ตอนที่ 60 รถติดยาวสิบไมล์ (1)
“ยังไงก็ตาม วันนี้มันแปลกจริงๆ ไม่เห็นแท็กซี่จริงๆ นะ”
หลังจากทิ้งพัดแล้ว สวี่ชิงหล่างก็วางของเหล่านี้ซ้อนกันอีกครั้งและเตรียมที่จะกลับบ้านเพื่อประกอบคอมพิวเตอร์
“โชคร้ายเกินไปล่ะมั้ง” โจวเจ๋อไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้ แต่เดินออกไปจุดบุหรี่นอกร้าน
แดดยามเช้ายังทำให้ผู้คนรู้สึกสบายๆ อยู่มาก
ไป๋อิงอิงไม่ชอบตากแดด นี่อาจเกี่ยวข้องกับตัวตนและธรรมชาติของนาง แต่นางจะไม่เป็นเหมือนผีดิบในภาพยนตร์ฮ่องกงเก่าแก่ ที่พอโดนแสงแดดไฟลุกพรึ่บกลายเป็นขี้เถ้ากระจัดกระจาย
ตามที่สวี่ชิงหล่างกล่าวคือไป๋อิงอิงได้รับการหล่อเลี้ยงจากวิญญาณของแม่นางไป๋มาเป็นเวลาสองร้อยปีและไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ถึงแม้จะไม่น่าสะพรึงกลัวเท่านักฆ่าตัวโตอย่างแมงป่อง แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นผีดิบระดับล่างมาตั้งนานแล้ว
เรื่องจริงมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ หากไป๋อิงอิงยินดีละก็ นางสามารถเปลี่ยนโฉมหน้าและรวมเข้ากับการใช้ชีวิตในเมืองอีกตัวตนหนึ่งได้อย่างสมบูรณ์
แต่เลือดวิญญาณของนางอยู่ในมือของตัวเอง นางออกไปไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นดูเหมือนนางเองนั่นแหล่ะที่ไม่ยอมจากไป ไม่แน่ว่าสักวันหนึ่งอาจะถูกพายุฝนฟ้าคะนองผ่าเปรี้ยงให้นางตายก็ได้ เพราะนางอยู่ในที่ของพระเจ้า และไม่ได้การต้อนรับ
“สูบบุหรี่ให้น้อยลงหน่อย ตอนนี้นายสูบบุหรี่จัดมาก”
น้องภรรยาก็เดินออกจากประตูร้านไป ดูเหมือนว่าจะตั้งใจออกไปสนุกแล้ว
โจวเจ๋อไม่สนใจเธอ
อันที่จริง โจวเจ๋ออิจฉาเธอมาก เธอเหมือนเติบโตมาในหม้อน้ำผึ้งตั้งแต่ยังเด็ก สาวหวานไร้เดียงสา คนหนึ่งแต่ก็เป็นความสุขแบบหนึ่งเช่นกัน
ไหนเลยจะเหมือนตัวเอง เด็กที่โตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามักมีความรู้สึกขาดความอบอุ่นแต่กำเนิด ขอให้เป็นแค่คนที่อยากก้าวหน้าเท่านั้นแหล่ะ ถ้าเป็นความก้าวหน้าจะทุ่มเทจนสุดพลังเลยล่ะ
คล้ายกับหวังเคอผมบางของตัวเองคนนั้น ที่หาความก้าวหน้าได้ตลอดวันตลอดคืน แม้แต่ตอนภรรยาออกไปทำผมก็ไม่รู้เรื่อง
ผู้คนนั้น
ดูเหมือนว่าจะคาดมาก่อนว่า จะมีรถเก๋งสีแดงคันหนึ่งที่อีกไม่นานก็จะขับมาถึงที่ถนนหน้าร้านของโจวเจ๋อแล้ว
คนที่ลงมาเป็นคนรู้จัก ภรรยาของหวังเคอและยังมีสาวน้อยโลลิคนนั้นด้วย
“สวัสดีค่ะพี่สาว สวัสดีค่ะคุณลุง”
สาวน้อยโลลิตะโกนเรียกอย่างเชื่อฟังมาก
น้องภรรยาอดไม่ได้ที่จะนั่งยองๆ ลงและเอื้อมมือไปบีบหน้าสาวน้อยโลลิ แล้วพูดว่า “ตุ๊กตาน้อยตัวนี้น่ารักจังเลย”
คุณนายยิ้มให้โจวเจ๋อและพูดว่า “ฉันจะไปทำผม เธอจะอยู่อ่านหนังสือที่นี่กับคุณก่อน”
“ครับ” โจวเจ๋อตอบ
หลังจากที่คุณนายขอบคุณเสร็จ ก็หันกลับไปที่รถ แล้วขับรถแล่นออกไป ออกอาการระริกระรี้มาก ราวกับว่ารอไม่ไหวแล้ว
น้องภรรยาก็นั่งแท็กซี่ออกไปด้วย ก่อนจากไปเธอกำชับให้โจวเจ๋อช่วยเธอปิดบังอีกรอบด้วย
สาวน้อยโลลิ ยืนอยู่ข้างๆ โจวเจ๋ออยู่ด้านนอกร้านและโจวเจ๋อก็นั่งยองๆ สูบบุหรี่อยู่ตรงนั้น
“คุณยังไม่กลับมาใช่หรือไม่” โจวเจ๋อพูดขึ้นในทันที
“คุณลุงกำลังพูดถึงอะไรคะ” สาวน้อยโลลิดูไม่เข้าใจทำไมถึงพูดแบบนั้น ช่างน่ารักน่าเอ็นดู
“เหอะๆ”
โจวเจ๋อยื่นมือออกไปตบหัวสาวน้อยโลลิแปะๆ
“ไปอ่านหนังสือกันเถอะ”
โจวเจ๋อเลือกหนังสือ ‘กู่เหวินกวนจื่อ’ ส่งให้เธอ แล้วพูดขึ้น “ผลการเรียนเป็นอย่างไรบ้าง”
“หนูได้เกรดดีจะตาย” สาวน้อยโลลิ พูดอย่างภาคภูมิใจ
“มีงานอดิเรกอะไรไหม” โจวเจ๋อถามอีกครั้ง
“เต้นบัลเลต์แล้วก็เรียนดีดเปียโน” สาวน้อยโลลิตอบ
“อยากดื่มอะไรล่ะ”
“หนูอยากดื่มโค้กค่ะ” พูดจบสาวน้อยโลลิก็แลบลิ้น “ปกติแล้วแม่ไม่ให้หนูดื่มน่ะค่ะ”
โจวเจ๋อพยักหน้า ไปหยิบโค้กที่ร้านสวี่ชิงหล่างข้างๆ หนึ่งกระป๋อง แล้วกลับมา
“เอ้านี่”
สาวน้อยโลลิ รับเอาโค้กไปแล้วพูดอย่างไพเราะว่า
“ขอบคุณค่ะ คุณลุง”
หลังจากดื่มโค้กแล้ว สาวน้อยโลลิ ก็พลิกหน้าหนังสือถัดไป อ่านด้วยความเพลิดเพลิน
“คุณกลับมาแล้วสินะ”
โจวเจ๋อถือแก้วน้ำไว้ในมือแล้วพูดขึ้นทันที
สีหน้าที่แสร้งทำทีน่ารักของสาวน้อยโลลิค่อยๆ จางหายไป และเผยให้เห็นความลุ่มลึกแบบเดียวกับผู้ใหญ่
ยกหนังสือในมือขึ้น
“พอรู้ตัวว่าไม่ควรอ่านหนังสือเล่มนี้ ก็สายไปเสียแล้ว”
สาวน้อยโลลิกำลังถือ ‘กู่เหวินกวนจื่อ’ ที่โจวเจ่อส่งให้เธอในตอนแรก และไม่ใช่ฉบับภาษาจีนกลางที่เป็นภาษาพื้นหรือเป็นฉบับวัยรุ่น
“มาหาผมทำไม” โจวเจ๋อถาม
คนนั้นในหรงเฉิงถูกจัดการแล้วงั้นเหรอ
ดังนั้นเธอถึงกลับมาแล้ว
“ข้าเพิ่งกลับมาจากนรก คิดถึงเจ้าน่ะ เลยมาเยี่ยมเจ้า” สาวน้อยโลลิ ลุกขึ้นยืน หันศีรษะไปมองโจวเจ๋อเล็กน้อยและพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าพบว่าเจ้าแอบอู้งานแถมยังขี้เกียจมากอีกด้วย”
“ผมไม่เข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไร” โจวเจ๋อถาม
“ใบบันทึกการเข้างานแสดงให้เห็นว่า ผลงานในช่วงนี้ของข้า อยู่รั้งท้ายในภูมิภาคนี้อย่างไรเล่า” สาวน้อยโลลิเลียริมฝีปากของตัวเอง “ก่อนหน้านี้ข้าบอกให้เจ้าทำตามที่เห็นสมควร แต่ข้าไม่ได้ให้เจ้าขี้เกียจแบบนี้เสียหน่อย”
“ใบบันทึกการเข้างานเหรอ” เมื่อโจวเจ๋อได้ยินเช่นนี้ หัวใจของเขาก็เต้นแรง
“ทำไม มีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือ เจ้าคิดว่าเป็นยมทูตแล้วไม่ต้องมีผลงานหรือ” สาวน้อยโลลิ ย้อนถาม
“ขอผมดูหน่อย…ได้ไหม”
“ทำไมเจ้าถึงไม่ถามว่า ทำไมถึงไม่ส่งให้เจ้าดูล่ะ”
สาวน้อยโลลิ เดินเข้ามาใกล้โจวเจ๋อ เธออยากจะสบตากับโจวเจ๋อ แต่เธอตัวเตี้ยเกินไป และหลังจากเข้าใกล้ กลับเป็นว่าโจวเจ๋อต้องมองลงมาที่เธอแทน
นี่มันทำให้เธอรู้สึกไม่สบอารมณ์มาก
รีบกวักมือในทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล