลองเทาเที่ย[3]ด้วยสายตาเลย
ในความเป็นจริงความต้องการทางจิตวิญญาณของมนุษย์มีหลากหลายด้าน โดยเฉพาะหลังจากผ่านระยะเริ่มต้นอย่างการแสวงหาเพียงแค่อาหารและเสื้อผ้าอาภรณ์มาแล้ว การแสวงหาและความต้องการนั้น ยังห่างไกลจากการสรุปง่ายๆ ด้วยคำว่า ความรุ่งโรจน์ ความเกรียงไกร และความถูกต้องเพียงไม่กี่คำ
แน่นอนว่าพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งแห่งนี้ได้จัดวางผลงานส่วนนี้ไว้ในพื้นที่แยกในส่วนลึกต่างหาก อาจเป็นเพราะกลัวว่าจะมีปัญหา
จงรู้ไว้ว่าแค่รูปปั้นแกะสลักของ ‘เล่าจื๊อ’ บนผนังด้านนอกนั่นก็เกิดปัญหาขึ้นแล้ว
เมื่อเดินไปพลางชื่นชมไปพลางตลอดจนใกล้มาถึงทางออก โจวเจ๋อก็หยุดฝีเท้าลง เด็กชายมองโจวเจ๋อด้วยความแปลกใจนิดหน่อย จากนั้นก็มองตามสายตาของโจวเจ๋อไป
นี่เป็นหุ่นขี้ผึ้งของกษัตริย์ แต่รูปร่างแปลกมาก ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ละครเรื่อง ‘มหาศึกชิงบัลลังก์’ ฮอตฮิต ทำให้ ‘บัลลังก์เหล็ก’ โด่งดังมาก แต่บัลลังก์ตรงหน้ากลับประกอบไปด้วยกระดูกทับถมกันหลายชั้น
เกียรติและความสูงส่งของอำนาจกษัตริย์โดยเนื้อแท้แล้วมันคือ ‘อำนาจชี้ต้นตายชี้ปลายเป็น’ คนบนบัลลังก์สั่งให้คุณตาย คุณก็ต้องตาย นี่คือต้นตอความหวาดกลัวของผู้คน ส่วน ‘บุตรแห่งสวรรค์’ ‘ผู้เลี้ยงสัตว์แห่งสวรรค์’ ‘โชคชะตาแห่งสวรรค์’ และอื่นๆ ไม่มีอะไรมากไปกว่าม่านบังหน้าเท่านั้น
บัลลังก์กษัตริย์บัลลังก์นี้ได้บอกคุณตรงๆ ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่า หากไม่คุกเข่าให้มัน ชะตากรรมของคุณก็จะเป็นเหมือนดั่งกระดูกด้านล่าง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล