ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 566

สรุปบท ตอนที่ 566 ข้ากลับมาแล้ว!: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอน ตอนที่ 566 ข้ากลับมาแล้ว! จาก ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 566 ข้ากลับมาแล้ว! คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 566 ข้ากลับมาแล้ว!

ผิงเติ่งหวังลู่หลับตาลงช้าๆ ร่างของเขาเริ่มค่อยๆ สลายไป เขาถูกต้าฉางชิวล็อกเอาไว้ และสูญเสียความสามารถในการต่อต้านส่วนใหญ่ไป อีกทั้งในเวลานี้เขาเกือบจะสิ้นไร้เรี่ยวแรง ไม่เหลือที่ว่างให้ต่อต้านอะไรได้อีกแล้ว แต่เขาคือผิงเติ่งหวัง เป็นหนึ่งในพญายมสิบตำหนัก แม้ว่าเรื่องราวจะมาถึงจุดนี้ หากอยากตายก็ไม่มีใครมาขวางฉุดรั้งเขาเอาไว้ได้!

โจวเจ๋อหลับตาลงอย่างเงียบๆ มอบสิทธิ์ในการควบคุมร่างกายออกไป จากนั้นอีกจิตสำนึกหนึ่งก็มาแทนที่ เสร็จสิ้นการสลับตัวเจ้าบ้านและแขกภายใต้ความเงียบงัน โดยไม่ก่อคลื่นปั่นป่วนแต่อย่างใด

ไม่ไกลนั้น ต้าฉางชิวที่เป็น ‘โรคไขข้อกระดูก’ ยังเดินมาอย่างช้าๆ ต่อไป

‘ดี เยี่ยม เอาเลย’ ต้าฉางชิวตะโกนในใจ

สิ่งเดียวที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ ร่างของผิงเติ่งหวังเริ่มเปล่งประกายแสง สิ่งนี้ทำให้เขาคิดไม่ตก แต่ไม่นานก็คิดออก ในหมู่พญายมทั้งสิบตำหนักใช่ว่าจะทุกคนจะมีเจตจำนงอันแน่วแน่!

บางทีในสายตาของคนนอก พญายมทั้งสิบตำหนักเดิมทีก็เป็นผู้ปกครองยมโลกในนามเป็นเพียงตัวแทนของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ แต่เรื่องจริงมันไม่ได้เป็นอย่างนี้น่ะสิ

ตอนนั้น ไท่ซานฝู่จวินรุ่นสุดท้ายหายสาบสูญไปภายใต้การปลุกปั่นของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ เมื่อระเบียบของนรกเริ่มดิ่งสู่การพังทลาย พญายมทั้งสิบตำหนักก็หยัดยืนออกมา พวกเขาบรรลุความร่วมมือกับพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ได้ในระดับหนึ่งจริงๆ

ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนแรกพญายมทั้งสิบตำหนักเอง จริงๆ แล้วก็เป็นผู้กุมอำนาจระดับสูงของระบบนรกภายใต้การปกครองของไท่ซานฝู่จวิน แม้ว่าในนั้นจะมีคนสองหน้า ‘ขายผลประโยชน์นายแลกเกียรติยศส่วนตน’ เพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งระดับสูงอยู่จริงๆ แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีคนที่ไม่อยากเห็นระบบระเบียบยมโลกล่มสลายจนนรกปั่นป่วนไปหมด ผิงเติ่งหวังเองก็เป็นตัวแทนหนึ่งในนั้น

และด้วยเหตุนี้ หลังจากขุมอำนาจของขันทีทั้งสิบเกิดขึ้นและเผยให้เห็นอย่างช้าๆ พญายมสิบตำหนักจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะนิ่งเงียบ ถึงขั้นเตรียมทำใจไว้แล้วด้วย ไม่มีอะไรมากไปกว่าระบบใหม่แทนที่ระบบเก่า ตอนนั้นไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน เก้าอี้หนึ่งตัวนั่งมาแล้วเป็นพันๆ ปี จะเปลี่ยนตำแหน่งน่ะ พวกเขายินยอมพร้อมใจกันอยู่แล้ว แถมยังเปลี่ยนไปเป็นตำแหน่งที่ต่ำกว่านี้หน่อยก็เท่านั้น ไม่ใช่ว่าถูกโค่นลงจากเวทีเสียหน่อย ใช่ว่าจะยอมรับไม่ได้

แต่พญายมหลายองค์ที่นำโดยผิงเติ่งหวัง กลับไม่ปฏิบัติตามสัญญาลับที่ทิ้งไว้เมื่อหลายพันปีก่อน และไม่ยอมรับ ‘การเปลี่ยนแปลงอย่างสันติ’ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์

อันที่จริง หากเพียงแต่โลภในอำนาจและตำแหน่ง ผิงเติ่งหวังคงไม่เลือกปราบปรามเมืองผีเฟิงตูและรับผิดชอบหน้าที่ในการลงโทษในตอนแรก ฟังดูแล้วน่าเกรงขาม แต่ในความเป็นจริงมันเป็นเรื่องที่เสียแรงไปแต่ไม่คุ้มค่าที่สุด

การสังหารหมู่ที่ตำหนักเก้า เดิมทีเป็นการกระทำที่ ‘ฟื้นฝอยหาตะเข็บ’ เป็นการปะทะกันครั้งแรกระหว่างสิบขันทีและพญายมสิบตำหนัก ขุดคุ้ยได้หนึ่งเรื่อง สามารถทำให้คนอื่นๆ หลายคนที่ไม่ยินยอมหวั่นกลัวได้ และทำให้คนที่เคยคิดวางแผนว่าจะไหลไปตามกระแสน้ำยิ่งยอมจำนนต่อชะตากรรมได้

หกสิบปี คือเส้นตายที่ได้ตกลงกันระหว่างพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์และต้าฉางชิว เพียงแค่ว่าคลื่นลมลูกนี้ กลับไม่รอถึงหกสิบปีแล้วค่อยโผล่มาจริงๆ

“ท่านพร้อมแล้วหรือไม่” ผิงเติ่งหวังเอ่ยพูด

โจวเจ๋อไม่ลืมตา เพียงแต่เอ่ยเร่งเร้าอย่างรำคาญเล็กน้อย “เจ้า…มา…สิ…”

ผิงเติ่งหวังแย้มสรวล ไม่พูดพล่ามมากมายแต่อย่างใด ไม่มีกลอนกวีและคำแถลงการณ์ก่อนตาย ตัวเขาเองตกเป็นเหยื่อของการต่อสู้ทางการเมือง และยังเป็นผู้พ่ายแพ้ในกระแสการเมืองอีกด้วย หัวเดียวกระเทียมลีบ กลับมาที่นี่เพียงเพื่อล้างแค้นให้ทั้งตำหนักเก้าของเขา แต่ก็ยังล้มเหลวอยู่ดี

ท่ามกลางกระแสคลื่นลูกนี้ เขาไม่สามารถพลิกกระแสได้ แม้แต่เรือของเขาเองยังพลิกคว่ำอีกต่างหาก เขาพูดไม่ออกแล้วจะทิ้งคำพูดอะไรไว้ล่ะ และไม่ได้คิดจะสาธยายเรื่องสลดใจและความกล้าหาญของตัวเองด้วยซ้ำ เมื่อภัยมาถึงตัวก็เหลือเพียงคำถามสุดท้าย “ท่านทำได้จริงหรือ”ไอรีนโนเวล

“ดู…เอา…เถิด…”

หากไม่ใช่เพราะเห็นว่าผิงเติ่งหวังลู่กำลังสลายไปด้วยตนเอง เท่ากับการแยกส่วนตัวเองอย่างสมบูรณ์ ไม่ต่างกับเขาปรุงอาหารแล้วเอามาประเคนต่อหน้าโจวเจ๋อให้เองเสร็จสรรพ ช่วยโจวเจ๋อแก้ปัญหาน่ารำคาญ ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาและความพยายามในการกำราบและแบ่งแยกชิ้นส่วน อิ๋งโกวคงตบลงไปฉาดหนึ่งพร้อมดุด่าไปตั้งนานแล้ว ‘ชักช้าอืดอาดยืดยาดอยู่ได้ น่ารำคาญเป็นบ้า ตอนแรกที่ข้าเลือกฐานบัลลังก์ให้ตัวเอง ฐานบัลลังก์พวกนั้นยังไม่น่ารำคาญเท่าเจ้า!’

“งั้นเราจะรอดู!” ร่างของผิงเติ่งหวังสลายไปจนหมดสิ้น โซ่ตรวนร่วงสู่พื้น จู่ๆ เสียงระฆังมรณะก็ดังขึ้น!

ต้าฉางชิวลิงโลดในใจ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นรกจะไม่มีพญายมผิงเติ่งหวังอีกแล้ว!

แม้ว่าผู้พิพากษาลู่ด้านนอกนั่นจะจัดกองทหารมาครบครัน และป้ายของตำหนักเก้าจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แต่ของเอาไว้โชว์โอ้อวดประเภทนี้ ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาสิบขันที แม้แต่พวกระดับกลางและล่างของนรกเอง ก็ไม่มีทางยอมรับ!

“จบได้แล้ว” ต้าฉางชิวตบแมวดำยักษ์ข้างๆ เขาจะไม่รอให้ความแข็งแกร่งของโจวเจ๋อฟื้นตัวสักนิดและอาการบาดเจ็บฟื้นตัวสักหน่อยแล้วค่อยลงมือหรอก ก็อย่างว่า เลียนแบบใครไม่เก่งจะไปเลียนแบบซ่งเซียงกง[1]นั่นได้อย่างไร เขาเป็นขันที ไม่มีสำนึกทางศีลธรรมของชายผู้เมตตาหรอก

“ลุย!” ต้าฉางชิวตวาด แมวดำยักษ์สะบัดหาง ไม่สนใจไยดีเขา ต้าฉางชิวกระอักกระอ่วนเล็กน้อย เกิดความรู้สึกว่าข้าอุตส่าห์วางมาดเท่เจ้ากลับฉีกหน้าข้าเสียอย่างนั้น ในขณะนั้นเอง ต้าฉางชิวตวาดด้วยความโมโหและมองแมวดำยักษ์ข้างๆ ด้วยสีหน้าถมึงทึง “ท่านบรรพบุรุษ ข้าน้อยเชิญท่านลุยไปก่อน!”

“เมี้ยว!” แมวดำยักษ์เคลื่อนไหวแล้ว ราวกับพายุเฮอริเคนสีดำพุ่งตรงออกไปข้างหน้าทันที พลังชนิดนี้ช่างน่ากลัวเหลือร้าย จงรู้ไว้ว่ารูปร่างของมันใหญ่โตมโหฬารกว่าพระราชวังแห่งนี้มากโข!

ลำแสงที่แปรเปลี่ยนจากร่างของผิงเติ่งหวังลู่ลอยไปทางโจวเจ๋อ โจวเจ๋ออ้าปากพร้อมกลืนกินลำแสงนี้ลงไป!

ท่ามกลางความมืดมิด โจวเจ๋อยืนอยู่ด้านหนึ่ง และมีชายเปลือยท่อนบนที่ดูเหมือนโจวเจ๋ออย่างกับแกะยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง จากนั้นเงาเสมือนของผิงเติ่งหวังลู่ก็ปรากฏออกมา หลังจากผิงเติ่งหวังลู่เข้ามาแล้วมองเห็นชายเปลือยท่อนบนคนนั้น ก็สะดุ้งตกใจก่อนแล้วตามมาด้วยความเคารพนับถือทันที สุดท้ายก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา ครั้นแล้วก็ก้มตัวลงกราบไหว้ ทำความเคารพครั้งใหญ่!

โจวเจ๋อกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ดูเหมือนจะไม่มีบทให้เขาพูด และอีกฝ่ายก็ไม่ได้กราบไหว้ตัวเขาด้วย แต่ทว่าเถ้าแก่โจวก็ยังเข้าไปอยู่ข้างๆ อิ๋งโกว ในร้านหนังสือมีสาวน้อยโลลิมาขอนอนด้วย และมีเหล่าจางมาขอกินข้าวด้วย ส่วนครั้งนี้เถ้าแก่โจวมาเพื่อขอรับการบูชากราบไหว้ด้วย ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงการที่หนึ่งในพญายมสิบตำหนักของนรก ลูกพี่ที่ยิ่งใหญ่สุดๆ ประเภทนี้มากราบไหว้ ความรู้สึกสะใจแบบนี้มันรุนแรงเกินไปแล้ว!

ราวกับว่าตัวเองได้ก้าวข้ามจนเหนือกว่าในตำนาน และตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของตำนาน

“เรา…ไม่สิ กระหม่อม…เฮ้อ นายลู่…เอ่อ เด็กรุ่นหลังแซ่ลู่ ต้องขอไปก่อน”

อิ๋งโกวโบกมือปัดๆ อย่างนึกรำคาญเล็กน้อย แต่ก็ยังเพิ่มคำปลอบใจ “ช้าลงหน่อย ให้พวกเขาตามไปได้ง่ายๆ”

สะพานไน่เหอ เป็นจุดสิ้นสุดของเส้นทางน้ำพุเหลือง เป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างโลกมนุษย์และปรโลก ตอม่อสะพานใหญ่มาก ใหญ่เสียจนทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวัง และบนสะพานนั้นมีสตรีสวมชุดผ้าไหมนับไม่ถ้วนยืนกรอกน้ำแกงลืมชาติให้กับดวงวิญญาณที่เดินผ่านข้างกายอยู่ตรงนั้น

ลืมสิ้นอดีตชาติ ไปสู่ชีวิตใหม่

ทันใดนั้นเอง สะพานไน่เหอเริ่มสั่นสะเทือน สตรีในชุดผ้าไหมนับไม่ถ้วนเผยสีหน้าตื่นตระหนก แม้แต่ดวงวิญญาณมากมายจนดูมืดมิดไปทั่วทั้งผืนก็หวาดกลัวจนคุกเข่าลงตามสัญชาตญาณโดยไร้ซึ่งเหตุผล และในเวลานี้ ร่างของสตรีในเสื้อคลุมทางการสีม่วงทองปรากฏตัวบนยอดเขาที่สูงที่สุดตรงข้ามสะพานไน่เหอ แขนเสื้อยาวพลิ้วไหว ผมเผ้าปลิวสยายแฝงด้วยความโกรธ ความไม่ยินดี ความตื่นตระหนกเล็กน้อย รวมไปถึงความประหลาดใจเหลือแสน

“เขา…กลับมาแล้วหรือ”

‘ครืด!!!!!!’

ในพระราชวัง ร่างของแมวดำดูเหมือนจะรีบร้อนเหยียบเบรกกะทันหัน และคิดไม่ถึงว่าจะหยุดอย่างมั่นคงตรงหน้าโจวเจ๋อ!

ทั้งๆ ที่ดวงตาคู่นั้นเปิดออกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ความกลัวที่อยู่ลึกที่สุดในหัวใจของแมวดำยักษ์กลับเผยออกมา!

จากนั้น โจวเจ๋อค่อยๆ เงยหน้าขึ้น พร้อมกับลืมตาอย่างช้าๆ

“เมี้ยว!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” ขาทั้งสี่ของแมวดำยักษ์ยืดยืนขึ้นอย่างกะทันหัน ขนทั่วทั้งตัวของมันลุกพรึ่บในเวลาเดียวกัน หางยิ่งแข็งและยกกระดกสูงขึ้น!

โจวเจ๋อมองแมวดำขนาดใหญ่เท่าภูเขาที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา เผยรอยยิ้มประดับมุมปากและถามอย่างเรียบนิ่ง

“เลือดของข้าอร่อยดีหรือไม่”

………………………………………………………

[1] ซ่งเซียงกง เป็นเจ้าผู้ครองแคว้นซ่ง ในช่วง 653 – 637 ก่อนคริสตกาล เป็นคนที่ได้ชื่อว่ามักอ้างคุณธรรมและความเป็นผู้ดีในการดำเนินการต่าง ๆ อยู่เสมอ

[2] ตี้ทิง เป็นสัตว์มงคลประจำพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล