ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 629

ตอนที่ 629 ฆ่าปิดปาก

ทนายอันบีบป้ายชิ้นนี้อยู่ในมือ พลางถูนิ้วบนนั้นเบาๆ แล้วจึงมองผู้หญิงน่ารักคนนี้ที่อยู่ข้างกายตัวเองอีกครั้งหัวเราะเหอะๆ จากนั้นยื่นมือดีดใบหน้าของเธออย่างแผ่วเบา ต่อจากนั้นทนายอันจึงโยนป้ายชิ้นนี้เข้าไปใต้เตาปิ้งย่างอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้น อุ้มหญิงสาวเดินลงมาข้างล่าง

โจวเจ๋อ อิงอิง รวมทั้งสวี่ชิงหล่างได้รออยู่ที่หน้าประตูแล้ว เงินกระดาษเผาหมดแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในโฮมสเตย์แห่งนี้จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขา และในความเป็นจริงแล้วเดิมทีก็ไม่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงอย่างสิ้นเชิง พวกเขาเพิ่งทำธุระเสร็จแล้วจึงตั้งใจมาพักผ่อนที่นี่ ใครจะคิดว่าจะเจอเรื่องอย่างนี้ ทุกคนก็ไม่ใช่คนที่ชอบหาเรื่องดัดจริต ไม่ถึงขั้นหาเหาใส่หัวให้ตัวเองเป็นแพะรับบาป

ทนายอันพาหญิงสาวมาส่งที่มุมหนึ่งของเมืองโบราณ แล้วหยิบโทรศัพท์ของหญิงสาวออกมาโทรแจ้งความ ไม่ช้าตำรวจในเมืองโบราณก็ได้เร่งมาถึงที่นี่ทันที หลังจากพวกเขาพบหญิงสาวทนายอันถึงเดินกลับไปขึ้นรถ

บนรถออฟโรดถ โจวเจ๋อ อิงอิง รวมทั้งสวี่ชิงหล่างนั่งอยู่ด้านหลัง ผู้หญิงสวมชุดขี่ม้านั่งอยู่ตำแหน่งข้างคนขับรถ เธอคอยชี้ทางให้ทนายอันขณะที่เขาขับรถ

อันที่จริงระยะทางใกล้มาก ถึงขนาดที่ว่าใกล้กว่าที่ทุกคนจินตนาการไว้เสียอีก สถานที่ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองโบราณไม่ถึงสิบกิโลเมตร ที่นั่นมีแม่น้ำหนึ่งสาย ได้ยินว่าแม่น้ำไหลลงมาจากบนภูเขาหิมะมังกรหยก ซึ่งเกิดจากการละลายของหิมะบนภูเขา

“ทางเข้าอยู่ใต้แม่น้ำสายนี้ มีช่องว่างช่องหนึ่ง ร่างกายของผู้ใหญ่เข้าไปไม่ได้” ก่อนหน้านี้ผู้หญิงได้แนะนำตัวเองตอนที่อยู่บนรถ เธอชื่อฉินโหย่วหลาน เป็นคนลี่เจียง แต่ไม่ใช่ชาวน่าซี เป็นชาวฮั่น แน่นอนว่าเธอตายเป็นยมทูตไปแล้วยังจะมาคิดเล็กคิดน้อยเกี่ยวกับชนเผ่าอะไรอีกไร้สาระ

หลังจากที่เห็นความตัวอ่อนเหมือนครูสอนโยคะหรือครูสอนเต้นของฉินโหย่วหลานแล้ว โจวเจ๋อจึงไม่ถามคำถามโง่เง่าว่าเธอเข้าไปได้อย่างไร แต่มองไปที่อิงอิง “ร่างกายฟื้นฟูเป็นยังไงบ้าง”

“ไม่เป็นไรแล้วเจ้าค่ะ เถ้าแก่” อิงอิงเข้าใจ เดินไปที่ริมแม่น้ำถอดเสื้อคลุมออก หลังจากสั่งให้ฉินโหย่วหลานชี้ตำแหน่งคร่าวๆ แล้วจึงกระโดดลงไปในแม่น้ำโดยตรง บนผิวน้ำเกิดฟองอากาศขึ้นมาเป็นพรวนทันที ซึ่งเกิดจากอิงอิงได้กำลังขยายทางเข้าอยู่ด้านล่างได้สำเร็จ

โจวเจ๋อนั่งยองๆ อยู่ริมแม่น้ำ สูบบุหรี่ไปพลาง ทนายอันกับโจวเจ๋อนั่งใกล้กัน เขาใช้ศอกกระทุ้งโจวเจ๋อเบาๆ แต่โจวเจ๋อกลับเซเล็กน้อยล้มไปนั่งกับพื้น

“…” ทนายอัน

โจวเจ๋อคลานขึ้นมาแล้วมองไปทางทนายอัน ทนายอันพยักหน้า สายตาเป็นประกายแวบหนึ่ง โจวเจ๋อก็จึงหพยักหน้าเช่นกัน ทนายอันพยักหน้าอย่างมีความหมายลึกซึ้งอีกครั้ง

โจวเจ๋อสูดลมหายใจลึกๆ หนึ่งที เผยสีหน้าว่าเหมือนดั่งที่ตัวเองคาดการณ์ไว้ ทนายอันถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก ดูเหมือนจะพึงพอใจต่อความมีใจตรงกันเช่นนี้

สักครู่หนึ่ง โจวเจ๋อจึงหยิบโทรศัพท์ออกมา ผ่านไปอีกสักพัก ทนายอันรู้สึกว่าโทรศัพท์ของตัวเองสั่น เขาหยิบออกมาเห็นว่าบนนั้นเป็นข้อความที่เพิ่งส่งเข้ามาโดยโจวเจ๋อ

‘“พิมพ์แล้วส่งออกมาเลย’” จากนั้นที่แท้ก่อนหน้านี้คือการแสดงของคนโง่สองคนที่เล่นละครตบตาเหมือนตอนก่อนหน้านั้น

‘“มีคนตั้งใจนำป้ายของผู้จับกุมมาทิ้งไว้ในโฮมสเตย์ จีพีเอสของฉินโหย่วหลานมาถึงที่นี่ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก’”

ไม่ใช่เรื่องแปลก อย่างนั้นคือวางแผนไว้อย่างดีแล้ว หลังจากอ่านตัวหนังสือแต่ละบรรทัดติดต่อกัน โจวเจ๋อจึงมั่นใจในที่สุด ต้นเหตุของเรื่องนี้ ไม่ได้เกิดจากตัวเขาเองไม่ได้ ‘ปิดเครื่อง’ แต่มีคนวางแผนอยู่เบื้องหลัง

กระทั่งรวมไปถึงตอนนี้ที่ตัวเขาและคนอื่นๆ ตอนนี้มาถึงริมแม่น้ำสายนี้ เตรียมตัวลงไปในสุสาน ก็เป็นแผนที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าของคนคนนั้น ความรู้สึกที่ถูกคนอื่นวางแผนเล่นงานลับหลัง มันแย่มากจริงๆ และเห็นได้ชัดว่า คนคนนั้นมองตัวเขาและพรรคพวกเป็นเครื่องมือโจมตีคนอื่น โจวเจ๋อหันหน้ามาอีกครั้ง มองฉินโหย่วหลานที่นั่งอยู่ตรงนั้น พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย

‘“ตัวเธอเองน่าจะไม่รู้เหมือนกัน’” ทนายอันส่งมาอีกหนึ่งข้อความ นิ้วมือของโจวเจ๋อหยุดอยู่บนหน้าจอพักหนึ่งและไม่ได้ตอบประโยคนี้

ทนายอันเหมือนจะเข้าใจความหมายของโจวเจ๋อ จึงตั้งใจหันหน้ามองไปที่ฉินโหย่วหลานที่นั่งอยู่ตรงนั้นหนึ่งที บนตัวของผู้หญิงคนนั้นถูกเขาบังคับควบคุมไว้ เป็นไปไม่ท่ได้ที่จะเล่นแรงขนาดนั้น

หลังจากสิบนาทีผ่านไป อิงอิงลอยขึ้นมาเหนือน้ำ “เถ้าแก่ จัดการเรียบร้อยเจ้าค่ะ ตรงทางเข้าค่อนข้างแคบ แต่พอเข้าไปก็ไม่แคบแล้ว ข้าฉันทำตามคำสั่งของท่าน ไม่ได้เข้าไปลึกมากเจ้าค่ะ”

โจวเจ๋อพยักหน้า ไม่พูดอะไร เพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ถึงแม้อิงอิงเพิ่งจะลงไปทำงานในน้ำอันหนาวเย็นอยู่นาน แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็มีความแตกต่างจากผู้หญิงทั่วไป แม้แต่คำพูดไร้สาระอย่างดื่มน้ำอุ่นเพื่อรักษาความอบอุ่นของร่างกายก็ไม่ต้องพูด เถ้าแก่โจวอยากจะแสดงตัว แต่ก็ไม่มีโอกาสให้แสดงตัวเลย

“ลงไปไหม” ทนายอันถาม

โจวเจ๋อส่ายหน้า หากไม่จัดการเรื่องยุ่งยากที่มาจะตามมาภายหลัง โจวเจ๋อจะไม่ยอมลงไป

คนตายเพราะเงิน นกตายเพราะอาหาร ถ้าหากเพื่อให้ได้ก้อนหินสีเขียวมากกว่านั้น และสามารถหาวิธีปลุกเจ้าโง่ให้ตื่นขึ้นมาได้ แม้ต้องเสี่ยง โจวเจ๋อก็ยอม แต่ถ้าหากมีคนวางแผนให้ต้องลงไป ช่วยทำงานแทนคนอื่น เถ้าแก่โจวไม่ได้มีความตระหนักรู้ที่สูงขนาดนั้น

“ไม่ว่ายังไงสุสานก็อยู่ที่นี่ไม่หนีไปไหน ไม่ต้องรีบ” พูดจบ โจวเจ๋อจึงลุกขึ้น มองไปที่ฉินโหย่วหลานที่นั่งอยู่ตรงนั้น“ถือโอกาสนี้ ลืมสืบเรื่องของผู้จับกุมเฉินออกมาให้ได้ ผมจำได้เมื่อก่อนที่ทงเฉิง มีผู้จับกุมคนหนึ่งเคยใช้ป้ายผู้จับกุมเรียกยมทูตที่อยู่ในละแวกนั้นนี้ อย่างนั้นผมก็อยากจะลองดู ดูซิว่าจะสามารถเรียกยมทูตจากลี่เจียงหรือที่อยู่บริเวณนี้ได้สองสามคนไหม พวกเราลองดูกันเถอะ คุณไปพูดกับเฉินโหย่วหลานหน่อย ลองถามรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นให้ชัดเจนกว่านี้อีกหน่อย”

“ได้เลย” ทนายอันเห็นด้วยกับการเลือกของโจวเจ๋อ พึงระวังให้มากถึงแม้จะคุมเรือนานมาหมื่นปีก็ปลอดภัย

“ไม่ลงไปเหรอ” สวี่ชิงหล่างที่อยู่ข้างๆ รอนานแล้ว “ถ้าไม่ลงไป ผมจะไปย้ายของกินลงมาจากรถ ถือเสียว่าจัดปิกคนิกคก็แล้วกัน”

“ฉันไม่หิว” โจวเจ๋อส่ายหน้า หยิบป้ายของตัวเองออกมาแล้วลูบสองสามที

ทนายอันลุกขึ้นเดินไปหาฉินโหย่วหลาน แต่เวลานี้ ฉินโหยว่หลานที่นั่งอยู่ตรงนั้นกลับตัวสั่นขึ้นมากะทันหันจากนั้นก็ดิ้นคลานลงไปบนพื้นอย่างสุดแสนจะทรมาน ใบหน้าของเธอมีเส้นเลือดปูด น่ากลัวสุดขีด

“อา!!!” เธอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด พยายามใช้สองมือตะกุยหินกรวดที่อยู่บนพื้น เงยหน้าจ้องมองโจวเจ๋อกับทนายอันสองคนด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยการวิงวอน

“ให้ตายเถอะ บนตัวของเธอถูกคนอื่นควบคุมจริงๆ!” ทนายอันรีบเดินไปข้างหน้า เตรียมจะดูสภาพของเธอ แต่ก้าวออกไปได้สองก้าว รูม่านตาของทนายอันหดตัวทันที โจวเจ๋อก็รู้สึกถึงความผิดปกติ มีการตอบสนองที่เร็วกว่าทนายอัน แบฝ่ามือไปด้านหน้า ม่านกั้นที่ก่อตัวจากหมอกสีดำหนึ่งสายปรากฏขึ้นมาทันที นำตัวเองและคนอื่นที่อยู่ข้างกายให้ไปอยู่ข้างหลัง

‘“ปึ้ง!’” ร่างกายของฉินโหย่วหลานเหมือนลูกโป่งที่อัดแน่นไปด้วยแก๊สระเบิดออกมาโดยตรง เลือดสดกระเด็นกระดอน เลือดสดที่กระเด็นมาติดม่านกั้นสีดำเกิดเสียง ‘ฉ่า’ ทันที และเลือดสดที่กระเด็นโดนตำแหน่งอื่นๆ ก็ได้ทำให้หินกรวดละลายไปด้วยเป็นจำนวนมาก บนพื้นเต็มไปด้วยควันสีดำ

จากนั้นโจวเจ๋อจึงเก็บม่านกั้นสีดำ ตอนที่มองไปทางตำแหน่งที่เฉินโหยว่หลานอยู่ก่อนหน้านี้ เขามองเห็นแต่รอยไหม้เป็นรูปร่างคนที่อยู่บนพื้น ยมทูตคนหนึ่งตายไปเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ร่างกายที่ระเบิดเท่านั้น แม้แต่วิญญาณก็ไม่รอด

สถานที่เกิดเหตุเงียบวิเวกอย่างยิ่ง ถึงแม้ตัวของโจวเจ๋อก็เคยฆ่ายมทูตไม่น้อย แต่ถ้าไม่เป็นเพราะมีเหตุผลเพียงพอให้ลงมือหากยมทูตไม่ถือว่าอาจารย์ตัวเองมีชื่อเสียง อย่างนั้นก็ต้องถือว่าหนังสือรับรองยมทูตของตนมีความพิเศษไม่เหมือนใครถึงกล้าก่อเรื่องใหญ่โต สามารถหลีกเลี่ยงการตรวจสอบและการลงโทษจากนรกได้

แต่ยมทูตก็คือยมทูต เป็นตัวแทนหน้าตาของยมโลก นึกจะ ‘ทำลาย’ ก็โดน ‘ทำลาย’ แบบนี้ ทำให้คนรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง

“ตายแล้วเหรอ” ทนายอันเดินไปข้างๆ รอยไหม้เกรียม ยื่นเท้าใช้รองเท้าถูเขม่้าสีดำ

“คนที่อยู่เบื้องหลังมีความเด็ดขาดมากกว่าที่พวกเราคิดไว้” โจวเจ๋อมองไปรอบๆ ถ้าเป็นแบบนี้ ฉินโหย่วหลานคนนี้น่าจะรู้เรื่องอะไรบางอย่าง และข้ออ้างที่พูดว่านัดกับผู้จับกุมเฉินและผ่านมาทางนี้ อาจจะไม่ถูกต้องเสียทั้งหมด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คนที่คอยขับเคลื่อนเรื่องนี้อยู่เบื้องหลังตัวจริง การกระทำที่ไม่เพียงแต่มีความเด็ดขาดเท่านั้น แต่ยังโหดเหี้ยมอย่างมาก กระทั่งสามารถพูดได้ว่าทำคตามอำเภอใจไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด

คนธรรมดาพวกนั้นที่ถูกฆ่าอยู่ในโฮมสเตย์ ฆ่าปิดปากยมทูตคนหนึ่งอย่างโจ่งแจ้ง นี่คือไม่เห็นหน้าตาของโลกมนุษย์กับยมโลกอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ กำเริบเสิบสานขนาดนี้เชียวหรือ

“ต่อไป ทำยังไงดี” สวี่ชิงหล่างถาม

“ตั้งเต็้นท์ก่อน ตั้งเต็้นท์พักที่นี่กันเถอะ” โจวเจ๋อยื่นมือชี้ไปที่รอยขี้เถ้ารูปคนตรงนั้น “ทำความสะอาดตรงนี้ด้วย”พูดจบ โจวเจ๋อจึงเดินไปที่ริมแม่น้ำแล้วนั่งลง ฟ้ากำลังมืดลง แต่ที่นี่ดวงดาวสวยงามเป็นอย่างมาก

ทนายอันเดินเข้ามาแล้วนั่งลงยองๆ “แจ้งข่าวหรือยัง” ทนายอันถาม

โจวเจ๋อส่ายหน้า

“ก็จริง ไอ้หมอนั่นทำอะไรเด็ดขาด ต่อให้เรียกคนตัวเล็กตัวน้อยในท้องถิ่นมาก็สืบอะไรไม่ได้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ ก่อนหน้านั้นถึงแม้พวกเราจะอยู่นอกเขตชายแดน แต่สามารถสร้างชื่อเสียงได้อย่างยิ่งใหญ่ เถ้าแก่คุณพาวิญญาณทหารหลายหมื่นนายเดินทางสองวันสองคืน คนที่อยู่แถวนี้จะต้องสัมผัสอะไรได้แน่นอน แต่จัดส่งคนมาเตรียมตัววางแผนมาจัดการพวกเราภายในระยะเวลาสั้นๆ ถือว่า…” พอพูดถึงตรงนี้ทนายอันจึงตกตะลึงเล็กน้อย

“นึกอะไรออกแล้วใช่ไหม” โจวเจ๋อถาม

ทนายอันพยักหน้าด้วยสีหน้าดูไม่ได้เล็กน้อย

โจวเจ๋อแสยะมุมปาก เล็บคีบหินไข่ห่านที่อยู่ตรงหน้าแล้วบีบแตกละเอียดภายในพริบตา ขณะเดียวกันได้พูดด้วยน้ำเสียงที่โมโหว่า “พวกเรามาลี่เจียงไม่ใช่การวางแผนก่อนล่วงหน้า แต่ฉุกคิดขึ้นจึงตัดสินใจมาที่นี่ พวกเราสามมารถไปที่ต้าหลี่หรือไม่ก็ทะเลสาบหลูกูหูก็ได้ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในยูนนานมีเยอะถมไป ในเมื่อเรื่องนี้เป็นแผนของเขา อย่างนั้นจะมีเรื่องบังเอิญแบบนี้ได้ยังไง” ขณะที่พูด โจวเจ๋อหยิบก้อนหินขึ้นมาหนึ่งก้อน แล้วโยนลงไปในแม่น้ำ ‘แปะๆๆๆ!!!!’ หินกระดอนบนผิวน้ำสี่ครั้ง

“คาดว่า ไม่น่าจะมีสุสานมู่หวังอะไรเลยด้วยซ้ำ และหินก้อนนั้น ฉินโหย่วหลานไม่ได้หยิบมาจากในสุสาน แต่หยิบมาเป็นเหยื่อล่อเพื่อให้พวกเราติดกับ”

“ฮู่ว…” ทนายอันพ่นลมหายใจออกมา ไม่ตอบโต้

“อย่างแรกคือเรื่องของแม่นางไป๋ในร้านหนังสือยังสืบไม่ได้ความ มาพักผ่อนที่ลี่เจียงยังถูกคนอื่นวางแผนตลบหลังโดยไม่รู้สาเหตุ น่ารำคาญจริงๆ”

“แต่อย่างน้อยสามารถพิสูจน์ได้เรื่องหนึ่ง นั่นก็คือคนที่วางแผนทำร้ายพวกเรา ในมือของเขามีก้อนหินสีเขียวแบบนั้น มิฉะนั้นฉินโหย่วหลานก็เอามาไม่ได้”

“แต่ต้องตามหาเขาใช้เจอใช่ไหม” โจวเจ๋อย้อนถาม

“ด้วยความสามารถของพวกเรา หาไม่เจอแน่นอน ในเมื่ออีกฝ่ายในเมื่อเด็ดขาดขนาดนี้ใช้การพันธนาการที่ซ่อนไว้ฆ่าปิดปากโดยตรง ก็เพราะคือไม่อยากให้พวกเราสืบได้ว่าเขาเป็นใครกันแน่”

“จากนั้นล่ะ”

“แต่เขาทำพลาดอย่างหนึ่ง” ทนายอันชี้ไปที่ใต้รองเท้าของตัวเองที่มีขี้เถ้าดำ “ยมทูตคนหนึ่ง คิดจะฆ่าก็ฆ่า ชีวิตมากมายในโฮมสเตย์ อยากจะฆ่าก็ฆ่า เถ้าแก่ ตอนนี้คุณเป็นผู้จับกุมแล้ว จึงมีสิทธิ์รายงานข่าวให้กับยมโลกนรก การดูถูกหน่วยงานราชการ ถ้าไม่ใช้ประโยชน์ก็เสียของเปล่าๆ ไม่ทำก็ต้องทำรายงานให้ยมโลกนรกทราบ เพื่อให้ยมโลกนรกส่งผู้ตรวจสอบมาตรวจสอบ ผมไม่เชื่อว่าผู้ตรวจสอบตัวจริงมาแล้ว ไอ้หมอนั่นจะซ่อนตัวได้อีก!”

……………………………………………………………………….

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล