ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 568

ตอนที่ 568 หนึ่งเมือง หนึ่งสุสาน!

‘แย่แล้ว จบเห่แล้ว เจ้าโง่ขาดสติแล้ว หน้ามืดแล้ว’ โจวเจ๋อคิดคร่ำครวญอย่างหมดหนทางในใจ แต่ไม่ถึงกับกระสับกระส่ายอย่างที่จินตนาการไว้ อันที่จริง ก่อนที่คุณจะเริ่มทำบางเรื่องนั้นได้คาดเดาตอนจบเอาไว้แล้ว

แทนที่จะวิ่งหนีความเป็นไปได้ของภาพมายา สู้ต่อสู้สนามสุดท้ายอย่างเกริกก้อง เพลิดเพลินไปกับกระบวนการนี้จะดีกว่า

เพียงแต่ แกแม่งปัญญาอ่อนสินะ ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่เลยด้วยซ้ำ บางทีอาจจะฟื้นตัวแค่หนึ่งส่วน และต่อให้แกจะฟื้นตัวเต็มที่แล้ว แกยืนตะโกนปาวๆ บอกให้พระจันทร์เหนือหัวลงมาด้านล่าง มันต่างจากควาฟู่ไล่ตามพระอาทิตย์ตรงไหน

อย่าทำให้ขายขี้หน้าจะได้ไหม แกทำอย่างนี้มันต่างกับมนุษย์บนโลกที่เรียกหวังซือชง[1]ว่าที่รักและเรียกแจ็กหม่าว่าพ่อยังไง อับอายขายขี้หน้าสิ้นดี!

จากนั้น ไม่นาน โจวเจ๋อก็พบว่าตัวเองต่างหากที่เป็นคนปัญญาอ่อน เพราะพระจันทร์สีเลือดบนท้องฟ้าของนรกดันลงมาแล้วจริงๆ!

“…” ปลาเค็มโจว

มะ

มัน

มันลงมาแล้ว!

โจวเจ๋อรู้สึกว่าตัวเองวุ่นวายสับสนเล็กน้อย ผู้ที่วุ่นวายสับสนอีกคนยังมีต้าฉางชิวที่อยู่บนฟ้าไกลออกไป เขาอ้าปากค้างกว้างมาก กว้างพอในระดับที่สามารถกลืนสมบัติของเขาสิบชิ้นในคำเดียว

‘จ๋าเจียมองเห็นอะไรน่ะ’

‘ข้ามองเห็นอะไรน่ะ’

พระจันทร์ พระจันทร์ใหญ่มาก พระจันทร์ที่ใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ!

บรรดาเจ้าหน้าที่นับไม่ถ้วนในเมืองซ่งตี้ก็ตกตะลึงพรึงเพริดไปชั่วครู่ พลางแหงนหน้าขึ้นพร้อมกัน มองไปยังพระจันทร์ที่ถูกขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในสายตาของพวกเขา ขณะนี้ทุกคนรู้สึกเหมือนเป็นไอ้งั่งไปพร้อมกัน นี่จะต้องเป็นความฝันแน่ๆ ต้องเป็นความฝันแน่นอน พระจันทร์นี่จะลงมาได้อย่างไร!

เงาร่างมหึมาในเมืองซ่งตี้ก็สั่นสะท้านเช่นกัน มือที่เดิมทีจะกดลงก็หยุดชะงักไปชั่วคราวเมื่อสายตามองเห็นพระจันทร์สีเลือดด้านบน เห็นได้ชัดว่าแม้จะเป็นหนึ่งในพญายมสิบตำหนักก็ตาม ซ่งตี้หวังอวี๋ผู้นี้ก็ยังรู้สึกงุนงงเล็กน้อยเช่นกัน艾琳小說

อิ๋งโกวยืนอยู่บนกำแพง ชูมือขึ้น ไร้ท่าทีสุขหรือเศร้า ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่ควร ถึงอย่างไรตะวันจันทราก็บังอาจไม่เคารพข้า!

สายลมแห่งนรกพัดกระหน่ำอย่างต่อเนื่อง พัดผมเผ้าของเขา จากนั้นพระจันทร์สีเลือดก็ลงมาจนห่างกับเขาระยะหนึ่ง ซึ่งระยะห่างนี้ใกล้กับเมืองซ่งตี้แห่งนี้มาก

พระจันทร์สีเลือดขนาดใหญ่มหึมาจนเกือบจะเทียบเท่าเมืองซ่งตี้แห่งนี้ เมื่อรวมกับแสงรัศมีแล้ว มันใหญ่กว่าเมืองซ่งตี้อยู่มากโข

“สหาย…” ซ่งตี้หวังอวี๋เอ่ยเรียกว่าสหายอีกครั้ง

อิ๋งโกวยิ้มขันและตอบกลับ “ส…หาย…”

“ผู้มาเยือนเป็นแขก…” น้ำเสียงของซ่งตี้หวังอวี๋เป็นมิตรมากขึ้นเรื่อยๆ

“ของ…ขวัญ…แรก…พบ…” เยี่ยมเยือนสหายวันนี้ มอบพระจันทร์ให้!

‘ครืนๆ!’

พระจันทร์สีเลือดเริ่มร่วงหล่นลงมา เชื่องช้า ช้ามาก ช้าเหลือแสน แต่กลับมีท่าทีไร้เหตุผลอย่างมาก ใช้วิธีคล้อยต่ำลงมาด้วยความเร็วคงที่ทีละนิดทีละหน่อยบดขยี้เขตอาคมรอบนอกเมืองซ่งตี้ และลามไปบดขยี้ ‘โลกทัศน์’ ของผู้คนนับไม่ถ้วนทั้งหมดในเมืองซ่งตี้ทันที

ก่อนหน้านี้ ตอนที่โจวเจ๋อเจอดูต้าฉางชิวกับผิงเติ่งหวังต่อสู้ประมือกัน ก็สะท้อนใจเพราะสิ่งที่ตัวเองรู้สึกว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อ สำหรับบุคคลผู้ยิ่งใหญ่อย่างพวกเขาแล้วกลับเป็นเรื่องธรรมดาเหมือนกับกินข้าวดื่มน้ำเสียอย่างนั้น ตอนนี้เขาก็ยังสะท้อนใจแบบนี้อยู่ เรื่องที่ดูน่าเหลือเชื่อในสายตาของต้าฉางชิวและซ่งตี้หวังอวี๋ กลับเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปประหนึ่งกินข้าวดื่มน้ำสำหรับอิ๋งโกวเช่นกัน

พระจันทร์ไม่ได้ประดับไว้บนท้องฟ้าเอาไว้ดูหรอก ถ้าหล่นลงมากระแทกคนไม่ได้ อย่างนั้นทำไมยังต้องประดับมันไว้บนฟ้าด้วย สู้วางอิฐก้อนหนึ่งไว้เสียยังดีกว่า!

“เจ้าเด็กเมื่อวานซืน กล้าดีเยี่ยงไร!” เงาเสมือนขนาดมหึมาของซ่งตี้หวังอวี๋ยกมือทั้งสองข้างขึ้น พยายามผลักพระจันทร์สีเลือดออกไป มิฉะนั้นหากพระจันทร์สีเลือดบดขยี้ลงมา เมืองซ่งตี้แห่งนี้ถูกทำลายยังนับว่าเป็นเรื่องรอง ที่สำคัญคือเจ้าหน้าที่ใต้บังคับบัญชามากมายเช่นนี้ในเมือง หากผู้คนเหล่านี้ถูกบดขยี้รวมกัน อย่างนั้นเขาก็จะกลายเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบเช่นเดียวกับผิงเติ่งหวังแห่งตำหนักเก้านั่นใช่หรือไม่

‘ตู้ม!’ เวลานี้มือทั้งสองข้างของซ่งตี้หวังอวี๋แตกเป็นเสี่ยงๆ เห็นได้ชัดว่ามือทั้งคู่ของเขาไม่อาจรับน้ำหนักพระจันทร์สีเลือดดวงนี้ได้!

อิ๋งโกวยังยืนอยู่บนกำแพงเช่นเดิม เฝ้าดูพระจันทร์สีเลือดบดลงไปทีละนิดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

“อ๊ากกกกก!!!!”

“หนีสิโว้ย!!!!!”

“รีบแหกเขตอาคมออกไปเร็ว!”

“รีบหนีไป!”

ในเมือง เจ้าหน้าที่ที่ในวันทั่วไปทำตัวสูงส่งจำนวนนับไม่ถ้วนต่างเริ่มหลบหนี ผู้พิพากษาที่ศักดิ์สิทธิ์มิอาจล่วงเกินเริ่มตื่นตระหนก บรรดาผู้ตรวจสอบผู้ยิ่งใหญ่ที่มักเชิดหน้ามองฟ้าในวันธรรมดาก็เริ่มลุกลี้ลุกลน เจ้าหน้าที่ระดับล่างยิ่งหวาดกลัวจนควบคุมตนเองไม่ได้ เป็นเวลาหลายพันปีมาแล้ว เมืองซ่งตี้อันศักดิ์สิทธิ์จนมิอาจล่วงเกินมั่นคงดั่งขุนเขา ใครจะคาดคิดว่าวันนี้จะพบการบดขยี้ที่โหดร้ายอย่างอธิบายไม่ได้กันเล่าไอรีนโนเวล

ซ่งตี้หวังอวี๋ส่งเสียงคำรามไม่หยุด เวลานี้แม้แต่เขาก็ยังต้องตะโกนว่า “รีบออกไปเร็วเข้า!”

เขาทำได้เพียงชะลอความเร็วที่พระจันทร์สีเลือดกระแทกลงมาอย่างสุดความสามารถ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ได้ ตอนนี้เขาทำได้เพียงซื้อเวลาให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาและคนทั้งเมืองหลบหนี

‘ฟิ้ว!’

‘ฟิ้ว!’

‘ฟิ้ว!’

ลำแสงหลากสีสายแล้วสายเล่าเริ่มพุ่งออกไป ทุกคนเริ่มหลบหนี อิ๋งโกวยังยืนอยู่บนกำแพงเช่นเดิม ไม่ลงมือสกัดกั้น แทนที่จะใช้เวลาตอนนี้ไป ‘เกี่ยวรวงข้าว’ สู้ยืนเพลิดเพลินกับ ‘ทิวทัศน์คงดงาม’ ของเมืองที่ถูกดวงจันทร์ทั้งดวงทำลายจนสิ้นซากอย่างเงียบๆ อยู่ที่นี่ดีกว่า

‘ยอด…เยี่ยม…หรือไม่…’

โจวเจ๋อพยักหน้า

‘ยัง…ไม่…พอ…’ ร่างของอิ๋งโกวลอยขึ้นมาถึงจุดสูงสุดของพระจันทร์สีเลือด

“ต้าฉางชิว รีบเข้ามาช่วยเราเร็วเข้า!” ซ่งตี้หวังอวี๋ร้องเรียกเสียงดัง เขาตะโกนเรียกต้าฉางชิวที่อยู่ข้างๆ ให้เข้ามาช่วย จงรู้ไว้ว่า เรื่องในวันนี้ต้นเหตุมันเริ่มมาจากต้าฉางชิวทั้งนั้น!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล