ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 641

ตอนที่ 641 ของรางวัลจากไท่ซาน!

ควบม้าชูแส้ ดูเหมือนสง่าผ่าเผยมาก แต่ทนายอันก็ระมัดระวังมากเช่นกัน อย่างไรเสียที่นี่ไม่ใช่พื้นราบ แต่เป็นเส้นทางบนภูเขา อาจจะเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นมาได้ เขาไม่ได้กังวลว่าตัวเองจะตกลงไปตาย และไม่กังวลเรื่องค่าชดเชยสำหรับม้า แต่คิดว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับม้าของเขาแล้ว เขาอาจจะต้องค่อยๆ เดินลงเขาจริงๆ เอาน่ะสิ จะนั่งเบียดกับเถ้าแก่และอิงอิงบนรถม้าน่ะหรือ ทนายอันไม่กล้าหรอก หรือจะให้ขี่ม้าตัวเดียวกับเฝิงซื่อเอ๋อร์และสวี่ชิงหล่าง นั่นก็ไม่น่ามองเกินไป

ตอนนี้เฝิงซื่อเอ๋อร์อยู่ในร่างของผู้หญิง สวี่ชิงหล่างก็สวยยิ่งกว่าผู้หญิง ทนายอันเชื่อว่าการวางตัวในด้านนั้นของตัวเองปกติมาก แต่เขาไม่มีความมั่นใจอะไรต่อการตอบสนองทางร่างกายของตัวเองนี่สิ

โชคดีที่หลังจากชะลอความเร็วลง เฝิงซื่อเอ๋อร์ก็ตามทัน ถึงอย่างไรทุกคนก็ทำงานร่วมกันมาหลายปี ระดับความเข้าใจกันจุดนี้ก็ถือว่ายังมีอยู่

“รอกลับไปถึงเมืองโบราณลี่เจียงแล้ว ข้าก็จะไปแล้ว” เฝิงซื่อเอ๋อร์เอ่ยปากพูดก่อน

“ไม่พูดถึงความรู้สึกหน่อยหรือไง” ทนายอันถาม

ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน เมื่อผู้ยิ่งใหญ่หลายๆ คนประสบปัญหา เขาเพียงแค่ต้องรับผิดชอบความยิ่งใหญ่ ความรุ่งเรือง และความถูกต้อง สำหรับธุระจิปาถะหลายๆ อย่างของเบื้องล่าง เป็นความรับผิดชอบของผู้ใต้บังคับบัญชา

ทนายอันรู้สถานะของตัวเองอย่างชัดเจนดี เขายังรู้นิสัยขี้เกียจของเถ้าแก่ตัวเองด้วย ถ้าปล่อยให้เถ้าแก่ไปสานความสัมพันธ์ละก็ อาจจะกลืนกินความสัมพันธ์ไปทีละคนๆ เท่านั้นเอง

“ไม่มีอะไรต้องพูดนี่” เฝิงซื่อเอ๋อร์ส่ายหน้า ดูเหมือนไม่เต็มใจพูดอะไรมากนัก

“ทำใจไม่ได้หรือ” ทนายอันถาม

“เหอะๆ มีอะไรให้ทำใจไม่ได้กันล่ะ”

“เรื่องในอดีตก็ไม่ต้องพูดถึงมันแล้ว เจ้าไม่ติดค้างข้า ข้าก็ไม่ติดค้างเจ้า เราก็ทำให้มันง่ายๆ หน่อย ความสัมพันธ์แบบแลกเปลี่ยนผลประโยชน์โดยแท้ กลับกันยังสามารถคบค้าสมาคมกันได้อย่างสบายใจมากขึ้น”

“จริงๆ แล้วข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้บอกความจริงกับข้า เจ้ามีหลายเรื่องที่ยังปิดบังข้าอยู่” เฝิงซื่อเอ๋อร์มองทนายอันยิ้มๆ สไตล์คนคุ้นเคยกัน มองปราดเดียวก็ทะลุปรุโปร่ง

“เยี่ยมเยือนเจ้าถิ่น ดื่มเลือดไก่ชูกำลัง เผากระดาษเหลือง เดิมก็เหมือนการเล่นพนันก้อนหิน ครึ่งหนึ่งดูจากความต้องตา อีกครึ่งหนึ่งดูจากชะตาชีวิต บอกเจ้าอย่างชัดเจนไม่ปิดบัง ยังจะมีหมายความอะไรอีก”

เฝิงซื่อเอ๋อร์พยักหน้าแสดงออกว่าตัวเองเข้าใจคำพูดของทนายอัน

“ไม่ต้องการให้เจ้าก้มหัวโค้งคำนับตอนนี้ เช่นนั้นข้ารังเกียจ คนผู้นั้นก็รังเกียจ เจ้าก็แค่เลื่อนตำแหน่งรับโชคที่ยมโลกของเจ้าต่ออย่างสบายใจ เมื่อต้องการเรียกใช้เจ้า อย่างเช่นวันนี้ เรียกเจ้าปุ๊บเจ้าก็มารีบมาปั๊บ เชื่อข้าสิ อีกหน่อยผลประโยชน์ของเจ้าไม่ขาดหายไปแน่”

“จริงๆ แล้ว ถ้าข้าบอกว่าข้าอยากก้มหัวโค้งคำนับ เจ้าก็คงไม่ยอมเช่นกันสินะ”

ทนายอันไม่ตอบ

“อย่างไรเสีย การมีหูตาทำหน้าที่ในระดับกลางของยมโลกถึงจะเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับเจ้า อันปู้ฉี่ บางครั้งข้ารู้สึกเหนื่อยแทนเจ้าเหลือเกิน เจ้าใช้ชีวิตแบบนี้ไปเพื่ออะไร”

“หึๆ ทุกคนก็เฉกเช่นเดียวกัน”

“ใช่ ข้าก็เหนื่อยแล้ว แต่ก็เป็นแค่การกินผักกาดดอง” เฝิงซื่อเอ๋อร์มองกลับไปข้างหลัง และพูดอย่างตรงไปตรงมา “เอาเถิด ข้าจะกลับไปจัดการบางอย่างที่เมืองโบราณก่อนสักหน่อยก็จะลงไปแล้ว พวกเจ้าค่อยๆ เดินทางแล้วกัน จริงสิ เมื่อเร็วๆ นี้ข้าได้รับข่าวคราวเกี่ยวกับนางด้วย รอจนกว่าข้าจะสืบให้แน่ชัดแล้วค่อยบอกเจ้า”

“ข่าวคราวของนางหรือ” ทนายอันตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะ ทว่าความจริงจังเข้ามาแทนที่ทันที และก่อนที่เฝิงซื่อจะควบม้าออกไปก็รีบถามขึ้น “ถึงเวลาที่เจ้าต้องเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้พิพากษาแล้วหรือยัง”

“เหอะๆ พญายมสิบตำหนัก ดับสูญไปหนึ่งไม่ว่า แปดองค์ที่ถูกระเบิดยังเก็บตัวรักษาบาดแผลของตัวเองอยู่ แต่มีองค์หนึ่งที่รอดชีวิตมาได้ ตอนนี้เป็นผู้นำรับผิดชอบงานระดับสูงของยมโลก แต่ข้าไม่อยากไปหาเขา อันที่จริงการเป็นผู้ตรวจสอบก็ค่อนข้างมีอิสระทีเดียว แม้ว่าผู้พิพากษาจะสง่าผ่าเผย แต่กลับเหมือนสุนัขที่บรรดาเหล่าพญายมเลี้ยงเอาไว้ อยากจะออกมาทีก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ”

“องค์ใด” ทนายอันคำนวณในใจ อันที่จริง ตามคำบอกเล่าของเถ้าแก่ของเขา เขาสามารถค่อยๆ คำนวนออกมาได้ องค์ที่ตายคือพญายมผิงเติ่งหวังลู่ ระเบิดไปแปดองค์ลงหลุมไปทีละคนๆ ที่เหลืออยู่นั้นก็สามารถเอ่ยชื่อออกมาได้เลย

“พญายมตำหนักเจ็ด พญายมไท่ซานหวังต่ง”

เฝิงซื่อเหลือบมองทนายอันด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้ง แล้วควบม้าลงไปทันที “ไปแล้ว!”

เมื่อเห็นฉากเฝิงซื่อเอ๋อร์ควบม้าอย่างดุเดือด ทนายอันจิ๊ปากเล็กน้อยก่อนจะรีบตะโกนขึ้น “เจ้าช้าหน่อยสิ รีบกลับนรกนะไม่ได้รีบกลับไปเกิดใหม่!”

ทนายอันถอนหายใจยาว จุดบุหรี่ และลงจากหลังม้า นั่งบนโขดหินใกล้ๆ รอพวกเถ้าแก่ค่อยๆ เข้ามาช้าๆ

การขอความช่วยเหลือจากเฝิงซื่อเป็นความคิดของเขา หมอกหนาทึบในภูเขาคะฉิ่นก่อนหน้านี้ก็เป็นความคิดของเขา ความสัมพันธ์ของเขากับเฝิงซื่อค่อนข้างยุ่งเหยิง แม้ว่าพวกเขาจะเคยใช้ประโยชน์และหักหลังกันและกันมาแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นต่างก็รู้จักกันดี โดยเฉพาะอุปนิสัยของทั้งสองฝ่ายที่รู้จักซึ่งกันและกันอย่างแจ่มแจ้ง ดังนั้นบางครั้งการร่วมมือกันกลับสะดวกและเหมาะสมยิ่งกว่า

พญายมไท่ซานหวังต่ง

ทนายอันพ่นควัน เขี่ยบุหรี่ และตกอยู่ในห้วงความคิด อิ๋งโกวทิ้งของเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่รู้ว่าสะสมมานานแค่ไหนและพาเถ้าแก่ลงไปท่องนรกมารอบหนึ่ง นี่มันเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ หรือว่าเขามีจุดประสงค์แอบแฝงกันนะ แม้ท่าทางของอิ๋งโกวจะดูเหมือนไม่ใช่ประเภทที่ชอบใช้สมองสักเท่าไรก็ตาม

“ช่างเถอะๆ ค่อยว่ากัน ไว้ว่ากัน เสร็จเรื่องหนึ่งแล้วต้องให้พักหายใจหน่อย”

ทนายอันไม่กล้าบีบบังคับเถ้าแก่ของเขาหนักแล้ว เพิ่งจะเลื่อนขั้นเป็นผู้จับกุมป้ายทองจะต้องให้เขาเป็นปลาเค็มไปสักพักหนึ่ง เติมพลังชีวิตสักหน่อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล