ตอนที่ 556 ดอกบัวขาวในความรุ่งเรือง
ในคลับไม่มีใบชาชั้นดี เหล่าจางก็รู้ว่าโจวเจ๋อเป็นคน ‘ประณีตพิถีพิถันกับเรื่องอาหาร’ ดังนั้นจึงไม่ได้นำห่อชาด้อยคุณภาพเหล่านั้นมา แต่รินน้ำเปล่าให้โจวเจ๋อแก้วหนึ่งแทน
เถ้าแก่โจวนั่งอยู่บนโซฟาภายใต้สายตาที่จับจ้องของทุกคนพลางยกถ้วยชา
เป่าหนึ่งที
จิบอึกหนึ่ง
เป่าหนึ่งที
จิบอึกหนึ่ง
ค่อยๆ ดื่มน้ำเปล่าเหมือนคุณปู่ที่ชอบนั่งอาบแดดบนระเบียง เต็มไปด้วยความรู้สึกของการผ่านวันเวลามาเนิ่นนาน แม้ว่าจะไม่พูดอะไร และไม่ได้ทำอะไรก็ตาม แต่กลับแสดงความดูถูกเหยียดหยามแบบนั้นออกมา
โจวเจ๋อรู้สึกว่าในเวลานี้เขาเหมือนหัวหน้าตัวร้ายในละครทีวีที่กำลังวางมาดอวดเก่ง เป็นตัวละครที่รอให้ตัวเอกที่หลบซ่อนอยู่มาอัดหน้าในฉากถัดไป
ส่วน ‘ตัวเอก’ ตัวจริงอยู่ที่ไหน โจวเจ๋อก็ไม่รู้ บางทีท่ามกลางกลุ่มคนที่มองดูเขาอย่างเคร่งขรึมในเวลานี้อาจมี ‘ดราม่าควีน’ อยู่ก็เป็นได้ ในทางกลับกันก็คือพวกที่เย็นชาไม่กี่คนเหล่านั้น เอาแต่ยืนอยู่รอบนอกไม่เข้ามาใกล้ตรงนี้ และไม่มีปฏิกิริยาพิเศษใดๆ กับโจวเจ๋อ ภัยคุกคามยังไม่เท่าคนหน้าเนื้อใจเสือประเภทนี้ด้วยซ้ำ
ยมทูตยอดเยี่ยมและยมทูตที่ใช้เส้นสายเข้ามามีมากมายขนาดนี้ จะต้องมีคนที่ซ่อนคมไม่เผยตัวอยู่แน่ๆ เถ้าแก่โจวไม่หยิ่งผยองถึงขั้นที่จะเพิกเฉยต่อวีรบุรุษของโลกโดยตรง การมีผู้ป่วยโรคจูนิเบียวระยะสุดท้ายอาศัยอยู่ในร่างก็เท่ากับต้องทบทวนตัวเองวันละสามครั้งแล้ว
ตอนนี้ เหตุผลที่ทำอย่างนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา การฝึกอบรมครั้งนี้โจวเจ๋อไม่ได้มีเป้าหมายอยู่ที่การได้รับความชื่นชมจากผู้พิพากษาผู้นั้น แต่เพื่อเพิ่มพูนความรู้และดูว่าจะสามารถเก็บเกี่ยวประโยชน์อะไรได้บ้าง ซึ่งแตกต่างจากเป้าหมายของพวก ‘โอรสคนโปรดของสวรรค์’ ที่ซ่อนตัวอยู่ ตอนนี้เขาทำตัวให้เด่นหน่อยก็เพราะหวังว่าพวกเขาจะไม่มารบกวน ต่อให้เหล่าจางไม่พูดเรื่องตัวตนของเขา แต่น่าจะมีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้เรื่องนี้ อดไม่ได้ที่จะแอบป้องกันยมทูตลึกลับจากทงเฉิงวางแผนต่อต้านเขา
ตอนนี้เปิดโอกาสให้แล้ว เชิญทุกท่านตามสบายได้เลย
นาฬิกาชี้ไปที่หกโมง
ประตูม้วนของคลับหย่อนลงมา อักขระปรากฏบนผนัง พวกพนักงานที่แผนกต้อนรับหายไปตั้งนานแล้ว และในเวลานี้แสงไฟก็หรี่ลงมา
ทุกคนตั้งท่ารอและกำลังเตรียมตัว
“มากันหมดแล้วหรือ…” เสียงดังมาจากบนเพดานดฮณ๊ฯดฯฌซ,
มีโคมไฟระย้าอยู่บนเพดาน ในเงาแสงของโคมไฟระย้าราวกับมีร่างของชายในชุดสีฟ้ากะพริบสว่างวาบอยู่
คนที่มีสายตาแหลมคมรีบคุกเข่าลงข้างหนึ่งทันที “คารวะท่านผู้ตรวจสอบ!”
เมื่อคนที่เหลือเห็นเหตุการณ์นี้ก็พากันคุกเข่าข้างหนึ่งไปทางโต๊ะรับแขกที่อยู่ตรงกลาง
เหล่าจางมองโจวเจ๋อ เมื่อเห็นโจวเจ๋อวางถ้วยชาและคุกเข่าข้างหนึ่ง เขาก็พลอยคุกเข่าตามลงไปด้วย เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม คุกเข่าก็คุกเข่าสิ ในจุดนี้เถ้าแก่โจวเปิดใจกว้าง
ถึงอย่างไรยมโลกก็เป็นสถานที่ที่มีลำดับชั้นอย่างเข้มงวด และให้ความสำคัญกับความเหนือและความด้อยกว่าแบบนั้นเป็นพิเศษ
“ดอกบัวขาวในความรุ่งเรือง…” เงาร่างในโคมไฟระย้าเอ่ยพูดต่อ กระทั่งบนโต๊ะรับแขกมีดอกบัวสีขาวผุดขึ้นและส่งกลิ่นหอมสดชื่นรัญจวนจิต
“ดวงวิญญาณจงออกจากร่างไปกับข้า…” ทุกคนในสถานที่นั่งขัดสมาธิพร้อมกันและหลับตาลง
ดอกบัวเป็นสิ่งฉุดดึง โชคดีที่ที่นี่มีแต่ยมทูต หากคนธรรมดาอยู่ที่นี่ ภายใต้การรุกล้ำของกลิ่นหอมนี้อาจจะทำให้วิญญาณออกจากร่างทันที ตายโดยที่ไม่รู้ตัวว่าตายอย่างไรก็เป็นได้
โจวเจ๋อหลับตาและลืมตาอีกครั้งอย่างเงียบๆ ตอนที่ลุกขึ้นยืนอีกครั้งก็หันกลับไป สิ่งที่มองเห็นคือกายหยาบของตัวเองนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น เหล่าจางเองก็เดินไปข้างๆ โจวเจ๋อ และหันกลับมามองกายหยาบของตัวเอง พยายามปรับตัวให้เข้ากับความรู้สึกนี้
วิญญาณของทุกคนออกจากร่าง ครู่ต่อมา ดอกบัวสีขาวบานและเริ่มขยายใหญ่ขึ้นอย่างไร้ขอบเขต ใต้ฝ่าเท้าของทุกคนไม่ใช่พื้นดินของคลับอีกต่อไป แต่เป็นดอกบัวขนาดใหญ่เหมือนเรือ
ด้านหน้าสุดของดอกบัวมีร่างสีฟ้านั่นยืนอยู่ เขาสวมใส่เสื้อกันลมสีฟ้าและยืนอยู่ด้านหน้าเพียงลำพัง ท่วงท่าอันทรงพลังพรั่งพรูออกมาอย่างเต็มที่ คนอื่นๆ ก็พากันมองร่างสีฟ้าด้วยความชื่นชมอย่างมาก
สำหรับยมทูตนั้นผู้ตรวจสอบเป็นการดำรงอยู่ในอีกระดับขั้น
เถ้าแก่โจวรู้สึกเฉยๆ เหล่าจางเองก็รู้สึกเฉยๆ เช่นกัน ถึงอย่างไรก็สามารถเห็นผู้ตรวจสอบที่เอาแต่ดื่มกาแฟสำเร็จรูปหมดอายุราวกับมันเป็นของล้ำค่าในร้านหนังสือทุกวัน ถ้าอยากจะให้เคารพยำเกรงอีกครั้งคงเป็นเรื่องยากไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนนั้นทนายอันก็เป็นหนึ่งในผู้ตรวจสอบที่ได้รับความนิยมที่สุดในนรก โจวเจ๋อก็เคยเจอเฝิงซื่อเอ๋อร์มาแล้ว สองคนนั้นน่าจะมีตำแหน่งสูงกว่าร่างสีฟ้านี่มากทีเดียว แต่ก็ไม่วางมาดอวดเก่งเท่าคนอื่นเขา
ดอกบัวเคลื่อนตัวและทะลวงเข้าไปในม่านหมอก หลังจากนั้นไม่นาน ม่านหมอกก็สลายไป พระจันทร์สีเลือดลอยตระหง่านบนท้องฟ้าราวกับดวงตาของปีศาจที่เฝ้ามองดูนรกอเวจีนี้!
เหล่าจางพูดอย่างมีอารมณ์เล็กน้อย “อา ถึงนรกแล้วสินะ”
ยมทูตสองสามคนที่อยู่ใกล้ๆ มองมาทางนี้ด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ถึงนรกแล้วต้องทอดถอนใจด้วยหรือ
เหล่าจางไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่ยืนอยู่ข้างๆ โจวเจ๋อ โจวเจ๋อกลับทำหน้าที่เป็นไกด์นำเที่ยวให้เหล่าจางอย่างกระตือรือร้น อันที่จริง จำนวนครั้งที่เถ้าแก่โจวมานรกนั้นไม่นับว่าน้อย แต่มีเพียงครั้งก่อนที่มากับทนายอันที่ได้เข้าไปลึกหน่อย ครั้งที่เหลือก็แค่เดินเที่ยวเตร่อยู่ข้างนอกเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล