ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 667

ตอนที่ 667 มือ เป็นเงาร่างแห่งศิลปะของฉัน

Ink Stone_Fantasy

ปากกาพิฆาตทิ่มเข้าไปในภายร่างของฮวาหูเตียว เถ้าแก่โจวก่อนหน้านี้ได้ลองคลำแล้ว ผิวหนังส่วนนี้มีความหนามากที่สุด ฮวาหูเตียวส่งเสียงร้องออกมาเสียงดัง ตัวสั่นเทิ้ม และอาจจะเป็นเพราะความเจ็บปวดที่รุนแรงเกินไปร่างกายของฮวาหูเตียวจึงเริ่มสั่นอย่างแรง

ถึงแม้ปากกาพิฆาตจะไม่ยาวมาก และก็ไม่ถึงกับหนามากเท่าไร แต่เมื่อเทียบกับหนวดปลายแหลมสามเส้นนั้นกลับมีความรุนแรงและซาบซ่านมากกว่าเยอะ

‘กรึกๆ…’ เสียงแตกหักดังติดต่อกัน หนวดสามเส้นที่แทงทะลุโจวเจ๋อกับฮวาหูเตียวหักแล้ว ฮวาหูเตียวหลุดออกจากโจวเจ๋อในที่สุด และทะยานหลบออกไปในวินาทีต่อมา ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางความมืด

ถึงแม้เด็กผู้ชายจะนั่งอยู่ตรงหน้าโจวเจ๋อมาตลอด คอยจับตาดูสถานการณ์ที่นี่อย่างตั้งใจ แต่ตอนที่ฮวาหูเตียวหลุดออกไป เขากลับห้ามไม่ทันเหมือนเดิม

เจ้าตัวนั้นแทบจะใช้ความสามารถทั้งหมดไปกับเรื่องความเร็ว เด็กผู้ชายเดินมาข้างกายโจวเจ๋อ อิงอิงเดินมาอยู่อีกข้างหนึ่ง ทั้งสองคนคอยปกป้องโจวเจ๋ออยู่

โจวเจ๋อไม่ได้กังวลอะไร ร่างของเขาถึงแม้จะเสียหาย แต่ภายในได้รับการเติมเต็มอย่างเปี่ยมล้น ก่อนหน้านี้เขาถูกเถาวัลย์ร่างมนุษย์กับฮวาหูเตียวแกล้งไปแกล้งมา นั่นเป็นเพราะเขาอ่อนแรงเกินไป แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน

ฮวาหูเตียวจะต้องอยู่แถวนี้แน่นอน ไม่ว่าอย่างไรที่นี่ก็เป็นรังของมัน ถึงแม้ก้อนหินสีเขียวพวกนั้นจะถูกโจวเจ๋อสูบจนแห้งแล้ว แต่อากาศภายในที่คละคลุ้งไปด้วยเจตนาฆ่าที่ชัดเจนบอกทุกคนว่าในร้านหนังสือว่า มันนิสัยไม่ดีอยู่เล็กน้อยอาจจะเป็นเพราะตั้งแต่ตอนที่เกิดมา เจ้าฮวาหูเตียวตัวนี้ไม่เคยได้รับการปรนนิบัติแบบนี้มาก่อน ทั้งถูกลูบหัวและถูกแทงนอกจากนี้ยังเป็นตำแหน่งนั้นอีกด้วย

แต่โจวเจ๋อไม่ได้เครียดอะไร ช่วงเวลาที่ผ่านมาเนิ่นนาน อาจจะเป็นเพราะชาติที่แล้วกลัวความจน บีบเค้นตัวเองมามากแล้ว ชาตินี้ในด้าน ‘การสะสม’ และ ‘เก็บออม’ โจวเจ๋อจึงมีความชอบที่พิเศษเหนือมนุษย์ทั่วไปจริงๆ

ถ้าหากไม่ใช่เพราะรับปากเจ้าลิงกับจิ้งจอกขาวเอาไว้ เช่นนั้นเหล่าเซียนที่อยู่ในสมุดหยินหยางโจวเจ๋อไม่คิดจะปล่อยไปเลยจริงๆ ยังดีที่ตอนนี้สวรรค์ได้มอบโอกาสให้ตัวเขาอีกครั้ง สามารถเพิ่มเติม ‘สัตว์โลก’ ที่เป็นของตัวเองได้ต่อไป เจ้าลิงน้อยเป็นลิงอยู่ตัวเดียว อยู่ในร้านหนังสือน่าจะเหงาอยู่บ้าง

‘เป๊าะ’ โจวเจ๋อดีดนิ้ว

“จี๊ดๆๆๆ!” เสียงร้องน่าสงสารดังเข้ามา ฮวาหูเตียวล้มลงตรงหน้าโจวเจ๋อโดยตรง และอยู่ในท่ากางแขนกางขา ก้นโด่งขึ้นมา โด่งสูงมาก หางของมันส่ายไปมาให้โจวเจ๋อไม่หยุด น่าสงสาร น่าน้อยใจ ไร้คนช่วยเหลือ สับสนมึนงง

น่ารักเหลือเกิน มันฉลาดมาก มันฉลาดมากเหลือเกินๆ!

แต่ก็จริง ไม่ว่าอย่างไรมันเป็นปีศาจตัวหนึ่ง ความฉลาดจึงไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน โจวเจ๋อนั่งลงยองๆ ยื่นมือของตัวเองออกไป ลูบที่ศีรษะของฮวาหูเตียว เหมือนทักทายสุนัขคอร์กี้ที่เลี้ยงไว้ในบ้านเมื่อกลับมาจากที่ทำงาน

เสียดาย มือของโจวเจ๋อตอนนี้ลูบแล้วมันต้องไม่สบายแน่ๆ มือไม่มีเนื้อก็ยังไม่ว่าอะไร แม้แต่กระดูกก็ไหม้เกรียม น่าอนาถยิ่งนัก แต่ฮวาหูเตียวกลับทำสีหน้าเพลิดเพลิน กระทั่งเป็นฝ่ายเอาศีรษะของตัวเองเข้าไปในถูในมือของโจวเจ๋อ

ไม่ว่าอย่างไร การทำแบบนี้ถึงแม้จะไม่สบาย แต่เมื่อเทียบกับความเจ็บแสบที่อยู่ด้านล่างของตัวเองแล้วมีความสบายมากกว่า

‘เพียะ!’ โจวเจ๋อตบลงไปหนึ่งที ตบจนฮวาหูเตียวรู้สึกงงงัน

“แกลองดึงปากกาด้ามนั้นออกมาด้วยตัวเอง ดูซิว่า จะทำได้ไหม” โจวเจ๋อพูดพลางยิ้มเล็กน้อย

ถ้าหากเป็นอาวุธวิเศษหรือการกักขังอย่างอื่น บางทีอาจสกัดปีศาจตัวนี้ได้ชั่วคราว แต่มีความเป็นไปได้สูงที่หากไม่ระวังเจ้าปีศาจตัวนี้ดิ้นหลุดออกมา ถึงตอนนั้นย้อนมากัดคุณถือว่าเป็นเรื่องปกติเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะตัวที่โจวเจ๋อต้องการกักขังในครั้งนี้อยู่มาตั้งแต่ยุคสถาปนาเทวดาทั้งยังเชี่ยวชาญด้านความเร็ว แต่สำหรับปากกาพิฆาต โจวเจ๋อวางใจเป็นอย่างยิ่ง ตอนแรกปากกาพิฆาตยังปราบได้แม้กระทั่งอิ๋งโกว ดังนั้นการปราบปีศาจตัวหนึ่งจึงไม่ใช่ปัญหาอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้เจ้าเตียวโง่คิดอยากจะก่อการอะไร ก็สู้ปากกาพิฆาตไม่ได้

ทนายอันมองสิ่งแปลกใหม่อย่างสนุกอยู่ข้างๆ เขาเป็นผู้ที่รู้จักใช้ของให้เกิดประโยชน์ ดังนั้นจึงรู้ดีว่าโจวเจ๋อทำเช่นนี้มีจุดประสงค์อะไร ขณะเดียวกันก็แอบชื่นชมอยู่ในใจ อย่ามองว่ายามปกติเถ้าแก่ของตัวเองขี้เกียจ แต่เมื่อเจอโอกาสที่ได้เปรียบ เขาจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด ดูสิ เจ้าตัวนั้นน่าสงสารแค่ไหน เหอะๆ

ทนายอันเหมือนจะลืมไปแล้วว่า ก่อนหน้านี้ตัวเองถูกมันตบกระเด็นออกไป

โจวเจ๋ออุ้มฮวาหูเตียวขึ้นมา แล้วตรวจสอบที่ก้นของฮวาหูเตียวเล็กน้อย แน่นอนว่า เถ้าแก่โจวไม่ว่างมากถึงขั้นจิ้มรูตูดของมัน ตำแหน่งที่ปากกาปักเข้าไปจริงๆ แล้วเป็นส่วนของก้นที่มีเนื้อเยอะ ซึ่งก็คือแก้มก้น ไม่นึกเลยว่าจะไม่มีเลือดไหล ทันใดนั้นโจวเจ๋อจึงวางฮวาหูเตียวไว้ที่ไหล่ของตัวเอง ฮวาหูเตียวเกาะอยู่บนไหล่ของโจวเจ๋อแน่น ราวกับยอมรับชะตากรรม ขอแค่ไม่ทำให้มันเจ็บ มันก็ไม่มีขีดจำกัดต่ำสุดใดๆ เลยสักนิด

“บอกลาบ้านของแกซะ” เนื่องจากมันกลัวเจ็บ กลับทำให้หลายอย่างไม่ต้องพูดเยอะ แค่จับตัวไปก็พอ แถมยังสะดวกอีกด้วย

นอกจากนี้เจ้าตัวนี้ก็ยังเด็ก ความคิดความอ่านไร้เดียงสา เกลียดหรือรักแสดงออกอย่างชัดเจน ถึงแม้ก่อนหน้านี้มันจะทำร้ายคนของร้านหนังสือสองสามคนก็ตาม แต่พวกเขากลับเกลียดมันไม่ลง

“ไปกันเถอะ”

ยูนนานเจ็ดสีสันแห่งนี้ เถ้าแก่โจวไม่กล้าอยู่ต่อจริงๆ ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดเรื่องแผลงๆ อะไรกับตัวเองอีก หาเรื่องไม่ได้ยังหลบได้ใช่ไหมล่ะ ทุกคนขึ้นรถ ผลปรากฏว่าเกิดเหตุการณ์ที่น่ากระอักกระอ่วนอย่างหนึ่ง เหล่าสวี่กำลังสลบอยู่ ส่วนโจวเจ๋อกับทนายอันตอนนี้ก็รับบทเอี้ยก้วยมีแขนข้างเดียว แล้วใครจะขับรถ

สุดท้ายอิงอิงจึงเป็นคนขับรถเอง อิงอิงจริงๆ แล้วสอบได้ใบขับขี่มานานแล้ว แต่ด้วยความพิเศษของเธอ โจวเจ๋อจึงไม่อนุญาตให้เธอขับรถบนท้องถนนมาตลอด

ไม่ว่าอย่างไร คนทั่วไปถึงแม้จะชอบหัวร้อนเวลาขับรถ ก็มักจะใจเย็นไม่ถือสาปล่อยให้ผ่านไป เป็นห่วงว่าตัวเองจะได้รับบาดเจ็บ ทว่าอิงอิงไม่เหมือนกัน อย่ามองว่าเธอนิสัยดีเรียบร้อยมากเวลาอยู่ในร้านหนังสือ แต่พออยู่ข้างนอก อิงอิงเย็นชายิ่งนัก

ถ้าหากเจอคนที่ชอบขับปาดหน้าหรือผ่าไฟแดงไม่ทำตามกฎจราจร มีความเป็นไปได้สูงที่อิงอิงจะโต้กลับไปภายใต้ขอบเขตของกฎจราจร ไม่ว่าอย่างไรเธอเกิดอุบัติเหตุก็ไม่เป็นอะไร

ในที่สุดก็ได้ขับรถบนถนนใหญ่แล้ว อิงอิงดีใจมาก โจวเจ๋อที่นั่งตรงตำแหน่งข้างคนขับอดไม่ได้ที่จะเตือนเธอสองสามประโยค ถึงแม้อิงอิงจะขับรถอย่างระมัดระวัง ตลอดทางเมื่อเจอไฟแดงจอด ตอนไฟเขียวขับข้ามทางม้าลายยังมองซ้ายแลขวา ปฏิบัติตามกฎระเบียบของโรงเรียนขับรถอย่างเคร่งครัด แต่ผู้ชายก็เป็นอย่างนี้ มักจะรู้สึกว่าผู้หญิงของตัวเองยังไม่โต

“เถ้าแก่ ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” อิงอิงมองโจวเจ๋ออย่างน้อยใจเล็กน้อย

“ผมแค่เผื่อไว้ อีกอย่าง…”

“เถ้าแก่ ครั้งที่แล้วจำได้ว่าตอนที่ท่านขับรถ ก็ขับรถของคนอื่นพลิกคว่ำนะเจ้าคะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล