ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 595

สรุปบท ตอนที่ 595 รากษสหน้าหยก!: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอน ตอนที่ 595 รากษสหน้าหยก! จาก ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 595 รากษสหน้าหยก! คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 595 รากษสหน้าหยก!

“คนข้างหน้ามองไม่ออก แต่สองคนหลังดูน่าสนใจ” หลังจากรอโกวซินพายมทูตขาวดำออกไปกับนักพรตเฒ่าแล้ว ทนายอันจึงพูดประโยคนี้ออกมา เห็นได้ชัดว่า ลมหายใจของเสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋ทำให้ความกลัวของทนายอันเกิดขึ้นมา เมื่อเชื่อมโยงกับคาถา ‘ยมโลกมีกฎ กฎแห่งความตายไร้ความปรานี’ ที่พวกเขาใช้ก่อนหน้านี้ ทั้งหมดจึงไม่ยากที่จะอธิบาย

“เพิ่งเข้ามาที่ร้าน ไม่เหมือนมาหาเรื่อง” โจวเจ๋อกับทนายอันเดินเข้ามา แล้วจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างคร่าวๆ

ทนายอันฟังจบแล้วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ตลกดี อยากให้เถ้าแก่เป็นลูกน้องของเขา ทว่าทุกคนล้วนมีโชคชะตาและโอกาสเป็นของตัวเอง แต่ก็ยังไม่เคยเห็นคนที่มีโชคดีขนาดนี้มาก่อน”

“โอเค ไม่ว่ายังไงตอนนี้พวกเขามีนักพรตเฒ่าอยู่เป็นเพื่อน เขาจะเป็นคนโชคดีและเป็นลูกรักของพระเจ้าจริงหรือไม่รอดูวันพรุ่งนี้อีกที อ้อใช่ เมื่อกี้คุณบอกว่าเรื่องของแม่นางไป๋มีเค้าโครงแล้วใช่ไหม”

ทนายอันพยักหน้า หยิบภาพวาดออกมาวางบนโต๊ะน้ำชา เวลานี้อิงอิงได้นำกาแฟแก้วใหญ่พิเศษมาเสิร์ฟให้ทนายอัน เขาเปิดฝา เพราะว่าใส่น้ำแข็งดังนั้นจึงไม่ร้อน แต่อุ่นสบาย ทนายอันดื่ม ‘อึกๆๆ’ เข้าไปอึกใหญ่ถึงรู้สึกชื่นใจ ราวกับว่าความเหน็ดเหนื่อยที่สะสมมาตลอดวันตั้งแต่เมื่อวานได้หายไปเป็นปลิดทิ้ง

โจวเจ๋อรู้สึกงุนงงสงสัยอยู่บ้าง หรือว่าเนสกาแฟที่หมดอายุนี้มีผลดีอันน่าทึ่งอะไรจริงๆ ควรทราบว่าตอนแรกยาเม็ดไวอะกร้า เดิมทีนำมาวิจัยเป็นยาลดความดัน แต่กลับได้ผลลัพธ์พิเศษอีกอย่าง

เถ้าแก่โจวคิดว่าอีกสองสามวันตัวเองจะสั่งอิงอิงให้ชงกาแฟหมดอายุให้ตัวเองลองดื่มดูบ้าง

“ผมยังไม่ได้ถาม แต่เขาน่าจะรู้” ขณะที่พูด ทนายอันคลี่ภาพวาดออกมา ชายชราที่อยู่ในภาพวาดกำลังโน้มตัวกำหมัดคารวะ ท่าทางว่านอนสอนง่ายเป็นอย่างยิ่ง โนเวลพีดีเอฟ

เด็กผู้ชายนั่งอยู่ข้างๆ เคาน์เตอร์ ไม่เข้าร่วมกับเรื่องนี้ เขาหยิบกล่องดินสอออกมาอย่างเงียบๆ แล้วทำการบ้านของนักเรียน

อิงอิงลังเลอยู่บ้าง แต่นึกถึงคำสัญญาที่ตัวเองมีต่อเถ้าแก่ เธอจึงเดินเข้าไปเตรียมยืนฟังอยู่ข้างๆ

ทนายอันทำท่า ‘เชิญ’ ให้โจวเจ๋อ เพื่อบอกให้เขาเริ่มถาม โจวเจ๋อก็ไม่เกรงใจเอ่ยถามโดยตรง “ผมขอถามคุณ คุณรู้จักแม่นางไป๋ไหม คนที่นายจางเจี่ยนจารึกป้ายให้ศาลเจ้าของเธอในปีนั้น คนที่ตายเพราะโดนขังในกรงหมูและจับถ่วงน้ำน่ะ”

ชายชราที่อยู่ในภาพวาดแสดงสีหน้าครุ่นคิด จากนั้นทั่วทั้งภาพวาดจึงเริ่มกระเพื่อมขึ้นมา ชายชราหมุนวนไม่หยุด เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง เดี๋ยวไปทางซ้ายเดี๋ยวไปทางขวา เหมือนเอฟเฟกต์การเคลื่อนไหวของหนังสือที่พับซ้อนกันแล้วเปิดอย่างรวดเร็วในวัยเด็ก

เมื่อรอเป็นเวลานานแล้ว ทนายอันจึงยื่นมือเคาะโต๊ะ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจของตัวเอง

ชายชราจึงคำนับแล้วพูดทันที “ไม่ใช่เพราะว่าข้าอยากถ่วงเวลาอะไร แต่คนที่ท่านพูดถึงจริงๆ ข้าน้อยคลับคล้ายคลับคลาเหมือนจะจำได้ แต่ก็ต่างจากที่ท่านพูดอยู่บ้าง”

“คุณรู้แค่ไหนก็บอกมาเท่านั้น” โจวเจ๋อพูดเร่ง

“รับทราบ” ชายชราพูดต่อทันที “ตอนนั้นในเขตแดนทงเฉิงมีศาลเจ้าที่กราบไว้บูชา ‘แม่นางไป๋’ อยู่จริง แต่สร้างขึ้นโดยชาวบ้านในหมู่บ้าน ชื่อเสียงไม่ปรากฏนอกทงเฉิง ต่อให้เป็นคนท้องถิ่นของทงเฉิง ก็มีเพียงเขตชานเมืองตะวันออกเท่านั้นที่รู้ ถือว่าเป็นศาลเจ้าที่ไม่ได้สร้างขึ้นตามประเพณี ไม่เข้าอยู่ในราชพงศาวลี”

“แต่ต่อมาหลังจากนั้นนายจางเจี่ยนได้รื้อป้ายที่จารึกด้วยตัวเอง และสั่งให้คนล้มศาลเจ้านั้น”

“สาเหตุเพราะ” โจวเจ๋อซักถามต่อ เรื่องพวกนี้เขารู้แล้ว สิ่งที่เขาอยากรู้คือเพราะเหตุใด!

“สาเหตุเหรอ เอ่อ เป็นเพราะนายจางเจี่ยนโดนหลอก”

“โดนหลอก”

“ใช่ ท่านโปรดฟังข้าน้อยค่อยๆ เล่า แม่นางไป๋ที่ทุกคนรู้ในตอนนั้น มีชื่อเสียงที่ดี แต่ถูกเล่าขานตามชนบทในท้องถิ่นเท่านั้น ต่อจากนั้นมีวันหนึ่งนายจางเจี่ยนได้มาตั้งโรงงานที่นั่น ตอนที่อยู่ในหอพักได้ฝันเห็นแม่นางไป๋ โดยเตือนว่าจะมีอันตราย แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง เกิดไฟไหม้ตอนเที่ยงคืนที่โรงงาน ถึงแม้จะไม่เกิดมหันตภัยร้ายแรงอะไร แต่นายจางเจี่ยนรู้สึกขอบคุณคำเตือนของแม่นางไป๋ จึงจารึกป้ายตั้งศาลเจ้าด้วยตัวเอง

ควรทราบว่าตอนนั้น นายจางเจี่ยนมีฐานะเป็นจอหงวนในสมัยปลายราชวงศ์ชิง และยังรับผิดชอบงานด้านอุตสาหกรรม ศาลเจ้าที่เขาสร้างขึ้นมา การจุดธูปบูชาย่อมมีไม่ขาด พอผ่านไปนานวัน ชื่อของแม่นางไป๋จึงเริ่มแพร่กระจายออกไป แต่หลังจากนั้น นายจางเจี่ยนกลับรู้ความจริง และด้วยความโกรธ จึงสั่งคนรื้อป้ายล้มศาลเจ้า!”

“เหล่าอัน เผาภาพวาดอันนี้เถอะ”

“ได้เลย!” ทนายอันลุกขึ้นทันที ทำท่าจะหยิบภาพวาดนี้ออกไป

อิงอิงพยักหน้า แต่ยังคงกัดริมผีปาก เธอนั่งลงข้างโจวเจ๋อและซบไหล่ของเขา โจวเจ๋อยื่นมือโอบไหล่ของเธอ ทันใดนั้นก็ถามอีก “คุณรู้ไหมว่าเธอยังวนเวียนอยู่ในโลกมนุษย์เพราะเหตุใด”

“ข้าน้อยไม่รู้จริงๆ ข้าน้อยถึงแม้จะร่อนเร่อยู่ในเขตแดนทงเฉิงนานหลายปี แต่มากสุดก็ได้แต่แต่งเรื่องปั้นน้ำเป็นตัว ไหนเลยจะกล้าไปต่อกรกับภูตผีปีศาจที่โหดเหี้ยม แต่พอคิดดูแล้วอาจจะเป็นเพราะความไม่พอใจ พวกกองทัพไท่ผิงเหล่านั้น…” ชายชราที่อยู่ในภาพวาดยื่นมือชี้ไปที่ศีรษะแล้วเอ่ยว่า “ถึงแม้จะตายแล้ว แต่ในหัวยังคงฝันแบบนั้น”

นี่มีความเป็นไปได้สูง หลังจากเรื่องไท่ผิงเทียนกั๋วสำเร็จลุล่วงไปแล้ว หงซิ่วเฉวียนก็ถดถอยไม่มีชิ้นดี ในช่วงกลางและช่วงปลายยังดีที่มีหลี่ซิ่วเฉิงและคนอื่นอีกสองสามคนคอยประคับประคอง ถ้าหากไม่มีหลี่ซิ่วเฉิงและคนอื่น ระยะเวลาที่ราชสำนักชิงกำจัดไท่ผิงเทียนกั๋วให้สิ้นซากอาจจะสั้นลงอีกหลายปี

และหลี่ซิ่วเฉิงได้รับการแต่งตั้งเป็น ‘จงหวัง’ จึงมากพอที่จะพิสูจน์ให้เห็นถึงความจงรักภักดีของเขาที่มีต่อไท่ผิงเทียนกั๋ว หากแม่นางไป๋เป็นลูกสาวบุญธรรมของเขา จะต้องได้รับผลกระทบอย่างลึกซึ้ง แต่ปัญหามาแล้ว แม่นางไป๋สั่งให้เขาเผาอิงอิงทิ้งเพื่ออะไร

“อย่างนั้นคุณรู้ความเคลื่อนไหวในช่วงนี้ของแม่นางไป๋ไหม”

“เอ่อ…เอ่อ…” ชายชราลังเลเล็กน้อย

“พวกเราต้องรับมือกับเธอ เธอกระโดดโลดเต้นได้อีกไม่นานหรอก” ทนายอันเอ่ยพูด ถือว่าคลายความกังวลใจของชายชราได้ ในที่สุดชายชราจึงพูดออกมา “เมื่อครึ่งปีก่อน ข้าเคยผ่านวัดเฉิงหวงเมี่ยวเก่าในเขตชานเมืองตะวันออกรู้สึกเย็นวาบเล็กน้อย”

“มาๆๆ น้องชายทั้งหลาย พวกเราเป็นเจ้าหน้าที่ของนรก ในเมื่อมาแล้ว ดังนั้นก็ต้องมาไหว้ที่นี่ วัดเฉิงหวงเมี่ยวนี้ถึงแม้จะเล็ก แต่ยังคงรักษาสืบมาตั้งแต่ยุคราชวงศ์ชิง ถึงแม้จะบำรุงซ่อมแซมในภายหลัง แต่ก็ยังรักษาสภาพเดิมเอาไว้ แผ่นป้ายและศิลาจารึกบางส่วนที่อยู่ข้างใน ได้ถูกสลักและเขียนโดยบรรพบุรุษ มีความหมายมากกว่าพิพิธภัณฑ์น่าเบื่อพวกนั้น” นักพรตเฒ่าเหมือนไกด์นำเที่ยวที่กระตือรือร้น เดินนำโกวซินและคนอื่นเข้าไปในวัดเฉิงหวงเมี่ยว

ทันใดนั้นเขาเงยหน้ามองรูปปั้นแกะสลักเทพประจำเมือง แล้วถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก พลางคิดในใจว่า ไม่ไปคลับ ไม่ไปสวนสนุก สถานที่ใดที่อาจจะเกิดปัญหาจะไม่ไปเด็ดขาด ข้าจะพาพวกเขาเดินเล่นอยู่ในวัดเฉิงหวงเมี่ยว คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร!

เมื่อคิดถึงปัญหานี้ นักพรตเฒ่าจึงยื่นมือล้วงเข้าไปในกระเป๋าของตัวเอง เงินกระดาษที่เดิมทีเถ้าแก่ให้มาหนึ่งปึกกลับกลายเป็นสองปึกแทน แน่นอนว่าโกวซินเป็นคนให้เขา จึงทำให้นักพรตเฒ่ารู้สึกว่าสองสามคนนี้เป็นเพื่อนที่ฉลาดอย่างมาก ไม่เลวๆ นักพรตเฒ่าลูบเงินกระดาษปึกหนา ความร้อนใจของนักพรตเฒ่าจึงคลายลงไปไม่น้อย กระทั่งรู้สึกดีใจเล็กน้อย พลางแสยะมุมปาก “ฮิๆๆ”

………………………………………………………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล