ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 639

ตอนที่ 639 เถ้าแก่!

มู่เฉิงเอินมองโจวเจ๋อ เห็นได้ชัดว่าในตอนแรกมีอารมณ์โกรธ แต่ค่อยๆ เริ่มกลับสู่ความสงบอีกครั้ง ความดูถูกในแววตาเริ่มฉายแววชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเป็นคนเหี้ยมโหด และเป็นคนฉลาดคนหนึ่งเช่นกัน คนประเภทนี้ไม่มีขอบเขตเส้นตายอะไร เพราะเขาเห็นแก่ตัวมาก อันที่จริงเขาคล้ายกับโจวเจ๋อนิดหน่อยจริงๆ แต่เถ้าแก่โจวไม่สุดโต่งเท่าเขาขนาดนี้

จู่ๆ โจวเจ๋อก็รู้สึกเบื่อหน่าย รู้สึกคิดถึงหญิงสาวตัวดำที่บ้านบ้างแล้ว ตราบใดที่ควบคุมชีวิตน้อยๆ ของเธอไว้ ให้เธอทำอะไรเธอก็ทำ เชื่อฟังเหลือเกิน กระทั่งโจวเจ๋อรู้สึกว่าแม้จะไม่ให้เธอปลูกผัก ให้เธอไปอุ่นเตียง เธอก็คงยอมไปทำอย่างสุดกำลัง

ปัญหาในตอนนี้อยู่ที่ มู่เฉิงเอินรู้ดีว่าโจวเจ๋อไม่ได้ปิดบังเลยแม้แต่น้อย เขาจะไม่ปล่อยชีวิตมู่เฉิงเอินไว้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น เฝิงซื่อเอ๋อร์ออกมาปฏิบัติภารกิจจึงต้องฆ่าใครสักคนแล้วพากลับไปรายงานกับทางการที่ยมโลก ด้วยเหตุนี้ ภายใต้เงื่อนไขที่ต้องฆ่า จะหยิบยกอะไรมาขู่เขานั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยสมจริงสักเท่าไร

มุมปากของโจวเจ๋อเผยเขี้ยวทั้งสองออกมา นี่เป็นการคิดวางแผนลงมือแล้ว โอ้ไม่สิ เป็นการขยับปากต่างหาก

มีความลับบนตัวมู่เฉิงเอินมากมาย เช่น ภาพวาดรูปนั้น ถ้ำผนึกแห่งนั้น หินสีเขียวชนิดนั้น แต่ทว่าหากเขายืนกรานไม่ปริปาก ความลับเหล่านี้ก็เท่ากับว่าไม่มีค่าอะไรเลย

และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่โจวเจ๋อจะพาเขากลับไปบ้านด้วยโดยมัดรวบห่อไป คิดหรือว่าจะใช้ความอบอุ่นของร้านหนังสืออุ่นหัวใจของเขาได้กัน

ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้ที่เจ้าหมอนี่ถูกจับได้ สาเหตุยังอยู่ที่หลังจากเขาวางแผนคิดร้ายในตอนแรกสิ้นสุดลง รู้สึกโชคดีเล็กน้อยที่ไม่ถูกจับได้ นึกว่าตัวเองฆ่าปิดปากไปอย่างเด็ดขาด พวกโจวเจ๋อไม่อาจตามหาตัวเขาเจอ ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งคือครอบครัวของเขาไม่สะดวกที่จะเคลื่อนย้าย ไม่อย่างนั้นความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้จะสูญเปล่า แต่หลังจากครั้งนี้หากมีอะไรไม่คาดคิดเกิดขึ้นอีก เขาจะไม่ถูกจับได้ง่ายๆ แบบนี้อีกแล้ว กระทั่งอาจจะคล้ายกับงูตัวหนึ่งที่แว้งกัดตัวเองเอาได้

เรื่องที่หาตัวพระขี้เรื้อนไม่พบในตอนแรกทำให้เถ้าแก่โจวอารมณ์เสียไปพักหนึ่ง เถ้าแก่โจวทึกทักเอาเองว่าความนิยมของตัวเองนั้นไม่เลวทีเดียว คนที่มีความแค้นและเกลียดชังเขาอย่างสุดซึ้งบนโลกใบนี้มีไม่มากเท่าไร เพราะส่วนมากล้วนถูกฆ่าตายในที่เกิดเหตุไปแล้วทั้งนั้น การตัดรากถอนโคนเหมือนกับการตอบคำถามเสร็จตอนสอบแล้วตรวจดูซ้ำอีกครั้ง เป็นนิสัยเคยชินที่ดีสุดๆ

ทว่าครั้งนี้โจวเจ๋อไม่ปล่อยให้เฝิงซื่อลงมือ แต่กลับคิดวางแผนจัดการฆ่าเขาด้วยตนเองแทน ไม่สนว่าเขาจะเกี่ยวข้องกับคนในภาพวาดอย่างไรกันแน่ อย่างน้อยโจวเจ๋อก็สามารถแน่ใจได้อย่างหนึ่ง นั่นก็คือตอนนั้นอิ๋งโกวโกรธมาก ด้วยเหตุนี้ เขาจะลงมือฆ่ามู่เฉิงเอินด้วยตัวเอง อย่างน้อยๆ ถ้าว่ากันตามมุมมองทางอารมณ์ ก็รู้สึกว่าตัวเองได้ช่วยเจ้าโง่ระบายความโกรธด้วยตนเอง

แม้ว่าจะเป็นการหลอกตัวเองและคนอื่นก็เถอะ ก็ให้มันหลอกตัวเองและคนอื่นไปเสียเลยสิ

ดูเหมือนว่ามู่เฉิงเอินจะมีลางสังหรณ์ว่าเวลาของเขากำลังใกล้เข้ามาเต็มที่แล้ว แต่กลับไม่มีความหวาดกลัว เพียงแค่เอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ “พวกเจ้าไม่ได้ลงไปถ้ำผนึกแห่งนั้นหรือ”

เมื่อเห็นเขาเอ่ยปาก ทนายอันที่อยู่ข้างๆ รู้สึกว่ามีความหวังอยู่บ้างเล็กน้อย รีบเอ่ยขึ้นทันที “ลงไปดูมาแล้ว”

เฝิงซื่อเอ๋อร์ขมวดคิ้วน้อยๆ เขายังจำได้ว่าตอนนั้นประโยคที่ว่า ‘ผมไม่กล้า’ ของโจวเจ๋อทำให้เขาอัดอั้นจนบาดเจ็บภายใน

“เหอะ น่าเสียดาย” มู่เฉิงเอินหยุดชะงัก มองโจวเจ๋อที่อยู่ตรงหน้าซึ่งอยู่ในสภาวะผีดิบมีใบหน้าสีเขียวและเผยเขี้ยวออกมา และพูดอย่างเสียใจว่า “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะยับยั้งใจได้”

ถ้ำผนึกแห่งนั้นสะสมพลังพิฆาตเอาไว้ เป็นยาชูกำลังขนานดีสำหรับผีดิบในระดับที่เพียงพอ!

รอยยิ้มบนใบหน้าของทนายอันพลันแข็งค้างหลังจากได้ยินคำพูดนี้ และแม้แต่เฝิงซื่อก็ยังจ้องเขม็ง ระหว่างความคลุมเครือนั้นมีความโกรธวูบวาบ

ถ้ำผนึกแห่งนั้นแปลกประหลาด!

เดิมทีทุกคนไม่ได้สนใจ ตอนนี้เมื่อมู่เฉิงเอินพูดเช่นนี้ บรรดาคนเฉลียวฉลาดตรงนั้นตระหนักได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ

วิธีปิดผนึกถ้ำยังใช้ ‘เทพเจ้าแห่งแม่น้ำ’ ท้องถิ่น ซึ่งก็คือเต่าแก่ตัวนั้น ตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการจัดวางล้วนยิ่งใหญ่อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว กับดักแห่งนั้นดูค่อนข้างกากกว่าเล็กน้อย ให้ความรู้สึกไม่เข้ากันนิดหน่อย เพราะขอแค่คนที่เชี่ยวชาญค่ายกลปรับเปลี่ยนนิดหน่อย แหล่งทำลายพลังพิฆาตแต่เดิมก็สามารถกลายเป็นแหล่งรวบรวมพลังพิฆาตได้แล้ว จากเจตนาฆ่ากลายเป็นผลประโยชน์ ก่อนหน้านี้เฝิงซื่อสามารถมองออกได้โดยตรง สวี่ชิงหล่างก็มองออก ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีเจตนาสังหารครั้งใหญ่ซ่อนอยู่ที่นี่!

มันคือการทำให้ผีดิบทนไม่ไหว อยากได้ผลประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงค่ายกล จะต้องมีอย่างอื่นซ่อนอยู่ในนั้นอีกเป็นแน่!

มันเป็นการเชื่อมโยงลูกโซ่ เล่นกับความโลภของผู้คนและความรู้สึกที่คิดว่าตัวเองมีดี

เฝิงซื่อกัดฟันเมื่อนึกย้อนไปถึงตอนที่ตัวเองเคยกระตุ้นให้โจวเจ๋อไป ‘สัมผัส’ มาก่อน และคิดจะมอบสิ่งนี้เป็นของขวัญให้กับโจวเจ๋อ เขาในเวลานี้รู้สึกปวดแสบปวดร้อนบนใบหน้าพลางนึกถึงประโยค ‘ผมไม่กล้า’ ที่เอ่ยออกมาอย่างรวบรัดไม่ยึกๆ ยักๆ แม้แต่น้อยขึ้นมาอีกครั้ง

หรือว่าเถ้าแก่คนนี้ของทนายอันจริงๆ แล้วเจอเบาะแสตั้งแต่แรกแล้ว น่าจะใช่แล้วละ ดังนั้นเขาถึงได้ไม่หวั่นไหวเมื่อเผชิญกับสิ่งเย้ายวนใจ กระทั่งไม่สนใจอีกต่างหาก!

มันน่าตลกตรงที่ก่อนหน้านี้ตัวเขายัง ‘โกรธที่อีกฝ่ายไม่พยายามไขว่คว้า’ และรู้สึกว่าอีกฝ่ายขี้ขลาดกลัวเรื่องไม่เป็นเรื่อง ถ้าหากทนายอันรู้ถึงเรื่องกิจกรรมทางจิตของเฝิงซื้อที่อยู่ข้างๆ ตัวเองในเวลานี้เข้าละก็ เดาว่าคงจะหัวเราะร่า ‘ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ’ จนปวดท้องแน่ๆ!

“ยังมีอะไรจะพูดอีกไหม” โจวเจ๋อถาม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล