ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 574

สรุปบท ตอนที่ 574 สรรพชีวิตล้วนเท่าเทียมกัน!: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 574 สรรพชีวิตล้วนเท่าเทียมกัน! – ตอนที่ต้องอ่านของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนนี้ของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 574 สรรพชีวิตล้วนเท่าเทียมกัน! จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 574 สรรพชีวิตล้วนเท่าเทียมกัน!

ทะเลแห่งความตายเหือดแห้ง หนองน้ำในนั้นถูกแบ่งไปตามกองกำลังต่างๆ หลังจากอิ๋งโกวล่มสลาย ท้องทะเลอันกว้างใหญ่ในกาลก่อน บัดนี้เหลือเพียงแม่น้ำปรภพสายเดียวที่ไหลอยู่ แต่ในหนองน้ำผืนใหญ่สุดสายตานั้น กลับซ่อนภูตผีปีศาจร้ายเก่าแก่อยู่นับไม่ถ้วน และเป็นเวลานานนับไม่ถ้วน กองกำลังแต่ละฝ่ายเอาแต่สนใจการแบ่งปันของดี แต่กลับไม่เต็มใจจะเข้าไปจัดการปัญหานี้ และปัญหานี้ก็ค่อนข้างใหญ่จริงๆ

มีความรู้สึกเฉกเช่นนักพัฒนาในโลกมนุษย์และครัวเรือนที่ตั้งถิ่นฐานใหม่

ด้วยเหตุนี้ พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์จึงพูดถูก หากอิ๋งโกวปรากฏตัวที่นั่นและออกคำสั่ง ก็ยังสามารถปลุกระดมเหล่าภูตผีปีศาจร้ายเก่าแก่ในหนองน้ำให้แห่กันขึ้นมา นี่ไม่ได้เป็นเพราะความชอบธรรม แต่เป็นเพราะติดตามอิ๋งโกว ทุกคนก็จะสามารถแทะเนื้อกินได้ล้วนๆ

สำหรับทหารปีศาจและนายพลปีศาจที่ถูกกักขังของจิ่วหลี นั่นคือการดำรงอยู่ที่แม้แต่ต้าฉางชิวก็ไม่ลังเลที่จะทึกทักว่าตัวเองเป็น ‘หลานชาย’ และอยากจะประจบสอพลอ ยิ่งไปกว่านั้นอิ๋งโกวมีบุญคุณปกป้องพวกเขาไว้ในกาลก่อน จิ่วหลีที่เหลือยังมีความรักในการต่อสู้ของชือโหยวไหลเวียนอยู่ในกระดูก พวกเขายังแสดงเจตจำนงที่จะถวายชีวิตรับใช้ด้วยเช่นกัน แต่อิ๋งโกวยังเลือกที่จะกักขังพวกเขาต่อไป

ส่วนบัลลังก์กระดูกที่โจวเจ๋อคุ้นเคยมากที่สุด เบื้องล่างคือฐานเหยียบก้าวไปข้างหน้าที่อิ๋งโกวรวบรวมเอาไว้ในกาลก่อน มีกองเศษซากวิญญาณเทพปีศาจ คิดดูแล้วก็เป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง

นี่ยังเป็นเพียงแค่บางสิ่งที่อยู่บนเปลือกนอกเท่านั้น มีหลายสิ่งหลายอย่างที่พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์เองก็ไม่อาจหยั่งรู้และไม่อาจอนุมานได้ทั้งหมด ไม่ได้หมายความว่าความสามารถในการอนุมานข้อมูลเชิงลึกของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ไม่พอ แต่เป็นเพราะยุคสมัยมันยาวนานอยู่มากโขจริงๆ ไม่มีเหตุผลอื่นแล้ว

แต่ทั้งๆ ที่ในมือมีเบี้ยมากมายแท้ๆ อิ๋งโกวกลับไม่ใช้แม้แต่เบี้ยเดียว ลุยเดี่ยวคล้ายกับแรมโบ้เสียอย่างนั้น ตั้งแต่พระราชวังโบราณไปจนถึงเมืองซ่งตี้ ดั้นด้นผลักดันเพียงลำพังมาตลอดทาง ดูเหมือนจะรุดไปข้างหน้าไม่ย่อท้อไม่กลัวอุปสรรคจนไม่อาจขวางกั้นไว้ได้ แต่ใครก็สามารถมองออกว่าเพียงแค่อาศัยเลือดความกล้าหาญเพียงอย่างเดียว ท้ายที่สุดในตอนจบก็ต้องหมดสิ้นไร้เรี่ยวแรงอยู่ดี

คุณสามารถพูดได้ว่าเจ้าทะเลแห่งความตายในอดีตเป็นพวกไม่ใช้สมองดีแต่บ้าพลัง แต่คุณไม่สามารถพูดว่าเขาเป็นคนปัญญาอ่อน ไม่อย่างนั้น คุณกำลังสบประมาทใครอยู่กันแน่

อิ๋งโกวไม่ตอบคำถามของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ เขาเพียงลงจากแท่นบูชาและเดินไปที่ประตูศาลบรรพชนเล็กๆ นอกธรณีประตูศาลบรรพชน ไม่ใช่ลานที่มีประชากรแน่นหนาอะไร แต่เป็นหน้าผาสูงตระหง่าน

พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์เห็นว่าอิ๋งโกวไม่สนใจพระองค์ก็ไม่โกรธเคือง เพียงยืนอยู่ข้างๆ ไม่ทำตัวเย่อหยิ่งและไม่ทำตัวต่ำต้อย พระองค์กำลังรอ รอพลังปราณในร่างอิ๋งโกวรั่วไหลออกมามากกว่านี้อีกสักหน่อย จนถึงตอนนั้นก็เป็นโอกาสลงมือของพระองค์แล้ว

หากสามารถเอาคนในตำนานที่อยู่ในแวดวงบุคคลในตำนานมาเป็นธงสังเวยให้กับตัวเองได้ คิดดูแล้วจิตใจของคนที่ล่องลอยอยู่ในยมโลกและกองกำลังแต่ละฝ่ายของนรกก็จะสงบเสงี่ยมขึ้นมากด้วยเหตุนี้ แม้ว่าสิบขันทีจะตัดนิ้วของตนไปหนึ่งนิ้วภายใต้แรงกดดันของอิ๋งโกว แต่เก้านิ้วก็ยังเป็นจำนวนของมือทั้งสองข้างอยู่ดี หรือบางทีอาจจะเป็นเจตจำนงของสวรรค์ เก้าคือเจ้า จำนวนกำลังพอดีเลย

แน่นอนว่าพระโพธิสัตว์ก็เข้าใจเช่นกันว่า บางสิ่งอย่างเช่นเจตจำนงของสวรรค์ก็ขึ้นอยู่กับว่าตนเองจะอธิบายอย่างไร ภายใต้ความคิดเฉลียวฉลาดไม่ว่าเรื่องอะไรก็นับเป็นเจตจำนงของสวรรค์ หมอดูปลอมทั่วโลกล้วนเข้าใจเหตุผลนี้ ในฐานะปรมาจารย์ที่สามารถหลอกไท่ซานฝู่จวินอ่อนแอปวกเปียกในกาลก่อนได้ ไม่อาจไม่เข้าใจดฮณ๊ฯดฯฌซ,

บรรยากาศในศาลบรรพชนตกอยู่ในความเงียบสงบในช่วงเวลาสั้นๆ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วเกิดคลื่นใต้น้ำขึ้นระหว่างทั้งสองมานานแล้วแท้ๆ แต่ระหว่างทั้งสองนั้นยัง ‘สงบสุขไร้ความขัดแย้ง’ เพียงแต่ว่าพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์มีเรื่องที่ไม่เข้าใจ นั่นก็คือเขาสามารถรอได้ มันไม่มีอะไรมากไปกว่าสิ่งหนึ่งมลายหายสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นแทนที่ก็เท่านั้น แต่ชายตรงหน้ากำลังยืนมองทิวทัศน์ที่นี่จริงๆ น่ะหรือ จากนั้นแย้มรอยยิ้มอย่างอิสระและสลายไปกับสายลมงั้นหรือ

“เราขอให้พญายมแต่ละตำหนักนำกองกำลังไปคุ้มกันเส้นทางน้ำพุเหลืองไว้แล้ว” ความหมายง่ายมาก เราได้นำคนไปเฝ้าประตูทางออกไว้ บัดนี้ท่านจึงหนีออกไปไหนไม่ได้แล้วนั่นเอง

เรื่องราวต่างๆ ในโลกไม่มีอะไรมากไปกว่าจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด

จุดเริ่มต้นอยู่ที่พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ พระองค์เตรียมจัดการลงมือด้วยองค์เอง ส่วนจุดสิ้นสุดนั้นอยู่ที่ทางเข้าออกโลกหยินและโลกหยาง ซึ่งก็คือเส้นทางน้ำพุเหลืองถูกเฝ้าคุ้มกันไว้แล้วเช่นกัน เวลานี้ชั่ววินาทีนี้ พญายมรักษาการณ์ ผู้พิพากษาอยู่เบื้องหน้า ผู้ตรวจสอบนับไม่ถ้วนอยู่เบื้องหลัง แมลงวันหนึ่งตัวก็บินลอดออกไปไม่ได้

อิ๋งโกวกลับยังดูสงบนิ่ง กระทั่งไม่สนใจชำเลืองมองพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์แม้แต่แวบเดียว

‘คุณรออะไรอยู่’ โจวเจ๋ออดถามไม่ได้ เขาสามารถสัมผัสได้ว่า อิ๋งโกวกำลังอ่อนแอลงเรื่อยๆ น้ำรั่วออกจากกระชอนอย่างต่อเนื่อง เวลานี้พลังสะสมในร่างเหลือไม่มากแล้ว ถ้าหากเข้ามาก็เริ่มเปิดศึกทันที บางทีอาจจะยังต่อสู้อย่างแข็งขันได้ แต่ถ้าตอนนี้ยังชักช้าต่อไป เกรงว่าจะรักษาหน้าตาครั้งสุดท้ายไว้ได้ยาก

โจวเจ๋อไม่คิดว่านี่เป็นลักษณะนิสัยของอิ๋งโกว เจ้าโง่เป็นคนประเภทที่

ตายก็ตายสิ!

ตายก็ตายเถอะ!

ตายก็ตายไปสิวะ!

ขอแค่ให้ข้าได้อวดเก่งก่อนจะตาย จะตายก็ตายสิ!

‘รอ…’

‘รออะไร คุณมีแผนเตรียมไว้เหรอ’ โจวเจ๋อแปลกใจมาก แม้ว่าโดยทั่วไปผู้ยิ่งใหญ่จะมีความสามารถในการนับนิ้วทำนาย ไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวแต่กลับคว้าชัยชนะที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งพันลี้ได้ ฟ้าดินคือกระดานหมากรุก และทุกสิ่งคือเบี้ยหมากรุก แต่ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็ไม่ใช่สไตล์ของอิ๋งโกว เจ้าโง่ใช้สมองเป็นด้วยเหรอ โจวเจ๋อเชื่อว่าเขามีสมอง แต่ดูเหมือนเขาไม่ชอบใช้สมองเท่าไร

‘ไม่…’

‘ไม่มีแผนแล้ว คุณกำลังรออะไร’

‘รอ…ดู…’

‘เอ่อ…’ โจวเจ๋อชะงักไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็พูดทันที ‘คงไม่ใช่ว่าคุณก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นใช่ไหม ถึงได้จงใจรอดูอยู่ที่นี่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นใช่หรือเปล่า ถือโอกาสหลอกพระโพธิสัตว์ข้างๆ นี่ด้วยใช่ไหม’

ความเงียบกัดกินนานพอสมควร แล้วอิ๋งโกวก็ตอบกลับอย่างเงียบๆ ‘แล้ว…’

‘…’ โจวเจ๋อ

หลังจากเวลาผ่านไปประมาณสิบห้านาที อิ๋งโกวขยับตัวแล้ว จากมุมมองของโจวเจ๋อ อิ๋งโกวรอไม่ไหวแล้ว หากพลังรั่วไหลอีกก็จะถึงจุดต่ำสุดแล้ว!

ส่วนในมุมมองของพระโพธิสัตว์ กลับเป็นอิ๋งโกวคิดว่าถึงเวลาอันเหมาะสมแล้ว ต้องบอกว่าการอวดเก่งโดยไม่รู้ตัวมันอันตรายถึงชีวิต!艾琳小說

“มี…เคล็ด…วิชา…ที่…เจ้า…อยาก…เรียนรู้…จง…จด…จำ…ไว้…ให้…ดี…”

‘อะไรนะ’

“หมิงไห่ซานเชียน!” ชั่ววินาทีต่อมา ร่างของอิ๋งโกวแยกเป็นพันร่างในชั่วพริบตา!

กลุ่มหนึ่งรุดไปที่เส้นทางน้ำพุเหลือง

กลุ่มหนึ่งรุดไปแต่ละตำหนักใหญ่ของยมโลก!

กลุ่มหนึ่งแตกกระจายหนีลนลาน!

มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่ตรงทางเข้าศาลบรรพชน

ไม่นาน พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์คลายพลังทับซ้อนของกำปั้นพวกนั้นแล้วเดินไปที่ประตู เมื่อเห็นร่างแยกพร่างพราวทั่วฟ้าหายวับไป จึงเอ่ยด้วยความสงสัยเล็กน้อย “มาถึงเพลานี้แล้ว ท่านคิดว่าวิชาแยกร่างจะสามารถขวางเราไว้ได้หรือ” พระโพธิสัตว์ทรงพิโรธมาก ผลที่ตามมาก็ร้ายแรง

อิ๋งโกวแย้มรอยยิ้มและพูดว่า “มี…คน…รุ่น…หลัง…ที่…ข้า…ชื่น…ชม…มาก…ผู้…หนึ่ง…”

“อ้อ คือผู้ใดกัน”

“เขา…ฝาก…ให้…ข้า…มา…บอก…ประ…โยค…หนึ่ง…แก่…เจ้า…”

พระโพธิสัตว์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะอิ๋งโกวที่อยู่ตรงหน้าถือตราลัญจกรด้วยมือข้างเดียว จากนั้นตราลัญจกรเริ่มขยายตัวกลายเป็นเมฆดำครึ้ม คลื่นพลังลึกลับเริ่มก่อตัวขึ้น

“เขา…บอก…ว่า…เสียง…ของ…เขา…เบา…เกิน…ไป…ดัง…นั้น…ข้า…จะ…ตะโกน…แทน…เขา…เอง…”

พระโพธิสัตว์พนมมือ นัยน์ตาฉายแววเคร่งขรึม อิ๋งโกวถือตราลัญจกรไว้ในมือ ลมพายุและสายฟ้ารวมตัวกัน ครู่หนึ่งมีงูเลื้อยสะบัดไปมาเหนือท้องฟ้าและแผดเสียงดัง

“สรรพ…ชีวิต…ล้วน…เท่า…เทียม…กัน…”

………………………………………………………….

[1] อจละ แปลว่าไม่หวั่นไหว ซึ่งก็คือเทพวิทยาราชเป็นเทพประเภทที่สามในศาสนาพุทธนิกายวัชรยาน รองจากจากพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ตามลำดับ และเป็นเทพผู้พิทักษ์ศาสนาพุทธ ถือเป็นการสำแดงภาคดุร้ายของพระพุทธเจ้า

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล