ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 558

สรุปบท ตอนที่ 558 สุนัขเฝ้าบ้าน!: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

อ่านสรุป ตอนที่ 558 สุนัขเฝ้าบ้าน! จาก ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 558 สุนัขเฝ้าบ้าน! คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 558 สุนัขเฝ้าบ้าน!

‘บ้าน…ข้า…’

เมื่อได้ยินคำตอบนี้ โจวเจ๋อก็ตะลึงค้างไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนจะสับสนเล็กน้อย คล้ายกับรถคลาสสิกไม่ได้รับการตรวจสภาพมาเป็นเวลาหลายปีที่เดิมทีขับมาช้าๆ แต่แล้วจู่ๆ ก็เริ่มซิ่งรถบนถนนบนเขา

เขาหันหน้าไปมองประตูบานใหญ่ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมสลับกับบันไดข้างล่างตัวเขา โจวเจ๋อผุดลุกขึ้นทันที

ตัวอะไรถึงได้นอนเกียจคร้านไม่ขยับเขยื้อนอยู่บนขั้นบันไดหน้าประตู

ครู่หนึ่ง โจวเจ๋อรู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบเข้าแล้ว

‘เหอะ…เหอะ…เหอะ…’ อิ๋งโกวหัวเราะ ระยะนี้เขาโดนบีบให้ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง ครั้งแรกก็ที่เมืองสวีโจว เขาวางท่ารอให้ ‘พระพุทธเจ้า’ ปรากฏกาย พระพุทธเจ้ากลับตรัสกับเขาว่า ‘โทษที มาผิดประตูแล้ว’ มันเหมือนการขยิบตานานๆ ให้คนตาบอดดู

จากนั้นก็ในถ้ำของเจ้าผีดิบน้อย ถูกโจวเจ๋อเข้าใจผิดว่า ‘ปากไม่ตรงกับใจ’ จนไม่สามารถอธิบายอย่างชัดเจน แล้วก็เป็นตอนที่เผชิญหน้ากับลู่ผิงจื๋อ เขาหลงกลถูกหลอกเข้าจนได้ โจวเจ๋อถึงกับกุมท้องหัวเราะจนปวดท้อง ด้วยเหตุนี้เขาหวังจะเห็นฮวงจุ้ยพลิกผัน ไม่อย่างนั้น จิตใจที่แสนเย่อหยิ่งจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร

โชคดีที่เถ้าแก่โจวเปิดใจกว้างกับเรื่องประเภทนี้เสมอ อีกทั้งเถ้าแก่โจวก็เป็นคนทำงานตามความเป็นจริงมาตลอด ทำทุกอย่างมุ่งเน้นไปที่ความเป็นจริง

เมื่ออิ๋งโกวบอกว่าพระราชวังแห่งนี้เป็นบ้านของเขา พอเห็นยมทูตสามร้อยคนรีบพุ่งเข้าไปราวกับผีเข้าหมู่บ้าน

‘จี๊ด…’ ทันใดนั้น โจวเจ๋อก็รู้สึกว่าเจ็บแปลบที่หัวใจจนหายใจไม่ออก

ก่อนหน้านี้เขายังไม่สนใจไยดีอยู่เลย ถึงอย่างไรต่อสู้กับทรราชเพื่อแบ่งแยกดินแดน ทั้งผมและคุณต่างก็มีความสุข พอตอนนี้จู่ๆ ก็พบว่าดินแดนที่พวกเขาแบ่งเป็นของตัวเอง เถ้าแก่โจวรู้สึกเจ็บปวดมาก พอปะติดปะต่อเรื่องราวอีกทีก็นึกได้ว่า เป็นเวลาหลายพันปีแล้วที่สถานที่แห่งนี้ไม่รู้ว่าถูกงมเอาปลาน้อยใหญ่ไปแล้วกี่ตัว และไม่รู้ว่าถูกปล้นสมบัติพัสถานไปแล้วกี่ชิ้น ความเจ็บปวดลึกไปถึงไขกระดูก!

เหล่าจางรู้สึกเพียงร่างกายเถ้าแก่ของเขากำลังโงนเงนไม่หยุด จึงเอื้อมมือไปพยุงโจวเจ๋อทันที

“เถ้าแก่ คุณเป็นอะไรไป”

“ไม่เป็นไร ให้ผมหายใจหน่อย”

หายใจเข้า

หายใจออก

หายใจเข้า

หายใจออก

เหล่าจางพลันรู้สึกว่ามือของเถ้าแก่ที่กำลังเกาะเขาอยู่นั้นจู่ๆ ก็ออกแรงขึ้นมา แล้วก็ได้ยินเสียงเถ้าแก่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ไป พวกเราเข้าไปกัน!”

เอ่อ

เหล่าจางจับต้นชนปลายไม่ถูกเล็กน้อย ก่อนหน้านี้คนที่บอกให้คอยสังเกตความเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ การล่าสมบัติมีความเสี่ยงไม่ใช่เถ้าแก่เองเหรอ

เหล่าจางก็ไม่ได้ถามและตามโจวเจ๋อลงขั้นบันไดเดินเข้าไปทั้งอย่างนี้ โจวเจ๋อเดินไวขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็เริ่มวิ่ง!

เวลาไม่เคยรอใคร เวลาไม่เคยรอใคร!艾琳小說

ของฉัน

ของฉัน

ของฉันหมดเลยโว้ย

พวกแกวางลงทั้งหมดเดี๋ยวนี้!

ชายหนุ่มชุดดำมองดูทั้งสองค่อยๆ หายลับสายตาของเขาไปอย่างประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นเขาที่นอนบนขั้นบันไดก็หลับตาต่อไป

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพระราชวังเคยถูกปล้นและสำรวจมานับไม่ถ้วน หรือว่าการออกแบบเป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรก ผ่านมาแล้วหลายตึกอาคารติดต่อกัน ข้างในก็ดูว่างเปล่าอย่างเห็นได้ชัด

แม้แต่ม่านโปร่งสีเขียวก็ดูเหมือนโดนใครฉีกเอาไป เหลือไว้เพียงโครงไม้ สิ่งที่ทำให้โจวเจ๋อรู้สึกตกใจที่สุดก็คือ แม้แต่คานหลักยังโดนตัดและนำออกไป

‘ที่ไหนมีของดีอยู่ ส่งสัญญาณมาหน่อยสิ’

‘ไม่…รู้…’

การปล้นชิงเกิดมาหลายพันปีแล้ว ของดีๆ แต่เดิมน่าจะไม่มีแล้วละมั้ง ถึงอย่างไรแม้แต่พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์และพญายมทั้งสิบองค์หลังยุคไท่ซานฝู่จวินก็ยังเคยมา ‘ไว้อาลัย’ ที่นี่

แน่นอน บอกว่า ‘ไว้อาลัย’ แต่จริงๆ แล้วทำอะไรนั้นย่อมรู้ดีแก่ใจ

‘งั้นคุณลองคิดดูอีกที มีของอะไรซ่อนไว้ที่ไหนที่คนนอกหาได้ยาก และมีแนวโน้มว่ามันยังหลงเหลืออยู่บ้าง’

‘มี…สิ…’

‘งั้นคุณรีบบอกมาเร็ว อยู่ไหน จะหาได้ยังไง’

‘เหตุ…ใด…ต้อง…ให้…เจ้า’

‘ตอนนี้ยังมียมทูตอีกเกือบสามร้อยคนกำลังเสี่ยงโชคอยู่ข้างในนะ ให้คนอื่นเอาออกไปสู้ให้ผมเอาออกไปจะดีกว่าไหม’

‘ยอม…แบ่ง…มิตร…ไม่…แบ่ง…ข้า…รับ…ใช้…’ไอรีนโนเวล

‘…’ โจวเจ๋อ

ไม่มีอะไรจะคุยแล้ว คุยต่อไม่ได้แล้ว

“คนของยมโลกพบข้าแล้วหรือ” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองและเดินไปตรงตำแหน่งที่ชิดผนังด้านหน้าสุด วางฝ่ามือลงไปแล้ววาดรูปวงกลม ในวงกลม เขามองเห็นยมทูตสามคนกำลังเดินมาทางตำหนักแห่งนี้ ไกลออกไปดูเหมือนยังมีร่องรอยของยมทูตคนอื่นๆ

ชายหนุ่มขมวดคิ้ว นี่ไม่น่าจะพุ่งมาหาเขา เว้นแต่ว่ายมโลกจะปัญญาอ่อนเข้าขั้น มิฉะนั้นคงไม่ส่งยมทูตจำนวนมากมายมาเพื่อค้นหาฆาตกรที่สามารถทำลายตำหนักเก้าย่อยยับเป็นแน่!

“เคี๊ยกๆ ก็ดี บำรุงเร่งการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บให้ข้าเสียหน่อยก็ดี”

“ยมทูตทงเฉิงนั่น วางท่าพูดจาใหญ่โตเสียจริง”

“ใช่ๆ โพล่งมาประโยคเดียว คุณไม่คู่ควร เหอะๆ ทำไมเขาไม่กล้ายโสโอหังกับผู้ตรวจสอบผู้ยิ่งใหญ่แบบนี้บ้างล่ะ” เห็นได้ชัดว่ายมทูตหนุ่มทั้งสองยังไม่พอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

“เขาสามารถกวาดล้างยมทูตแทบจะหมดสวีโจว เขามีทุนพอที่จะหยิ่งแบบนี้อยู่หรอก” หญิงสาวชุดกระโปรงขาวห้ามสหายทั้งสองของเธอไม่ให้บ่นและพูดต่อ “เราสนใจเรื่องตรงหน้ากันเถอะ เรื่องของคนอื่นไม่เกี่ยวอะไรกับเรา” หญิงสาวมีบารมีในทีมนี้ไม่น้อย เมื่อเธอเอ่ย ยมทูตหนุ่มอีกสองคนก็ไม่พูดอะไรอีก

ตอนนี้เอง จู่ๆ ยมทูตหนุ่มหนึ่งในนั้นตะโกนด้วยความประหลาดใจ “มีบางอย่างอยู่ตรงนี้!” ไม่คิดว่าจะมีเห็ดสีม่วงโตออกมาจากรอยแยกบนพื้นอย่างแข็งแรงด้วย

สีหลักของนรกคือสีเทาและสีขาวสองสี ด้วยเหตุนี้ สีสันอื่นๆ ที่แสดงออกมาจะต้องเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดา โดยเฉพาะกับสถานที่แห่งนี้

ยมทูตหนุ่มวิ่งเข้าไปโดยไม่ไตร่ตรองและเอื้อมมือหมายจะเด็ดมัน เพียงแต่ว่า เมื่อมือของเขาจับเห็ดดอกนั้นพลันส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา สีม่วงบนเห็ดกระจายขึ้นไปย้อมทั้งแขนของเขาทันที

‘ฟุ่บ!’

ร่างกายของยมทูตคนนี้เริ่มอ่อนแอลงทันที วิญญาณถูกแยกและถูกสูบจนแห้งอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงกลุ่มควันรูปร่างมนุษย์และสลายไปในภายหลัง!

ทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไป รวดเร็วจนยมทูตทั้งชายและหญิงไม่ทันได้ตอบสนองอะไรด้วยซ้ำ

“อ๊ากกก!!!!!” ยมทูตชายอีกคนหนึ่งก็ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน เท้าทั้งสองข้างของเขาเริ่มเปลี่ยนสี จากนั้นวิญญาณของเขาก็เริ่มสลายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับทั้งหมดถูกดูดเข้าไปใต้พื้น

ยมทูตสาวไม่ลังเลอีกต่อไปรีบโกยแน่บออกจากตำหนักทันที

‘ฟุ่บ!’ แขนเสื้อข้างหนึ่งตรงเข้ามาหาและกวาดเอาร่างของยมทูตสาวกลับไป จากนั้นขณะที่ยมทูตสาวเพิ่งจะทรงตัวยืนนิ่งและเตรียมจะก้าวเดินออกไปนั้น กลับพบว่ามีคนยืนอยู่ข้างหลังเธอแล้ว อีกทั้งหน้าอกยังแนบชิดติดกับแผ่นหลังของเธอด้วย

‘ฟู่ว…’ ชายในชุดคลุมทางการสีดำเป่าลมหายใจเบาๆ ข้างหูยมทูตสาว เป่าจนผมปลิวไสว ยมทูตสาวรู้สึกแค่ว่าทั้งร่างของเธอถูกพันธนาการ เธอไม่สามารถขยับตัวได้เลย

“เคี๊ยกๆ…สตรี จุ๊ๆ สตรีนี่นา…”

ชายหนุ่มเอื้อมมือลูบไปตามร่างของยมทูตสาวด้วยความผิดหวัง ตอนแรกเป็นความคะนึงหา ต่อมาเป็นความโลภ จากนั้นก็จนใจ สุดท้ายก็โกรธแค้น เขาอ้าปาก พร้อมกับบีบคอยมทูตสาวด้วยมือข้างเดียวและคำราม

“ข้าเกลียดสตรี!”

…………………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล