ตอนที่ 57 เป็นตัวอะไรสักอย่าง
ชายคนนั้นไม่พูดไม่จา และในขณะนี้เขาดูเหม่อลอย
เดิมทีโจวเจ๋อนึกว่าเขาจะกลายเป็นผีดุร้าย เช่นเดียวกับกลุ่มวิญญาณของเหยื่อ ที่ถูกเด็กส่งอาหารที่อยู่ในร้านหนังสือของตัวเองในตอนแรกวางเพลิง
การมีอยู่ของผีนั้นเมื่อกลายเป็นผีร้ายแล้ว ความหมกมุ่นจะรุนแรงมากขึ้นอย่างสมบูรณ์ และจะถูกตัดขาดกับเส้นทางการกลับชาติมาเกิดโดยสิ้นเชิง ผลลัพธ์เพียงหนึ่งเดียวก็คือเป็นควันสลายหายไป
เหมือนคนที่กินยากระตุ้นประสาทเกินกว่าร้อยเท่า แค่ช่วงเวลาสั้นๆ แน่นอนว่าจากนั้นก็เคลิ้มจนลอยขึ้นไปบนฟ้า หลังจากที่สนุกสุดเหวี่ยงแล้วก็เตรียมตัวเก็บศพได้เลย
แต่คนที่อยู่ตรงหน้าดูสงบลงเล็กน้อย
ดูจิตตก ลังเล จนปัญญา และดูสับสนวุ่นวายเต็มไปหมดเช่นกัน
เขามองย้อนกลับไปที่วัดขงจื๊อที่อยู่ข้างหลังพลางถอนหายใจ “ดังนั้น ในฐานะที่ข้าโตมากับการอ่านหนังสือของนักปราชญ์ ในสายตาของนักปราชญ์ มันเหมือนกับครอบครัวที่บ้านแตกสาแหรกขาด ที่ไม่ผ่านการสอบเข้ารับราชการหรือไม่”
เดิมทีคิดว่าตัวเองพิเศษกว่าใคร เดิมทีรู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีเหลือเกิน แม้แต่ยมบาลก็ไม่สามารถระบุชะตากรรมของตัวเองได้ ใครจะไปรู้ ท้ายที่สุดก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าความหยิ่งผยอง มองตัวเองว่าสูงส่ง
อันที่จริง เขาควรจะเข้าใจมาตั้งนานแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถถูกขังอยู่ที่นี่เป็นเวลาหลายร้อยปี อยู่แบบโง่เขลาไปทั้งวัน และไม่มีแม้แต่ความตระหนักในตัวเอง ได้แต่ทำตามรุ่นต่อรุ่น วนเวียนอยู่รอบๆ บริเวณวัดขงจื๊อต่อไป
ชายคนนั้นมองไปที่โจวเจ๋อ “เจ้าคิดว่าข้าสมควรตายหรือไม่”
โจวเจ๋อไม่ตอบ
“ข้ามีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง แซ่หลิวน่ะ หลังจากรู้ว่าจักรพรรดิองค์สุดท้ายแขวนคอตัวเองบนต้นไม้ ก็พาทั้งครอบครัว ทั้งเด็กและคนชรา ฆ่าตัวตายยกครัวตามจักรพรรดิผู้ล่วงลับไป”
ชายคนนั้นพูดเบาๆ
“ก่อนเกิดเหตุหนึ่งวัน เขามีหลานสาวอายุสิบสามปี ได้แอบมาที่คฤหาสน์ของข้าและหวังว่าจะหาที่หลบภัยของข้าได้ แม่ของนางเป็นนางสนมและต้องการโอกาสให้นางมีชีวิตอยู่ จากนั้นเพื่อนเก่าของข้ามาถึงหน้าประตูเพื่อพาหลานสาวออกไป จนท้ายที่สุด สมาชิกตระกูลหลิวกว่ายี่สิบคน ก็แขวนคอตายไปพร้อมกัน หลานสาวตัวน้อยคนนั้นถูกดาบแทงตาย นางไม่อยากตาย ผลสุดท้ายนางกลับต้องตายอยู่ดี”
ชายคนนั้นยิ้ม “เจ้าคิดว่าทำอย่างนี้ถูกต้องหรือไม่”
คราวนี้โจวเจ๋อไม่เงียบอีกต่อไป แต่พูดว่า “นางไม่สมควรตาย”
“ใช่ นางไม่สมควรตาย ดังนั้นข้าเลยคิดว่าจะเป็นหรือตาย ทุกคนล้วนแล้วแต่นึกคิดอยู่ภายในใจของตัวเอง ข้ารู้ว่าญาติของข้าไม่อยากตาย และลูกๆ ของข้าก็ไม่อยากตาย ข้าเลยจำต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป ข้าไม่ได้อยู่เพื่อตัวเองเท่านั้น ข้าต้องทำเพื่อพวกเขาทุกคน นอกจากนี้ ในระหว่างที่ข้าดำรงตำแหน่งในราชวงศ์ต่อมา คนมีชีวิตอยู่นับไม่ถ้วนและการสังหารลดลงมาก เช่นเดียวกับหลังจากที่หลี่ซื่อหมิน[1]พังประตูเสวียนอู่ก่อกบฏ ในประวัติศาสตร์เขารู้ว่าตัวเองถูกลิขิตให้หลงเหลือจุดด่างพร้อยที่ไม่สามารถล้างออกได้ ดังนั้นเขาจึงพยายามจะเป็นจักรพรรดิที่ดีอย่างเต็มที่ ตอนนั้นข้าก็อยู่ในอารมณ์แบบเดียวกันนี้ ข้ามักจะรู้สึกเสมอว่าต้องทำสิ่งที่ดีให้มากขึ้น ให้ผู้คนใช้ชีวิตมากขึ้น ต่อให้ข้าไม่ได้ไปพลีชีพเพื่อบ้านเมือง แต่สุดท้ายก็รักษาร่างกายที่มีประโยชน์ไว้ ทำบางสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในเจียงซานและประเทศชาติ และถือได้ว่าเป็นการชดเชยความผิดของตัวเองในอีกทางหนึ่งด้วย”
ชายคนนั้นพูดเยอะแยะมากมาย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจ
นักปราชญ์โบราณเรียกตนเองว่าเป็นสาวกของธรรมิกชน เพราะพวกเขาอ่านหนังสือของนักปราชญ์และเรียนรู้หลักการของนักปราชญ์ แต่ตอนนี้เป็นที่ชัดเจนว่าทุกคนในวัดขงจื๊อทำกับเขาเหมือนเป็นศิษย์นอกรีต
เดิมเขามาจากตระกูลเก้าขุนนาง แต่การตอบแทนหลังความตาย กลับเหมือนกับคนที่ล้มเหลวในสอบเข้ารับราชการ จนฆ่าตัวตายที่ในวัดขงจื้อเสียอย่างนั้น
นี่เป็นการอธิบายท่าทีของนักปราชญ์ได้ชัดเจนที่สุด
โจวเจ๋อย่อตัวลงช้าๆ มองไปยังชายตรงหน้า ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังพูดต่อไปว่า “สิ่งที่คุณเพิ่งพูดไปนั้น ผมฟังแล้วดูคุ้นๆ นับไปไม่ถึงร้อยปี มีคนเคยพูดเหมือนคุณเอาไว้
เขาถูกเรียกว่า หวังหัวก้าวหน้า[2]
ในยามที่ประเทศชาติตกอยู่ในอันตราย เขากลายเป็นคนขายชาติ สมรู้ร่วมคิดกับคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญ และถูกขนานนามว่า “พวกลัทธิชาตินิยม”
ชายคนนี้อ้าปากเล็กน้อยและต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน
“คุณอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าของจักรพรรดิราชวงศ์ก่อน และกลายเป็นเก้าขุนนางของราชวงศ์ต่อมา ดังนั้นไม่ต้องหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองหรอก เหตุผลที่สำคัญที่สุดจริงๆ แล้วง่ายมาก น้ำเย็นเกินไป”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชายคนนี้ก็จ้องโจวเจ๋อด้วยความอับอายและเผยความโกรธเคืองบนใบหน้า
โจวเจ๋อกางมือออกและเล็บของเขาก็งอกออกมา จากนั้นดึงสัญลักษณ์บนฝ่ามือขวาออกมาวาดเป็นวงกลม และประตูแห่งนรกภูมิก็ถูกเปิดออก
“เชิญครับ คุณต้องการมัน ไม่ใช่ว่ามีเกียรติหรอกหรือ เดินเข้าไปเองเถอะ ถ้าให้ผมจับเข้าไปละก็ แม้แต่เกียรติเล็กๆ น้อยๆ สุดท้ายก็จะไม่เหลือเลย”
ชายคนนี้ยืนขึ้นและเดินก้าวไปข้างหน้า ก่อนก้าวเข้าประตู เขาจ้องไปที่โจวเจ๋อเป็นครั้งสุดท้ายด้วยสายตาที่มีความหมายเล็กน้อย
“คุณว่าน้ำเย็นหรือไม่”
“ถามจิตใต้สำนึกเอาเองเถอะ”
ชายคนนี้แสดงสีหน้าครุ่นคิดแล้วก็ส่ายหน้า และก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายนี้คิดดีแล้วหรือไม่ แต่ท้ายที่สุดก็ทำตามขั้นตอนนั้นและเดินเข้าไปในประตู
โจวเจ๋อโบกมือ ประตูก็หายไป และทุกอย่างที่นี่ก็จบลง
ดูเหมือนว่าจะต้องขอบคุณลุงเจ้าหน้าที่คนนั้น ที่กลืนวิญญาณของนักปราชญ์ทั้งหมดที่อยู่ใกล้เคียงให้ ช่วยให้โจวเจ๋อลดปัญหาไปได้มากทีเดียว
“เถ้าแก่ จบง่ายๆ อย่างนี้เลยหรือ” ศพผีสาวพูดอย่างผิดหวัง “ข้ารึก็นึกว่าท่านจะทุบตีเขาเสียอีก”
“จะทุบตีหรือไม่ ก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี” โจวเจ๋อมองลึกเข้าไปในวัดขงจื๊อซึ่งอยู่ไม่ไกลและเอ่ยว่า “จะว่าไปแล้ว เหล่านักปราชญ์ในวัดขงจื๊อ ยังกักขังเขาไว้ที่นี่ร่วมหลายร้อยปี โทษที่ควรได้รับก็ได้รับแล้ว”
ไป๋อิงอิงหน้ามุ่ย “ดูเหมือนว่ารูปปั้นโคลนเหล่านี้ในวัดขงจื๊อยังมีประโยชน์อยู่บ้างและไม่ได้ตาบอดไปเสียทั้งหมด”
“ใช่แล้ว พวกเขากักขังวิญญาณเจ้าหน้าที่ราชวงศ์ก่อนไว้ที่นี่ เพราะพวกเขารู้สึกว่าเจ้าหน้าที่คนนี้ไม่ใช่ลูกศิษย์ของตัวเอง และทำอะไรที่ไร้ยางอายและทำให้พวกเขาอับอายขายหน้า จึงจำเป็นต้องได้รับการลงโทษ พวกเขาลงโทษเขา จากนั้นก็เปลี่ยนยุคเปลี่ยนสมัยราชวงศ์ ราชวงศ์หมิงกลายเป็นราชวงศ์ชิง และหลายสิ่งเปลี่ยนไป แต่วัดขงจื๊อยังคงเป็นวัดขงจื๊อ และนักปราชญ์รูปปั้นดินโคลนกลุ่มนี้ยังคงเพลิดเพลินกับธูปบูชาเซ่นไหว้ของราชวงศ์ใหม่”
“…” ไป๋อิงอิง
“เถ้าแก่ ท่านกำลังพูดในเชิงปรัชญามากขึ้นเรื่อยๆ สรุปแล้วรูปปั้นดินโคลนในวัดเป็นสิ่งที่ดีหรือสิ่งเลวร้ายกันแน่เล่า”
ไป๋อิงอิงยังคงจำได้ว่าครั้งที่แล้ว ตัวเองช่วยคนเข้าไปขโมยเครื่องหอมในวัดขงจื๊อ แต่ตัวเองกลับมีความรู้สึกอึดอัดเหมือนกำลังถูก ‘จ้องมอง’
“เป็นตัวอะไรสักอย่างละมั้ง”
หลังจากเรียกแท็กซี่แล้ว เมื่อกลับไปถึงร้านหนังสือก็เป็นเวลาสี่ทุ่ม แต่โดยปกติแล้วเวลานี้ถึงจะเป็นเวลาเปิดทำการจริงๆ ของโจวเจ๋อ
อาจเป็นเพราะในตอนกลางวันมีผีน้อยและผีมักจะเคลื่อนไหวมากขึ้นในตอนกลางคืน
ทุกๆ วันนี้หาเงินกระดาษได้นิดหน่อย แต่หลังจากปล่อยวิดีโอคลิปไปในครั้งที่แล้ว โจวเจ๋อก็เผาเงินกระดาษไปเยอะพอสมควรเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา
แน่นอนว่าวิดีโอนั้นไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานโดยตรงได้ แต่ตราบใดที่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องทราบความจริงของเรื่องนั้น แล้วใช้ความพยายามในการสืบค้นอย่างถี่ถ้วนก็จะสืบหาความจริงของเรื่องนั้นได้ไม่ยาก
วิดีโอนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าคลิปชี้นำเท่านั้นเองและไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานที่แท้จริงได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล