ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 570

ตอนที่ 570 สิ่งที่ข้าเห็นคือพวกรั้งท้ายหมดทั้งห้าคน!

มุมปากของต้าฉางชิวกระตุกยิกๆ

กินของข้า ดื่มของข้า วันหยุดส่งท้ายปีและเทศกาลต่างๆ ยังมาประจบด้วยตัวเอง อาหารเลือดและส่วยไม่เคยขาด! บัดซบ ผีไร้ญาติที่ออกไปจากเขตแดนนี้ไม่ได้อย่างพวกท่าน คนอื่นคร้านจะสนใจไยดีพวกท่าน จ๋าเจียกลับถวายของบูชาให้พวกท่านมานับร้อยๆ ปี ทั้งยังเรียกพวกท่านว่าท่านปู่ สุดท้ายพวกท่านปฏิบัติกับหลานชายอย่างข้าอย่างนี้หรือ ทรยศหักหลัง คุกเข่าให้คนที่ต้องการฆ่าข้าแล้วหรือ ทั้งยังตะเกียกตะกายจะฆ่าข้าสังเวยธงเพื่อประจบสอพลออีกหรือ

ทันใดนั้นต้าฉางชิวรู้สึกว่า ความพยายามอย่างอุตสาหะในการประจบเป็นเวลาหลายร้อยปีถูกป้อนให้หมามันกินไปแล้ว!

ใครว่าคนโบราณซื่อสัตย์ที่สุด ออกมาให้จ๋าเจียตีให้ตายเดี๋ยวนี้!

สายตาของอิ๋งโกวเหลือบมองต้าฉางชิวครู่หนึ่งอย่างคลุมเครือ ต้าฉางชิวประหนึ่งตกลงไปในโรงน้ำแข็งในชั่วพริบตา ร่างกายเริ่มสั่นเทาขึ้นมา เพราะจนถึงเวลานี้เขาเพิ่งตระหนักได้ถึงเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือ คนที่ทำให้ทหารปีศาจและนายพลปีศาจนับพันที่หลงเหลือมาตั้งแต่สมัยโบราณคุกเข่าลงพร้อมกันได้เป็นใครกันแน่

เจ้าทะเลแห่งความตายเป็นตำนานมาช้านาน แม้แต่ยุคสมัยของไท่ซานฝู่จวินยังห่างไกลจากยุคปัจจุบันนี้มากโข เรื่องราว ตำนาน ต้าฉางชิวย่อมรู้อยู่แล้ว แม้แต่ผู้ตรวจสอบอย่างทนายอันยังรู้เลย นับประสาอะไรกับเขา แต่การรู้และการเทียบเคียงบุคคลตรงหน้าให้เข้ากับตำนานนั้น หากไม่มีบัฟเฟอร์[1]ที่ดี ก็ยากเกินไปมากจริงๆ

อิ๋งโกวก้าวไปข้างหน้า ร่างนั้นปรากฏตรงหน้านายพลปีศาจ นายพลปีศาจกำหมัดของเขาและคุกเข่าข้างหนึ่ง ณ ตอนนี้ เขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และไม่ได้โกหกเสแสร้งแต่อย่างใด!

“เผ่าอี๋ตะวันออก ยอมตายเพื่อท่านแม่ทัพ!” นายพลปีศาจแนบหน้าผากกับพื้นและคุกเข่าลงแทบเท้าของอิ๋งโกว

“ยอมตายเพื่อท่านแม่ทัพ!”

“ยอมตายเพื่อท่านแม่ทัพ!”

“ยอมตายเพื่อท่านแม่ทัพ!”

ทหารปีศาจนับพันตะโกนพร้อมกัน พวกเขาปรารถนาที่จะออกไปจากที่นี่ พวกเขาคือคนเผ่าจิ่วหลี พวกเขาเป็นทหารที่รบภายใต้คำสั่งของชือโหยวในปีนั้น พวกเขาเคยต่อสู้รบรากับจักรพรรดิเหยียนและจักรพรรดิเหลืองภายใต้การนำของชือโหยว!

ชือโหยวตายในสนามรบ จิ่วหลีแตกกระเจิง แต่ไม่มีใครสามารถดูถูกดูแคลนพวกเขาได้ และไม่มีใครกล้าประมาทพวกเขาด้วย ถึงอย่างไรคุณก็ต้องดูด้วยว่าคู่ต่อสู้ของพวกเขาในปีนั้นเป็นใคร อีกทั้งอิ๋งโกวก็รู้ดี การต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งจักรพรรดิผู้ปกครองมนุษย์ในสมัยนั้นยากเย็นแค่ไหน และน่าเศร้าเพียงใด!

อิ๋งโกวยิ้ม นายพลปีศาจก็ยิ้ม แต่สิ่งที่ตามมาคืออิ๋งโกวใช้เท้าเหยียบลงไป เหยียบลงไปบนศีรษะของนายพลปีศาจโดยตรง แม้ว่าจะเป็นพลังแรงธรรมดา แต่ยังคงเหยียบศีรษะพร้อมหมวกเกราะของนายพลปีศาจลงไปในพื้นแห้งแข็งนี้ได้ นายพลปีศาจไม่กล้าต่อต้าน แบมือทั้งสองข้างออกวางเหนือดินแช่แข็ง พวกเขาเผ่าอี๋ตะวันออกที่เหลือถูกกักขังอยู่ที่นี่เป็นเวลานานจนนับไม่ถ้วน ไม่ได้ออกไปแม้แต่ครึ่งก้าว!

ในความเป็นจริง ที่นี่ไม่มีข้อห้ามข้อจำกัดใดๆ มิฉะนั้นคนนอกจะไม่สามารถเข้าและออกจากที่นี่ได้ตามต้องการ พวกเขาสามารถออกไปได้ แต่พวกเขาไม่ไป ทุกอย่างเป็นเพียงคำสั่งที่คนตรงหน้าทิ้งไว้หลังจากที่เขาไล่หวังไฮ่ด้วยคำว่า ‘ไสหัวไป’ ในตอนนั้น!

จนกระทั่งคนผู้นั้นล่มสลายไปตั้งไม่รู้กี่ปี แม้กระทั่งสถานการณ์ในนรกเปลี่ยนไปหลายต่อหลายครั้ง พวกเขายังคงปฏิบัติตามคำสั่งนั้นในอดีตไม่รู้จบ!

อิ๋งโกวสีหน้าไร้ความรู้สึก เพียงกล่าวอย่างใจเย็น “เจ้า…คิด…ว่า…ข้า…ตก…อับ…เพียง…นี้…เชียว…หรือ…”

“นายพลชั้นผู้น้อยมิกล้า!” หน้าของนายพลชั้นผู้น้อยยังจมลึกอยู่ในดิน

ทหารปีศาจนับพันข้างหลังก้มหน้าแนบกับพื้นพร้อมกัน ไม่กล้าขยับเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย

“ข้า…อิ๋ง…โกว…ไม่…ตก…ต่ำ…จน…ต้อง…ขอ…ความ…ช่วย…เหลือ…จาก…ขี้…ข้า…ที่…พ่าย…แพ้…” อิ๋งโกวโน้มตัวลงเล็กน้อย ขยับเท้าและหัวเราะเบาๆ “พวก…เจ้า…คู่…ควร…หรือ”

นายพลปีศาจและทหารปีศาจนับพันต่างนิ่งเงียบ รอบๆ เหลือแต่เพียงลมนรกพัดโชยมาไม่ขาดสาย

ทันใดนั้น อิ๋งโกวมองต้าฉางชิวที่อยู่บนฟ้าไกลๆ แบมือออกข้างหนึ่งและถามด้วยความสงสัย “ไม่…หนี…แล้วหรือ”

ต้าฉางชิวสะดุ้งโหยง ร่างกายรีบแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงสีฟ้าและหนีไป!

หนีสิ แน่นอนว่าต้องหนีอยู่แล้ว!

อิ๋งโกวจงใจยืนรออยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง พลางมองไปรอบๆ สุสานเชียนหลี่ฮวง จากนั้นเอ่ยเสียงขรึม “ห้าม…ออก…จาก…เขตแดน…ต่อ…ไป…เถิด…”

กักขังนานนับปีไม่มีสิ้นสุด กักขังชั่วนิรันดร์ กักขังจนพวกเจ้าสลายตัวเองไป!

คนของจิ่วหลี

ข้า

ไม่ต้องการ!

“นายพลชั้นผู้น้อยน้อมรับคำสั่ง!”

“พวกเราน้อมรับคำสั่ง!”

“พวกเราน้อมรับคำสั่ง!”

ไม่นาน ร่างของอิ๋งโกวก็เหาะลอยขึ้นเช่นกัน เหาะต้านลมนรกไล่ตามไปทางที่ต้าฉางชิวหนีไป

รอจนไกลลิบแล้ว โจวเจ๋อถึงได้เอ่ยขึ้น ‘ไม่อวดเก่งจะตายหรือไง ทั้งๆ ที่ตอนนี้คุณก็ปกป้องตัวเองได้ยากเหลือเกิน ทหารมาส่งถึงที่แล้วยังไม่เอาอีก!’

ไม่เคยกินเนื้อหมูแล้วจะไม่เคยเห็นหมูวิ่งเลยหรือ เถ้าแก่โจวเดาออกคร่าวๆ ว่า ทหารปีศาจนับพันที่สามารถทำให้ขันทีต้าฉางชิวนั่นอาศัยพึ่งพาได้นั้นน่ากลัวแค่ไหน แถมพวกเขายังปฏิบัติต่ออิ๋งโกวโดยไม่คำนึงถึงชีวิต!

รับมาอยู่เคียงข้าง จะต้อง…

‘ย้อน…กลับ…ไป…ปี…นั้น…ก็…เป็น…ข้า…ที่…สยบ…พวก…เขา…’

‘ผมรู้น่า คุณมันสุดยอด ผมเข้าใจ แต่ว่าตอนนี้……’

‘ข้า…สามารถ…รับ…มา…แต่…ไม่…อาจ…ให้…โอ…กาส…ธง…รบ…จิ่ว…หลี…ปลิว…ไสว…อีก…ครั้ง!’

โจวเจ๋อกัดฟันกรอด ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี

ที่จริงๆ พอมาคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วก็สามารถเข้าใจได้ ถึงอย่างไร ย้อนกลับไปในสงครามระหว่างจักพรรดิเหลืองและชือโหยว ในฐานะที่อิ๋งโกวเป็นแม่ทัพใหญ่ใต้กระโจมแห่งจักรพรรดิเหลือง จะต้องมีส่วนร่วมอย่างมาก กระทั่งเป็นเสาเอก ไม่แน่ว่าหนึ่งในผู้ที่ตัดหัวของชือโหยวอาจมีเขาอยู่ก็ได้ เป็นเขาที่เหยียบย่ำธงรบของจิ่วหลีไว้ใต้เท้า

หากหลังจากหลายปีให้หลัง เขาเรียกทหารปีศาจและนายพลปีศาจของจิ่วหลีไว้ใช้เอง เท่ากับว่ากำลังปฏิเสธอดีตของตัวเองใช่หรือไม่ ไม่ใช่กำลังตบหน้าตัวเองอยู่หรอกหรือ อิ๋งโกวไม่ใช่นักการเมือง นิสัยของเขาก็เป็นนักการเมืองไม่ได้ด้วย เขาไม่สามารถทำเรื่องเช่น เมื่อวานอยากจะฆ่าทั้งครอบครัวคุณให้ตายแต่พอมาวันนี้กลับรักกันปานจะกลืนกินได้ ในโลกของเขา เกลียดก็คือเกลียด ไม่ยอมให้ทรายเข้าตาแม้แต่นิดเดียว[2]

‘น่าจะจบได้แล้วมั้ง’

‘ยัง…เร็วไป…’

คราวนี้ต้าฉางชิวหนีไปเร็วมากและหนีไปไกลมาก บางทีนับตั้งแต่เขาเกิดมาจนถึงปัจจุบันนี้ เขาไม่เคยวิ่งหนีไปไกลในคราวเดียวขนาดนี้มาก่อน ส่วนอิ๋งโกวยังเดินเล่นเอ้อระเหยลอยชายตามหลังมาเรื่อยๆ

ที่ด้านล่างนั้นเป็นเมืองแห่งหนึ่ง กระทั่งกล่าวได้ว่าเป็นเพียงแค่ชุมชนเล็กๆ

ต้าฉางชิวตะโกนปาวๆ อยู่ที่นี่ “ช่วยจ๋าเจียต้านศัตรู ในภาคหน้าจะตบรางวัลให้!” เมื่อตะโกนเสร็จ ต้าฉางชิวไม่แม้แต่จะหยุด เหาะออกไปไกลทันที จากนั้นอิ๋งโกวเห็นคนหลายสิบคนเหาะขึ้นมาจากชุมชน และพุ่งขึ้นมาล้อมขวางอิ๋งโกวด้วยเสียงร้องฮึกเหิมจริงๆ แต่ผลปรากฏว่า ท้องฟ้าถูกย้อมไปด้วยเลือดชั่วขณะหนึ่ง วิญญาณถูกทึ้งกระจุยคนแล้วคนเล่า!

ทันใดนั้น ราวกับว่าให้เวลาต้าฉางชิวได้หนีไปไกลอีกหน่อย อิ๋งโกวยังเข้าไปเข่นฆ่าในเชุมชนนี้ ฆ่าจนหัวคนในที่แห่งนี้กลิ้งเกลือก วิญญาณทั้งหมดในชุมชนถูกทำลายจนสิ้น!

ต่อมาก็หมุนเวียนเป็นเดจาวู เบื้องล่าง กองกำลังของชนเผ่าที่คล้ายกันหลายกลุ่มถูกต้าฉางชิวเรียกออกมาขวางอิ๋งโกวไว้ จากนั้นก็ถูกอิ๋งโกวกำจัดเรียบทั้งเผ่าพันธุ์ ไม่ปล่อยให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว!

เถ้าแก่โจวดูจนเบื่อแล้ว

กลิ่นคาวเลือด

โหดเหี้ยม

เข่นฆ่าสังหาร

ดูจนกลายเป็นความเหนื่อยล้าทางสุนทรียศาสตร์

แต่ว่า สิ่งที่เถ้าแก่โจวไม่รู้คือ หนึ่งในกองกำลังเหล่านี้ อันที่จริงก็คือกองกำลังเบื้องหลังยมทูต ‘บำเพ็ญเซียน’ ที่เปิดคลับสองคนนั้นที่พบเมื่อตอนอยู่ที่ฉางโจวในตอนแรก พวกเขาใช้กองกำลังนี้หนุนหลัง อยู่ไปวันๆ เพื่อเฝ้ารอคอยบุคคลสำคัญในอนาคต คิดไม่ถึงว่า ผู้หนุนหลังของพวกเขาถูกกำจัดสิ้นซากหมดแล้ว

ชนเผ่าประเภทนี้ จริงๆ แล้วได้รับสิทธิพิเศษและการดูแลอย่างดีจากยมโลก แต่หุบเขาแห่งความโลภนั้นถมเท่าไรก็ไม่เต็ม ยื่นมือเข้าไปบ่มเพาะกองกำลังของตัวเองในยมโลกก่อน ขณะเดียวกันก็ไม่รู้จักพอ ยังติดต่อต้าฉางชิวอีก และภายใต้การเรียกของต้าฉางชิว แค่คิดยังไม่คิดด้วยซ้ำ เพื่อสร้างความก้าวหน้าต่อไปในราชวงศ์ใหม่ในอนาคตจึงกระโจนขึ้นมา แต่น่าเสียดาย พวกเขาพบกับอิ๋งโกวเข้าเสียแล้ว

สำหรับผู้ที่ต่อต้าน ทัศนคติของอิ๋งโกวนั้นเป็นเอกลักษณ์มาโดยตลอด หากมีใครมาบอกอิ๋งโกวว่าหยุดการต่อสู้ถึงจะเป็นศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริง เช่นนั้นอิ๋งโกวจะต้องพูดว่า ‘นั่นก็แค่ยังฆ่าไม่มากพอ’ โจวเจ๋อรู้สึกว่าเจ้าโง่นี่ดูเหมือนจะสนุกกับความรู้สึกที่ได้เข่นฆ่าแบบนี้มาก นี่มันป่วยแล้วจริงๆ จำเป็นต้องรักษาด้วย อืม ถ้าผ่านวันนี้ไปได้และยังมีโอกาสละก็นะ

ต้าฉางชิวหนีไปไกลมากอีกครา คราวนี้ในที่สุดเขาก็เหาะร่อนลงมา ดูเหมือนว่าจะไม่คิดหนีอีกแล้ว

เบื้องล่างเป็นบึงโคลน ใจกลางบึงโคลนมีสิ่งที่ลักษณะคล้ายเรือนสี่ประสานแห่งหนึ่งตั้งอยู่ และในเวลานี้เอง มีคนที่แต่งตัวคล้ายคลึงกับต้าฉางชิวยืนอยู่หน้าประตูเรือนสี่ประสานสี่คน เสื้อคลุมทางการสีดำ สวมหมวกฉางกวาน ไร้หนวดเครา ทุกคนมีกลิ่นอายลมปราณน่าสะพรึงกลัวไม่ด้อยไปกว่าผิงเติ่งหวังลู่เลย!

คิดไม่ถึงว่าทั้งสิบขันทีจะมารวมตัวกันครึ่งหนึ่ง!

ต้าฉางชิวร่อนลงมายืนอยู่ระหว่างพวกเขา ขันทีทั้งห้ายืนอยู่ด้วยกัน พลังนี้มากพอที่จะทำลายล้างพระราชวังได้ในชั่วพริบตา!

ที่ผ่านมาตอนทำลายตำหนักเก้าของผิงเติ่งหวังราบเป็นหน้ากลอง ขันทีเหล่านี้ก็ออกโรงแค่สามคนเท่านั้น!

ต้าฉางชิวสูดหายใจเข้าลึกๆ แบมือทั้งสองข้างออก มือของเขาสั่นเทาเล็กน้อย กลัวน่ะ ยังกลัวอยู่ แม้คนเยอะใจกล้าขึ้น แต่เขาก็ยังกลัวอยู่ดี นี่คือคู่ต่อสู้ที่มีทิฐิสูงมาก อีกฝ่ายดูเหมือนจะเพียงแค่เพลิดเพลินกับการไล่ล่าเขา มองดูเขาหนี หางจุกตูด มองดูเขาตื่นตระหนก

“พวกเรารุกพร้อมกัน จ๋าเจียไม่เชื่อว่าเขาจะคงกระพันในนรกจริงๆ! และจ๋าเจี๋ยก็ไม่เชื่อว่าพระโพธิสัตว์จะไม่ลงมือจริงๆ!”

หากคนมากมายขนาดนี้รุกเข้าไปพร้อมกันยังโค่นเขาไม่ได้ อย่างนั้นก็ไม่ต้องเอ่ยถึงคำพูดไร้สาระว่าจะแทนที่พญายมทั้งสิบตำหนักเลยด้วยซ้ำ ส่งมอบนรกให้เขาไปก็จบแล้วไม่ใช่หรือไง

อันที่จริง เข่นฆ่ามาตลอดทาง อันดันแรกคือทำลายล้างเมืองซ่งตี้ ต่อมาก็เป็นเหตุให้ทหารปีศาจนับพันและนายพลปีศาจกู่ก้องคำราม จากนั้นก็เข่นฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มาตลอดทาง ในที่สุดกองกำลังใหญ่ๆ ในนรกทั้งหลายก็ไม่สามารถนิ่งดูดายได้ ทุกทิศทุกทางมีกองกำลังทรงพลังมากมายกำลังรุดหน้ามาที่นี่

ทางทิศตะวันตกมีเมฆดำทะมึนเคลื่อนเข้ามา ทางทิศตะวันออกมีเงาเสมือนของเทพปีศาจปรากฏวับวาบ ทางทิศเหนือเงาเสมือนขนาดมหึมาได้กลายร่างเป็นเงาสลัวๆ ทางทิศใต้มีผีร้ายร้องคำราม มีคนบีบบังคับให้ทะเลแห่งผีร้ายเร่งรุดมาที่นี่!

นอกจากนี้ยังมีทีมที่ประกอบไปด้วยพญายมสองสามองค์โผล่ร่างเผยออกมาจากด้านบนแล้ว ภายใต้การปกครองของยมโลก กองกำลังของทุกฝ่ายมีความสมดุลที่มั่นคง แต่ตั้งแต่ที่อิ๋งโกวปรากฏตัว เรื่องราวที่ทำลงไปทั้งหมดได้ทำลายความสมดุลประเภทนี้ไปแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ทั้งนรกไม่ปรารถนาจะเห็น จึงเริ่มถูกทั้งนรกร่วมปิดล้อมและปราบปรามอย่างช้าๆ!

นี่ไม่เกี่ยวกับว่าเขาใช่อิ๋งโกวหรือไม่ แต่มันเป็นสัญชาตญาณของเหล่าผู้กุมอำนาจเบื้องบนที่ต้องกำจัดปัจจัยที่ไม่มั่นคง!

เหตุผลที่ต้าฉางชิวกล้าหยุดลง และมีความมั่นใจในการเรียกรวมขันทีภายใต้บังคับบัญชาของตัวเองออกมารับมือกับข้าศึกอยู่ที่เมื่อไม่นานมานี้เขารู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในภูเขาแสนลูก เป็นตี้ทิงสัตว์พาหนะของพระโพธิสัตว์เคลื่อนไหวแล้ว!

ไล่ตามจ๋าเจียมาตั้งนานแล้ว เจ้าก็กำเริบเสิบสานพอแล้วใช่หรือไม่ จะคอยดูว่าเจ้าจะหลงระเริงอวดดีไปได้สักกี่น้ำ!

‘ข้างล่างมีขันทีใหญ่ห้าคน ปลอดภัยไว้ก่อน พวกเราอ้อมไปสักหน่อยดีไหม หาขันทีที่รั้งท้ายแล้วฆ่าเถอะ นี่ก็ถือว่าทำตามคำสัญญาต่อผิงเติ่งหวังสำเร็จแล้ว’ เถ้าแก่โจวแนะนำ

แต่ทว่า อิ๋งโกวเริ่มดิ่งลงไปอย่างไม่ลังเลสักนิด กระแทกลงไปทางเรือนสี่ประสานทั้งอย่างนี้ทันที ขณะเดียวกันก็พูด ‘สิ่ง…ที่…ข้า…เห็น…คือ…พวก…รั้ง…ท้าย…หมด…ทั้ง…ห้า…คน…’

‘…’ โจวเจ๋อ

…………………………………………………………..

[1] บัฟเฟอร์ คือ ส่วนหนึ่งของหน่วยความจำที่ใช้สำหรับพักข้อมูลเป็นการชั่วคราวระหว่างทำการถ่ายทอดหรือส่งผ่านข้อมูล

[2] ไม่ยอมให้ทรายเข้าตาแม้แต่นิดเดียว หมายถึง ยึดมั่นในหลักการไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล