ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 666

ตอนที่ 666 ฉันไม่เชื่อ!

โจวเจ๋อรู้สึกจริงๆ ว่าร่างกายของตัวเองกลายเป็น ‘ตะแกรง’ ไปแล้ว และไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองสามารถดื่มน้ำไปพลางรดน้ำต้นไม้ไปพลางได้หรือเปล่า ตั้งแต่ที่เข้ามายูนนาน ร่างกายนี้ถูกซ่อมแซมมาตลอด ถ้าหากระหว่างทางไม่ได้รับการบำรุงจากชุ่ยฮวาเอ๋อร์ เขาอาจจะตายไปแล้วจริงๆ แน่นอนว่าตอนนี้ก็ไม่ได้ดีเด่อะไร

และที่น่าสับสนจนใจที่สุดคือ เดิมทีเขาสามารถอาศัยการดูดซับพิษผีดิบเพื่อฟื้นฟูได้ในช่วงเวลาก่อนหน้านั้น แต่ใครจะไปรู้ว่าจะถูกคนผู้นั้นสกัดกั้นแล้วเอาไปเองโดยไม่พูดอะไรสักคำ

คุณอยากจะโกรธเขาก็ไม่ทำไม่ได้ เพราะเขายังไม่ตื่นขึ้นมา แต่ความเปลี่ยนแปลงนี้ เท่ากับการเตะโจวเจ๋อแรงๆสองทีทั้งที่เดิมทียืนอยู่ตรงหน้าผาอยู่แล้ว ยังดีที่เถ้าแก่โจวได้รับการ ‘เลื่อนขั้น’ ท่ามกลางการโจมตีอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ตอนนี้จะถูกเถาวัลย์ร่างมนุษย์แทงทะลุอีกครั้ง เขาก็ยังสามารถนิ่งเฉยได้ ความรู้สึกที่พระพุทธเจ้าแล่เนื้อให้นกอินทรีน่าจะเป็นแบบนี้ ชินชา ไม่เป็นไร ดังนั้นจึงสามารถมองกายเนื้อได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ว่าเป็นแค่ผิวหนังที่เน่าเหม็นไม่ใช่เหรอ

แต่หลังจากเห็นดวงตากลมโตที่มีน้ำตาเอ่อคู่นั้นอยู่ตรงหน้าตัวเองแล้ว โจวเจ๋อจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกในที่สุด เมื่อเทียบกับเถาวัลย์ร่างมนุษย์ที่ตามวอแวไม่หยุด เจ้าตัวนี้คือสิ่งที่รับมือยากที่สุดต่างหาก ถ้าหากมันถูกควบคุม เหตุการณ์ในที่แห่งนี้ก็น่าจะถูกควบคุมได้เช่นกัน

สวี่ชิงหล่างที่อยู่ข้างๆ สลบไปแล้ว อาการบาดเจ็บของเขาสาหัสเกินไป อิงอิงกับเด็กผู้ชายกลับรุดเข้ามาด้วยความรวดเร็ว อิงอิงดึงเถาวัลย์ร่างมนุษย์อย่างไม่ลังเล เริ่มดึงมันออกไปข้างนอกอย่างดื้อๆ

เด็กผู้ชายอยู่อีกด้านหนึ่ง พยายามแยกการเชื่อมต่อระหว่างเถาวัลย์ออกจากกัน หญิงสาวตัวดำสลบอยู่บนพื้นช่วยอะไรไม่ได้ แต่มีผีดิบที่มีพลังไร้ขีดจำกัดสองตัวคอยช่วยอยู่ที่นี่ สามารถทำลายได้ทุกอย่าง มีหรือไม่มีหญิงสาวตัวดำจึงไม่แตกต่างกันมากนัก

ทนายอันไม่สนใจที่จะดูผู้บาดเจ็บ เดินไปข้างๆ ชี้ไปที่ฮวาหูเตียวตัวนั้นแล้วพูดว่า “รื้อที่อื่น พื้นที่เขตนี้ ตรงนี้ เห็นไหม เถ้าแก่กับเจ้าเตียวตัวนั้นถูกเสียบอยู่กับเถาวัลย์สามเส้นอย่าเพิ่งไปยุ่งกับพวกมัน”

เถาวัลย์ร่างมนุษย์เหมือนปลิงดูดเลือดตัวหนึ่งเกาะอยู่บนตัวของโจวเจ๋อกับฮวาหูเตียวอย่างเหนียวแน่น แต่อยู่ต่อหน้าพลังมหาศาลของผีดิบสองตัวนี้ ก็สามารถดึงออกได้ทีละนิด

ความเจ็บปวดที่อยู่ในนี้ ไม่ต้องพูดให้มากความ แต่เถ้าแก่โจวได้แต่อดทนต่อไป และในระหว่างขั้นตอนนี้ อิงอิงกับเด็กผู้ชายได้แบ่งสมาธิไปที่ตัวของฮวาหูเตียวอยู่ไม่น้อย นี่คือระเบิดเวลาดีๆ นี่เอง พอระเบิดทุกคนก็จบเห่

จนถึงสุดท้าย อิงอิงกับเด็กผู้ชายจึงเริ่มใช้ฟันกัดเถาวัลย์โดยตรง กัดไปพลางเคี้ยวไปพลาง จากนั้นจึงกลืนลงไป ทันใดนั้นจึงเพิ่มความเร็วมากขึ้น รอจนกระทั่งเถาวัลย์ร่างมนุษย์ถูกกัดแยกออกจากบนตัวของโจวเจ๋อในท้ายที่สุด ใบหน้าของอิงอิงกับเด็กผู้ชายแสดงความรู้สึกว่ายังไม่หนำใจอย่างชัดเจน

“เจ้ากินให้หมด อย่าสิ้นเปลือง” อิงอิงชี้ไปยังเถาวัลย์ที่ร่วงเกลื่อนอยู่บนพื้น เด็กผู้ชายพยักหน้าอย่างเงียบๆ นั่งลงยองๆ เก็บเถาวัลย์ที่ร่วงเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นขึ้นมาใส่ปากตัวเอง แล้วเคี้ยวเหมือนกับกินอ้อยต่อไป

นี่เป็นของดี ควรทราบว่าเถาวัลย์นี้ก่อนหน้านั้นได้ดูดซับพิษผีดิบปริมาณมหาศาลตอนอยู่ในร่างกายของโจวเจ๋อ และเมื่อผ่านการคัดกรองจากตัวมันเองแล้ว จึงกลายเป็นว่ากินไปแล้วไม่ต้องกลัวว่าจะขาดสติ

อิงอิงเข้ามาใกล้โจวเจ๋อ สายตาจ้องมองไปที่ฮวาหูเตียวตัวนั้นที่อยู่ตรงหน้าโจวเจ๋อ ใบหน้าของฮวาหูเตียวเต็มไปความน้อยใจ ท่าทางบอบบางน่าสงสารไร้คนช่วยเหลือ ไม่ว่าใครที่ได้เห็นก็ต้องสงสาร

แต่ความน่ากลัวของสิ่งมีชีวิตนี้ อิงอิงได้เจอมากับตัวแล้ว เธอรู้สึกไม่ชอบใจต่อสิ่งใดก็ตามที่มีพฤติกรรมทำร้ายเถ้าแก่ของตัวเองแม้แต่น้อย

เวลานี้เหลือหนวดปลายแหลมคมสามเส้นที่เชื่อมต่ออยู่กับโจวเจ๋อและฮวาหูเตียว ฮวาหูเตียวถ้าอยากจะหลุดพ้นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ความเร็วของมันและพลังโจมตีของมัน มากพอที่จะทำให้มันมีความได้เปรียบอย่างชัดเจนต่อหน้าทุกคนในร้านหนังสือตอนนี้ แต่มันกลัวเจ็บ หากตัวมันถอนออกเองจะเจ็บมาก มันกลัว!

เมื่อครู่ตอนที่เด็กผู้ชายกับอิงอิงดึงเถาวัลย์ให้โจวเจ๋อ ร่างของโจวเจ๋อได้สั่นสะท้านอย่างช่วยไม่ได้ นี่ย่อมเชื่อมต่อไปยังปลายแหลมคมสามเส้นนั้นด้วย ส่งผลโดยตรงกับฮวาหูเตียวทำให้มันตัวสั่นไปด้วย น้ำตาเป็นประกายเลยทีเดียว

เวลานี้ โจวเจ๋อยื่นนิ้วของตัวเองวางบนปลายแหลมคมระหว่างทั้งสองคน แล้วดีดเบาๆ ปลายแหลมคมสั่นสะเทือน โจวเจ๋อสูดลมเย็นเข้าปาก ซี้ดๆๆ เจ็บจริงๆ

“จี๊ดๆๆๆ!!!!” ฮวาหูเตียวร้องขึ้นมาโดยตรง จากนั้นจึงกลั้นเสียงสะอึกสะอื้น มันกลัวเจ็บจริงๆ กลัวถึงขั้นสุดขีด!

ร้องไห้โฮ เหมือนเด็กน้อยที่กลัวเข็มฉีดยา แต่ก็จริง เหล่าเซียนที่อยู่ในป่าเก่าแก่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือก็ต้องต่อสู้จากชั้นต่ำสุดออกมาทีละก้าว ใครไม่เคยถูกคนกัดจนเจ็บไปทั้งตัวบ้าง แต่ฮวาหูเตียวกับพวกมันกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อย่างแรก มันน่าจะเด็กมาก ไม่รู้ว่าใครนำมันมาผนึกอยู่ในผนังสีเขียวนี้ อย่างที่สองความเร็วที่น่ากลัวของมัน มากพอที่จะทำให้มันหลบการโจมตีส่วนใหญ่ของคู่ต่อสู้ได้

ในความเป็นจริงนั้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะเถาวัลย์ร่างมนุษย์ขึ้นมาเร็วเกินไป บวกกับความบังเอิญสุดโต่งหลายอย่าง ถ้าอยากจะทำให้เจ้าเตียวโง่ตัวนี้บาดเจ็บถือว่ายากมาก โจวเจ๋อเหยียดนิ้วออกไป เข้าไปใกล้ปลายแหลมคมนั่น

“ฮือๆๆๆๆ…” ฮวาหูเตียวทำปากจู๋ มองโจวเจ๋อตาละห้อย ไร้ซึ่งกลิ่นอายความร้ายกาจของปีศาจใหญ่ มีแต่ความน่ารักและขอร้องอย่างน่าสงสาร ซึ่งทำให้โจวเจ๋อเห็นแล้วมีความสุข เดี๋ยวนี้แม้แต่ปีศาจใหญ่ก็ยังต้องเสแสร้งเล่นละครใช่ไหม

ทนายอันที่อยู่ข้างๆ เห็นฉากนี้ พลางพูดตำหนิในใจว่า ‘ไม่แปลกใจเลยที่สนิทกับคุณขนาดนี้!’

โจวเจ๋อหัวเราะ จากนั้นสะกิดไปโดนแผล ปลายแหลมคมเริ่มสั่น ฮวาหูเตียวก็เจ็บจนน้ำตาไหลไม่หยุด มันไม่ง่ายเลยกว่าโจวเจ๋อจะหุบรอยยิ้มได้ เขาใช้มือข้างหนึ่งดึงก้นของฮวาหูเตียว มือสัมผัสแล้วรู้สึกเหมือนก้นของสุนัขคอร์กี้ เวลาที่แตะต้องมันสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนถึงความตัวสั่นของฮวาหูเตียว ตัวนุ่มมาก โจวเจ๋อยังคงลูบเล่นต่อไป ฮวาหูเตียวหายใจ ‘ฮู่วๆๆๆ’

เสียดายตอนนี้ร่างของทั้งสองคนถูกเสียบอยู่กับปลายแหลมคมสามเส้น จึงจัดการไม่สะดวก ไม่อย่างนั้นโจวเจ๋ออยากที่จะตรวจสอบจริงๆ ว่าเจ้าตัวนี้เป็นตัวผู้หรือตัวเมีย

โจวเจ๋ออุ้มมันพลางหมุนตัว แต่ใต้เท้ากลับลอยขึ้น อิงอิงหูตาไวกว่า รีบประคองเถ้าแก่ของตัวเองทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล