ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 559

ตอนที่ 559 ผิงเติ่งหวังลู่!

“เถ้าแก่ พวกเรายังจะไปอยู่ไหม” เหล่าจางเห็นโจวเจ๋อยืนอยู่ตรงนั้นนานสักพักแล้วจึงถามขึ้น

“ฮู่ว…” ถอนหายใจเฮือก โจวเจ๋อก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีเช่นกัน ที่จริงเอาใจเขามาใส่ใจเราก็เข้าใจได้มากทีเดียว

ตอนนี้อิ๋งโกวถูกเจ้างั่งผนึกอยู่ทั้งๆ ที่เดิมทีเขาแค่เลียแผลเตรียมตัวฟื้นตัวเท่านั้น เท่ากับว่าเขาถูกล็อกเอาไว้ อันที่จริงเขาตกเป็นเบี้ยล่างอยู่แล้ว หากส่งมอบอะไรให้โจวเจ๋อสักหน่อย หรือสอนอะไรโจวเจ๋ออีกสักหน่อย อย่างนั้นภายใต้การเกิดหนึ่งมอดดับหนึ่ง เขาอิ๋งโกวอาจจะไร้หนทางออกมาตลอดไปจริงๆ ก็ได้

ยิ่งไปกว่านั้น ข้างกายโจวเจ๋อยังมีหนังสือรับรองยมทูตที่ไท่ซานฝู่จวินทิ้งไว้ แม้จะบอกว่าไท่ซานฝู่จวินเป็นรุ่นน้องของอิ๋งโกว แต่ทุกยุคทุกสมัยมักจะมีผู้นำเทรนด์อยู่เสมอ

ใครแย่กว่าใครเท่าไร พูดยากจริงๆ

ไท่ซานฝู่จวินเคยวางเดิมพันไว้กับโจวเจ๋อ นี่ก็ยิ่งทำให้อิ๋งโกวต้องเก็บไปคิดอย่างลึกซึ้ง

ถ้าเป็นแค่สุนัขพันธุ์ปั๊กที่ชอบนอนกระดิกหางอย่างเกียจคร้านอยู่บนขั้นบันไดหน้าบ้าน อิ๋งโกวไม่รังเกียจที่จะโยนกระดูกให้แทะสักสองสามชิ้น หรือหยอกล้อแกล้งมันเพื่อความสนุก แต่สุนัขตัวนี้มีแนวโน้มว่าจะหลุดจากการควบคุม แถมยังเผยท่าทีว่าจะแว้งกัดอย่างชัดเจน

“ไม่ไปแล้ว เราเปลี่ยนที่นอนกลางวันน่ะ” ไร้ความช่วยเหลือจากอิ๋งโกว อยากจะหาสมบัติล้ำค่าอะไรในสถานที่ที่เคยถูกหาจนละเอียดมาตั้งนานแล้วนั้น โดยพื้นฐานแล้วเป็นไปไม่ได้เลย ขยะเล็กๆ ธรรมดาๆ อาจเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับยมทูตเหล่านั้น แต่มันไม่มีความหมายอะไรสำหรับโจวเจ๋อ

เจ้างั่ง

สมุดหยินหยาง

ตราลัญจกรของผิงเติ่งหวัง

ของพวกนี้เขามีหมดแล้ว แถมทั้งหมดยังโยนให้เจ้าลิงหรือไม่ก็สุนัขเล่นไปแล้ว วิสัยทัศน์สูงไปก็ไม่ดี ของเล่นธรรมดาพรรค์นั้นไม่เข้าตาเลยจริงๆ โจวเจ๋อรู้สึกว่าเขาน่าจะไตร่ตรองให้ดีอีกหน่อย อย่างนี้มันไม่ดี

นอนลงในศาลามองดูตำแหน่งคานหลักที่หายไปด้านบน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใดศาลานี้ถึงยังไม่พังถล่ม แต่วิธีการที่แม้แต่เสาคานยังไม่ปล่อยไป ทำให้เถ้าแก่โจวหมดคำพูดจริงๆ จะต้องเป็นคนที่รู้จักใช้ชีวิตแน่ๆ

เหล่าจางยืนอยู่ข้างๆ โจวเจ๋อ โจวเจ๋อไปเขาก็ไป โจวเจ๋อไม่ไปเขาก็พลอยหยุดไปด้วย ลงนรกครั้งแรกประหม่ายิ่งกว่านั่งเครื่องบินครั้งแรกเสียอีก กลัวว่าจะปล่อยไก่โดยไม่ทันระวังตัว

ผ่านไปไม่นานนัก ลมกลิ่นหอมพัดโชยมา

ใช่แล้ว ไม่ผิด เป็นลมกลิ่มหอม

ยมทูตต่างจากวิญญาณร้ายทั่วไปที่หลบหนี ความรู้สึกคล้ายกับทหารทั่วไปกับคนร่อนเร่พเนจร หลังจากวิญญาณร้ายหลบหนี เมื่อดวงวิญญาณปรากฏก็จะเป็นรูปลักษณ์หลังจากถูกทรมานในนรก และยากที่จะเปลี่ยน แต่พวกยมทูตกลับสามารถ ‘เปลี่ยนรูปโฉม’

นี่นับว่าเป็นสวัสดิการประเภทหนึ่งที่นรกมอบให้ข้าราชการระดับรากหญ้า ถึงอย่างไรก็เป็นสวัสดิการไม่เปลืองเงินเปลืองทองที่พวกหัวหน้าชอบแจกจ่าย

เพียงแต่ว่า คนผู้นี้ดันใช้แม้กระทั่ง ‘น้ำหอม’ มันช่างแปลกจริงๆ

เมื่อแหงนหน้าขึ้นไปมอง หญิงสาวที่คุ้นตาคนหนึ่งสวมใส่กระโปรงสีขาวยืนอยู่นอกศาลา รู้สึกเหมือนว่าคนผู้นี้กำลังมองอยู่จริงๆ

“เฮ้ ฉันเจอของดีที่นี่ แต่พวกเราเอาไม่อยู่ จะมาด้วยกันไหม” หญิงสาวตะโกน

เหล่าจางเงียบ ส่วนโจวเจ๋อยิ้มแย้ม

เหล่าจางเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์เป็นตำรวจอาชญากรรมมายี่สิบปีแล้ว เถ้าแก่โจวก็ไม่ใช่ไอ้หน้าอ่อนมาตั้งนานแล้ว สร้างกลอุบายมั่วๆ หมายจะให้พวกเขาทั้งสองตกหลุมพราง ออกจะไม่ค่อยสมจริงจนเห็นได้ชัด

เมื่อเห็นทั้งสองไร้การตอบสนอง จู่ๆ หญิงสาวก็คุกเข่าลงกรีดร้อง “ช่วยฉันด้วย ได้โปรดช่วยฉันด้วย!” ก่อนหน้านี้เป็นเพราะชื่อเสียง หญิงสาวถึงได้เข้ามาขอร่วมทีมกับโจวเจ๋อก่อน ตอนนี้ก็เป็นเพราะชื่อเสียง เธอหวังว่าโจวเจ๋อจะสามารถช่วยเธอได้

โจวเจ๋อยืนขึ้น แล้วถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “คุณถูกควบคุมใช่ไหม”

หญิงสาวพยักหน้าแรงๆ

โจวเจ๋อเผยความห่วงกังวลในแววตา ช่างมีความจริงใจให้เหนือคำบรรยาย จากนั้นเถ้าแก่โจวรีบดึงแขนของเหล่าจางและเริ่มเดินไปในทิศทางตรงกันข้าม ทิ้งหญิงสาวมองแผ่นหลังของพวกเขาท่ามกลางสายลมยุ่งเหยิงอย่างเดียวดาย

“เคี๊ยกๆ อาหารส่งตรงถึงที่ คิดหนี ไม่ได้นะ…”

จู่ๆ เสียงของชายดุจสตรีเปล่งออกมาจากปากของหญิงสาว ครู่ต่อมา วิญญาณของหญิงสาวแตกสลาย หลังกลายเป็นละอองฝุ่นก็ถูกชายดุจสตรีสูดเข้าโพรงจมูกไปจนหมด

“ฮู่ว…”

ร่างกายของชายดุจสตรีสั่นเทิ้มเบาๆ มันสดชื่นเสียจนตัวสั่น

“ผู้พิพากษาเล็กๆ เพียงคนเดียวยังอยู่ด้านนอก ส่วนพวกปลาซิวปลาสร้อยกุ้งน้อยอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่งในพระราชวังที่เป็นซากปรักหักพังนี่ เหมาะเป็นมื้อเรียกน้ำย่อยให้ข้าพอดี”

ในชั่วพริบตาชายดุจสตรีพลันปรากฏตัวตรงหน้าโจวเจ๋อและเหล่าจาง เหล่าจางถูกโจวเจ๋อลากถอยหลังกลับมา ส่วนโจวเจ๋อชี้หน้าทักทายไปก่อนแล้ว!

อันที่จริง ตอนที่คนเราทำอะไรหลายๆ อย่างนั้น มันไม่มีเวลามาคิดอะไรด้วยซ้ำ อย่างเช่นตอนนี้

ตอนแรกโจวเจ๋อนึกว่ายมทูตอีกพวกหนึ่งควบคุมหญิงสาวคนนั้น เขาจึงไม่อยากเข้าไปพัวพันในเกมหน่อมแน้ม ‘แก่งแย่งชิงอำนาจ’ ของเด็กน้อย แต่ตอนนี้ทันทีที่ชายดุจสตรีคนนี้โผล่เข้ามา โจวเจ๋อก็รู้ได้ว่ามันผิดปกติ นี่ไม่ใช่ปลาซิวปลาสร้อยกุ้งน้อย นี่อย่างน้อยๆ ก็เป็นฉลามดุร้าย!

พลังยิ่งใหญ่น่าเกรงขามโหมซัดเข้ามา เหมือนกับกำแพงขนาดใหญ่พุ่งตรงดิ่งลงมา!

ราวกับว่าการดำรงอยู่ใดๆ ภายใต้กำแพงนี้ล้วนเป็นเพียงมดที่รอการบดขยี้

เถ้าแก่โจวเพิ่งจะมีเวลาสะบัดเล็บทั้งสิบนิ้วออกไป ทั้งร่างก็ถูกคลื่นอากาศ ‘ยิ่งใหญ่มหาศาล’ พลิกตลบ

‘โครม!’

เหล่าจางพยายามเอื้อมมือไปคว้าโจวเจ๋อ แต่กลับถูกโจวเจ๋อพาล้มกระแทกลงบนพื้นพร้อมๆ กัน

วิญญาณของทั้งสองไม่มั่นคงเล็กน้อย โดยเฉพาะเหล่าจางเริ่มโปร่งแสงไปครึ่งหนึ่ง ทั้งสองยังไม่สลายหายไปทันที เพราะอีกฝ่ายจงใจยั้งมือไว้ เป็นห่วงว่าจะทำอาหารแตกสลายจนไม่ได้กินน่ะสิ

ชายดุจสตรีกำลังรุดหน้าไปกินต่อ แต่จู่ๆ กลับชะงักฝีเท้าและมองลงไปด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อพบว่าเส้นสีแดงบนหน้าอกของเขาเส้นหนึ่งปริแตกแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล