ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 668

สรุปบท ตอนที่ 668 เกิดเรื่องแล้ว: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 668 เกิดเรื่องแล้ว – ตอนที่ต้องอ่านของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนนี้ของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 668 เกิดเรื่องแล้ว จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 668 เกิดเรื่องแล้ว

หลังจากกลุ่มของโจวเจ๋อเดินออกมา หมอแก่ได้ประคองพยาบาลคู่หูของตัวเองไปที่เตียงเพื่อให้เธอพักผ่อนดีๆสภาพจิตใจของพยาบาลหญิงยังไม่สู้ดี มีความเป็นไปได้สูงที่อาจจะเป็นไข้ แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่

จากนั้นตัวเขาเองจึงเลื่อนเก้าอี้มาตัวหนึ่ง นั่งลงหน้าประตูคลินิก หยิบบุหรี่ยี่ห้ออวี้ซีออกมาหนึ่งมวนแล้วจุดมันพ่นควันบุหรี่ออกมา หลานสาวของเขาชอบดูละครอเมริกัน เขาเองก็ไม่ใช่คนหัวโบราณ ช่วงวันหยุดฤดูร้อนครั้งที่แล้วดูละครอเมริกันเป็นเพื่อนหลานสาวที่กลับมาบ้านอยู่หลายเรื่อง และมักจะรู้สึกว่าพล็อตเรื่องมากมายของละครอเมริกันไม่ค่อยสมจริงเท่าไร

แต่วันนี้เขารู้สึกว่าตัวเองได้เจอฉากในละครเรื่องหนึ่ง คิดแล้วก็ส่ายหน้า หรี่ตา เขาไม่ได้ไปแจ้งความ เมื่อสูบบุหรี่เสร็จแล้วจึงเดินกลับเข้าไปข้างใน ชงน้ำชา พลางมองเงินสองปึกที่วางอยู่บนโต๊ะ ปึกหนึ่งเป็นเงินหยวน อีกปึกหนึ่งเป็นเงินกระดาษ และไม่รู้ว่าทำไม เขาจึงนำเงินหยวนโยนใส่ในลิ้นชัก แต่กลับหยิบซองจดหมายออกมาหนึ่งซอง ยัดเงินกระดาษทั้งปึกเข้าไปในนั้น จากนั้นนำไปในใส่ตู้เซฟใบเล็กที่อยู่ใต้โต๊ะทำงานแล้วล็อกอย่างดี

ตัวเขาเองรู้สึกว่าการกระทำของตัวเองช่างน่าขำ เมื่อทำเสร็จแล้ว เขาจึงนั่งบนเก้าอี้ของตัวเอง หยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย แล้วดื่มน้ำชา

“เกาเต๋อแมปส์จะช่วยนำทางให้ท่านต่อไป ฉันชื่อหลินจื้อหลิง กรุณาระวังการขับรถของท่าน อย่าขับรถขณะเหนื่อยล้านะคะ”

“อะไรนะ ไปหรงเฉิง” ทนายอันตะโกนพูดด้วยความตกใจอยู่บ้าง

“ใช่ แม่น้ำฝูหนานอยู่หรงเฉิงไม่ใช่เหรอ” โจวเจ๋อพูดอย่างสมเหตุสมผล

เขาจะไปแม่น้ำฝูหนานที่หรงเฉิง ตามหาร่องรอยการมีอยู่ของเขาคนนั้น

“ไม่ใช่นะ เถ้าแก่ คุณจะไปทำไม หรือว่าได้รักษาสัญญาอะไรไว้” ทนายอันไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี และมองดูทุกคนที่อยู่ในรถตอนนี้ หากจะพูดว่าเป็นแก๊งนักเลงเสเพลก็ไม่เกินจริง เพราะแต่ละคนเหมือนทหารที่แพ้รบสภาพยับเยิน

“ไปดูหน่อย วนสักหนึ่งรอบแล้วค่อยกลับ หาไม่เจอก็ไม่เป็นไร ไม่ว่ายังไงก็ออกมาแล้ว ถือโอกาสจัดการธุระให้เสร็จ หลังจากกลับทงเฉิงในช่วงระยะเวลาสั้นๆ นี้ผมไม่อยากออกมาแล้วจริงๆ” โจวเจ๋อยื่นมือไปนอกหน้าต่างแล้วเขี่ยบุหรี่ในมือ

นี่คือรถตู้คันหนึ่ง เขานั่งตรงตำแหน่งข้างคนขับ หญิงสาวตัวดำกับสวี่ชิงหล่างสองคนนอนอยู่เบาะหลัง ทนายอันนั่งอยู่ตรงกลาง ทนายอันพอจะเข้าใจความคิดของโจวเจ๋ออยู่บ้าง ไม่ว่าอย่างไรยูนนานกับเสฉวนก็อยู่ติดกัน มุ่งหน้าไปหรงเฉิงจัดการธุระให้เรียบร้อย หาไม่เจอก็ไม่เป็นไร แค่ลองทำพอเป็นพิธี

แต่ปัญหาอยู่ตรงนี้ หาให้เจอนั้นหายาก แต่ถ้าหากหาเจอล่ะ สุนัขเฝ้าบ้านรุ่นก่อนเมื่อได้เจอสุนัขเฝ้าบ้านรุ่นปัจจุบันจะเสียดสีกันเกิดประกายไฟเป็นแบบไหน และไม่ได้มีแค่ประกายไฟเท่านั้น นี่คือกะจะเผาคนให้ตายตกไปด้วยกัน!

ทนายอันไม่เชื่อว่าโจวเจ๋อที่เป็นสุนัขเฝ้าบ้านจะไม่เข้าใจความอ้อมค้อมที่อยู่ในนี้ และด้วยเหตุนี้ ทนายอันถึงไม่เข้าใจการตัดสินใจของเถ้าแก่ตัวเอง ทั้งๆ ที่รู้ว่ามีเสือก็ยังเลือกจะเดินทางนี้ นี่ไม่ใช่สไตล์ของเถ้าแก่ เถ้าแก่เมื่อรู้ว่ามีเสือแน่แท้ เช่นนั้นจะไม่ไปเด็ดขาด!

โจวเจ๋อบิดขี้เกียจ ก้มมองหน้าอกของตัวเองโดยไม่รู้ตัว พลางเอ่ยว่า “ผมตัดสินใจแล้ว”

ได้เลย อย่างนั้นก็ไม่มีอะไรต้องพูดอีก

หัวหน้าออกคำสั่งสุดท้ายแล้ว ทนายอันถอนหายใจยาว แต่ในดวงตายังเปล่งแสงแวววาวแวบหนึ่ง เขามองโจวเจ๋อ รีบคิดถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง หรือว่า ดังนั้นเถ้าแก่ทั้งที่รู้ว่าอันตราย แต่ก็ยังเป็นฝ่ายไปหาเขาคนนั้นใช่ไหม

เพียงแต่ ในเมื่อเถ้าแก่ไม่ได้พูดให้ชัดเจน ทนายอันจึงไม่อยากถามให้ละเอียด เขาแค่อยากเกาะขาเพื่อให้ได้เลื่อนตำแหน่ง วิชาไม่น่าสนใจจะเป็นฮั่วกวง[1]ได้อย่างไร

ฮวาหูเตียวนอนหมอบอยู่บนไหล่ของโจวเจ๋อตลอดเวลา หลังจากผ่านความตื่นตกใจและลนลานมาได้ระยะหนึ่งแล้ว มันจึงเงียบสงบลงอย่างรวดเร็ว และมันดูเหมือนจะชอบนอนติดกับโจวเจ๋อเป็นอย่างมาก ดังนั้นตอนที่อยู่บนรถ มันจึงหมอบนิ่งอยู่ตรงนั้นแล้วนอนหลับ

อิงอิงตั้งใจขับรถตลอดทาง หลังจากเถ้าแก่บอกจุดหมายปลายทางแล้ว เธอรีบหยิบโทรศัพท์ใช้จีพีเอสนำทางทันที ไม่พูดมากเหมือนทนายอัน

ทนายอันลองคิดวนหลายตลบแล้วพูดว่า “อย่างนั้นพวกเราต้องไปหาจริงๆ ใช่ไหม” ทนายอันต้องการยืนยันอีกครั้ง

“ในเมื่อไปแล้ว ทำแบบลวกๆ คงไม่ดี ลองหาดูสักหน่อย เผื่อจะโชคดี” โจวเจ๋อกล่าว

ทนายอันพยักหน้า หยิบน้ำเปล่าที่อยู่ข้างตัวขึ้นมาบิดฝาแล้วดื่มหนึ่งที “แม่น้ำฝูหนานใช่ไหม ผมพอจำได้”

“อ้อ ไหนเล่าสิ”

“แม่น้ำฝูหนานจริงๆ แล้วไม่ได้ชื่อแม่น้ำฝูหนาน มันชื่อแม่น้ำจิ่นเจียง เป็นแม่น้ำสองสายที่ไหลผ่านหรงเฉิง ชื่อแม่น้ำฝูกับแม่น้ำหนาน ไหลมาอยู่ที่วงแหวนนั้นแล้วมาบรรจบกัน หลักการเรียกแม่น้ำฝูหนานเพิ่งปรากฎในยุค 92 รัฐบาลหรงเฉิงตั้งชื่อให้ตอนนั้น แต่หลังจากปีสองพันได้เปลี่ยนชื่อเป็นแม่น้ำจิ่นเจียง ดังนั้นช่วงเวลาที่มันชื่อแม่น้ำฝูหนานจึงสั้นมาก ทว่าใช้พูดในแบบทางการเท่านั้น คนท้องถิ่นมีวิธีเรียกเป็นของตัวเอง เพียงแต่ไม่ใช่ตัวอักษรที่เป็นลายลักษณ์อักษรและภาษาที่ใช้ทางราชการ พูดถึงแม่น้ำฝูหนาน ก็ต้องพูดถึงเรื่องหนึ่งด้วย และเรื่องนั้นกับคนนั้นที่เถ้าแก่อยากตามหา มีความเกี่ยวข้องกันบางอย่าง”

“เรื่องอะไร” โจวเจ๋อถาม

“เหตุการณ์ผีดิบ”

โจวเจ๋อ ‘ อ้อ’ หนึ่งที เห็นได้ชัดว่าเขาเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน

อิงอิงขับรถต่อไปอย่างตั้งใจ เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน หญิงสาวตัวดำกับสวี่ชิงหล่างทยอยกันตื่นขึ้นมา สภาพของทั้งสองคนไม่ดีเลย แต่ไม่อันตรายถึงชีวิต แค่ต้องพักผ่อนเท่านั้น ทว่าปัญหาเกิดขึ้นหลังเที่ยงคืน บนทางหลวงมณฑลที่ตัดผ่านภูเขา จู่ๆ รถตู้ก็เครื่องดับขึ้นมา ดูเหมือนจะเป็นปัญหาที่เครื่องยนต์ ทำอย่างไรก็สตาร์ทไม่ติด

ที่นี่ห่างจากหรงเฉิงอีกสองกิโลเมตร จะว่าไกลก็ไม่ไกล แต่อยากอาศัยการเดินเท้านั้นเป็นไปไม่ได้ ทนายอันจึงออกข้อเสนอให้ทิ้งรถ จากนั้น ‘ยืม’ รถที่ขับผ่านมาไปหรงเฉิง

โจวเจ๋อเห็นด้วย ไม่ว่าอย่างไรดึกดื่นเที่ยงคืนต้องอยู่ที่เขตชานเมืองไร้ผู้คนแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไร บังเอิญรอได้ไม่นาน มีรถบรรทุกขนาดกลางคันหนึ่งขับผ่านมาพอดี ไม่ทันรอให้ทนายอันเดินไปโบกรถ รถบรรทุกคันนั้นกลับผ่อนความเร็วลงอย่างไม่น่าเชื่อ

คนขับรถหัวล้านวัยกลางคนชะโงกศีรษะออกมา มองโจวเจ๋อและคนอื่นที่อยู่ข้างถนน พลางถามว่า “จะติดรถไปด้วยไหม” คิดไม่ถึงว่าจะเจอคนใจดีแถวนี้ แถมยังเป็นฝ่ายถามว่าอยากติดรถไปด้วยไหม

ทว่าคนนี้จะมีเจตนาอย่างอื่นไหม ไม่ใช่เรื่องที่โจวเจ๋อและคนอื่นต้องกังวล คนขับรถคนนี้ถ้าหากมีเจตนาอย่างอื่นเช่นนั้นคงเจอแจ็กพอตใหญ่จริงๆ

หลังจากนั่งบนที่ว่างหลังรถบรรทุกแล้ว ทันใดนั้นโจวเจ๋อกลับรู้สึกเห็นใจคนขับรถคนนี้ คนขับรถที่ขับรถบรรทุกทางไกลมักจะมีความเชื่อและข้อห้ามบางอย่าง แต่คนนี้กลับใจดี เรียกผีดิบสามตัวขึ้นรถตอนดึกดื่นเที่ยงคืน

ในความเป็นจริงนั้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะตัวเขาเป็นฝ่ายหยุดรถเรียกคนอื่นให้ขึ้นรถเอง ตอนนี้อาจจะถูกแก๊งผีดิบและผี ‘ปล้น’ ไปแล้วก็เป็นได้ แต่ใครจะไปรู้ยังไม่ทันให้โจวเจ๋อและคนอื่นเห็นใจเขาเสร็จ คนขับรถคนนี้หลังจากเห็นทุกคนขึ้นรถแล้ว เขาไม่ได้รีบไปนั่งที่ห้องคนขับทันที แต่เดินมายื่นบุหรี่ให้ทนายอันกับโจวเจ๋อที่อยู่ข้างหลัง แล้วพูดอย่างปลงอนิจจังว่า “พวกคุณเป็นคณะศิลปะกายกรรมคนพิการใช่ไหม เฮ้อ ทุกคนใช้ชีวิตไม่ง่ายเลย พวกคุณสุดยอดมาก ผมนับถือ!”

“…” โจวเจ๋อ

“…” ทนายอัน

แต่จะทำอย่างไรได้ โจวเจ๋อกับทนายอันเหลือแขนเพียงข้างเดียว สวี่ชิงหล่างก็ร่างกายอ่อนแอ หญิงสาวตัวดำต้องอาศัยการหมอบคลาน เหมือนเป็นคณะศิลปะกายกรรมคนพิการจริงๆ ไม่ใช่เหรอ

คนขับรถหัวเราะเหอะๆ พลางมองอิงอิงที่อยู่ด้านข้าง เหมือนจะนึกถึงลูกสาวของตัวเอง จึงพูดด้วยความเห็นใจว่า “เฮ้อ สาวสวยคนนี้น่าจะเป็นใบ้หูหนวกใช่ไหม ปกติผู้หญิงหูหนวกเป็นใบ้จะหน้าตาดี เหมือนประโยคนั้นพูดว่าอะไรนะ สวรรค์ปิดประตูและปิดหน้าต่าง”

“…” อิงอิง

……………………………………………………………………….

[1] ฮั่วกวง เป็นขุนนางที่ฮั่นอู่ตี้ไว้วางพระทัยให้เป็นผู้สำเร็จราชการให้กับองค์รัชทายาทหรือฮั่นเจาตี้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล