สรุปตอน ตอนที่ 68 เจ้าลิงพูดจาเหลวไหล – จากเรื่อง ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet
ตอน ตอนที่ 68 เจ้าลิงพูดจาเหลวไหล ของนิยายActionเรื่องดัง ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 68 เจ้าลิงพูดจาเหลวไหล
ฝู่จวินหรือ
นี่ไม่ใช่คำเรียกขานของตัวเองแน่นอน หนังสือรับรองของโจวเจ๋อ คอลัมน์แรกเขียนชื่อของตัวเอง ส่วนคอลัมน์ที่สองระบุหน้าที่อย่างชัดเจนว่า ‘ยมทูตชั่วคราว’
และนี่เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นฉายาแสดงความเคารพอย่างหนึ่ง อย่างเช่นประชาชนของสาธารณรีฐจีนเห็นทหารก็เรียกว่าเหล่าจ่ง ถ้าหากยมทูตชั่วคราวถูกเรียกว่าฝู่จวิน เช่นนั้นชื่อเรียกไพเราะแบบนี้ ถูกนำมาใช้ในนรกอย่างสุรุ่ยสุร่ายและไม่มีค่าเกินไปหรือเปล่า
ดังนั้น ปัญหาก็น่าจะอยู่ที่สมุดเล่มเล็กที่ตัวเองเพิ่งจะได้รับในตอนนี้
หนังสือรับรองเล่มนี้เมื่อก่อนเคยมีเจ้าของ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะถูกโจวเจ๋อ ‘นำมาใช้ใหม่’ แต่มันน่าจะมีข้อมูลของเจ้าของคนเก่าหลงเหลืออยู่บ้าง
อย่างไรก็ตาม ตัวเองได้ของที่สุดยอดอันหนึ่ง และได้มาแบบไม่ต้องออกแรงใดๆ อย่างสิ้นเชิง
แน่นอนว่า ตอนนี้โจวเจ๋อไม่มีเวลาแอบดีใจหรือเปิดขวดไวน์เพื่อเฉลิมฉลอง ตรงกันข้ามในใจกลับรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย อย่างไรเสียก็ไม่ได้ต่อสู้กับพี่ลิงเวอร์ชันอัปลักษณ์นี้
ในเมื่อคู่ต่อสู้กลัวแล้ว โจวเจ๋อแน่นอนคงไม่ไร้คุณธรรมถึงขนาดนั่งลงยองๆ แล้วคะยั้นคะยอให้คู่ต่อสู้เปลี่ยนใจลุกขึ้นมาอย่างมั่นใจแล้วต่อยตัวเองๆๆ!
ในเมื่อเป็นการเข้าใจผิดที่สวยงาม เช่นนั้นก็ปล่อยให้ความเข้าใจผิดนี้ดำเนินต่อไป
โจวเจ๋อเดินเข้าหาเจ้าลิงอย่างเงียบๆ มือหนึ่งไพล่หลัง อันที่จริงเขากำลังเลียนแบบท่าทางของสาวน้อยโลลิ เมื่อรู้ตัวเพื่อทำให้ความเข้าใจผิดของอีกฝ่ายยาวนานขึ้น
เมื่อเดินไปอยู่ตรงหน้าของอีกฝ่าย เจ้าลิงยังโขกศีรษะไม่หยุด กะโหลกของมันน่าจะถูกคนควักออกไป ข้างในว่างเปล่า อันที่จริงทั้งเนื้อทั้งตัวของมันยกเว้นส่วน****ที่ยังมีคุณภาพดีอยู่ ส่วนที่เหลือล้วนเน่าเปื่อยและเสียหายเป็นอย่างมาก
โจวเจ๋อยื่นมือข้างหนึ่งออกไป แตะเล็บไปที่ตรงกลางระหว่างคิ้วของอีกฝ่าย
“เอาวิญญาณเลือดของแก มาให้ฉัน” โจวเจ๋อเอ่ยพูดเบาๆ
“ข้าน้อยยินดีทำตามคำสั่งของท่านฝู่จวิน”
เจ้าลิงมีสีหน้าหวาดกลัว ยอมศิโรราบทั้งกายและใจ จากนั้นไส้เดือนสีดำตัวหนึ่งได้ปรากฏออกมาจากตรงกลางระหว่างคิ้ว
โจวเจ๋อใช้เล็บจิกไส้เดือนนั่นแล้วเริ่มดึงออกมา ไส้เดือนยิ่งดึงยิ่งยาวและหนามากขึ้นเรื่อยๆ
ตอนแรกสวี่ชิงหล่างเคยแนะนำให้โจวเจ๋อเก็บวิญญาณเลือดของไป๋อิงอิง แบบนี้ก็เท่ากับได้ควบคุมประตูชีวิตของไป๋อิงอิงแล้ว ตอนนี้โจวเจ๋อเตรียมจะใช้วิธีเดียวกัน โดยอาศัยช่วงที่เจ้าลิงตัวนี้ตื่นตระหนกเพื่อควบคุมอีกฝ่ายได้อย่างสิ้นเชิง
แต่วิญญาณเลือดของเจ้าลิงตัวนี้ ทั้งหนาและใหญ่มากจริงๆ ซึ่งเป็นการอธิบายความน่ากลัวของเจ้าลิงตัวนี้ในอีกแง่หนึ่ง
และในเมือง ทำไมจู่ๆ ถึงมีลิงตัวนี้โผล่ออกมา
และในเวลานี้เอง วิญญาณเลือดกลับติดขัด โจวเจ๋อใช้แรงดึงแต่กลับดึงไม่ได้
เดิมทีเจ้าลิงที่มีสีหน้าหวาดกลัวก็ตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นสายตาของมันดูชัดเจนมากขึ้น!
ท่านฝู่จวินผู้สูงส่งอยากจะได้วิญญาณเลือดของตัวเอง นี่คือเกียรติของมัน และตัวเองก็ไม่สามารถขัดคำสั่งได้ แต่ท่านฝู่จวินผู้สูงส่งเหตุใดถึงดึงวิญญาณเลือดของตัวเองอย่างลำบากมาก
ทันใดนั้นเจ้าลิงจึงแยกเขี้ยว คำรามเสียงดังออกมา จากนั้นใช้กรงเล็บตะปบไปที่โจวเจ๋อโดยตรง
โจวเจ๋อรู้สึกเหมือนตัวเองถูกรถบรรทุกชน แต่ขณะที่ร่างกายกำลังลอยออกไป เล็บของเขาได้ออกแรงในขณะเดียวกันแล้วดึงวิญญาณเลือดของอีกฝ่ายจนขาดออก
“เสียงกระแทกดังครืน…”
โจวเจ๋อกระแทกกระจกที่อยู่ข้างหลัง ทั้งตัวล้มลงไปท่ามกลางเศษกระจกเหล่านั้น จากนั้นเงยหน้าขึ้น หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง มีเลือดสดไหลออกมาจากมุมปาก ทั้งเนื้อทั้งตัวเจ็บปวดสุดขีด
“ให้ตายเถอะ ท่านไม่ใช่ท่านฝู่จวิน! ท่านมันเลว กล้าสวมรอยท่านฝู่จวิน!”
เจ้าลิงเริ่มบ้าคลั่ง ถึงแม้วิญญาณเลือดจะไม่ถูกโจวเจ๋อดึงออกมาทั้งหมด แต่เนื่องจากโจวเจ๋อทำขาด ถึงแม้จะไม่ทำให้มันตายทันที แต่ก็มากพอที่จะทำลายรากฐานการบำเพ็ญเพียรของมัน
โจวเจ๋อพยายามใช้แรง ยันตัวลุกขึ้นมา ทั้งตัวของเขามีรอยเศษกระจกบาดเต็มไปหมด สภาพดูไม่ได้อย่างเห็นได้ชัด
ทว่าเวลานี้เจ้าลิงตัวนั้นกลับอาละวาดเหมือนกับสัตว์ร้ายก็ไม่ปาน กระโจนเข้าหาโจวเจ๋อโดยตรง
“ปั่ก!”
หนึ่งคนหนึ่งลิงกระแทกเข้าด้วยกัน เพียงแต่พลังของเจ้าลิงในครั้งนี้ลดกว่าครั้งที่แล้วเยอะมาก หนึ่งคนหนึ่งลิงพันพัวกันนัวเนีย กลิ้งไปบนพื้นสองสามรอบติดต่อกัน
“นี่คือโชคชะตาของข้า และเป็นผลกรรมของข้า สวรรค์อนุญาต เป็นหนี้ต้องชดใช้ คือหลักการอันเปลี่ยนแปลงมิได้! ท่านเป็นแค่ยมทูตตัวเล็กๆ ทำไมต้องมาห้าม ท่านคิดว่าตัวเองเป็นพระยมทั้งสิบจริงๆ เหรอ”
โจวเจ๋อไม่ตอบ แต่ใช้เล็บของตัวเองทิ่มไปที่ร่างกายของเจ้าลิง น้ำหนองที่อยู่ภายในร่างกายของเจ้าลิงระเหยออกมาด้านนอกไม่หยุด และกลิ่นนั้น ถึงแม้คุณจะใส่หน้ากากป้องกันพิษคาดว่าจะไร้ประโยชน์
ในที่สุดหลังจากต่อสู้กันไปยกหนึ่งแล้ว ร่างกายของเจ้าลิงก็สูญเสียพละกำลังไปทันที ล้มลงไปอีกด้านหนึ่ง ส่วนโจวเจ๋อก็ลุกขึ้นมาอย่างโซซัดโซเซ เล็บทั้งสิบนิ้วของเขาถูกกัดกร่อนไปกว่าครึ่ง
เขาเป็นคนที่รักเล็บมากคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าชาติที่แล้วจะต้องจับมีดผ่าตัดก็ตาม เขาก็ตัดเล็บของตัวเองเป็นประจำ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงเล็บในชาตินี้ ที่มีความสำคัญต่อตัวเองเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงยิ่งต้องรักและทะนุถนอมอย่างเห็นค่า
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเล็กคิดน้อย โจวเจ๋อรู้สึกกลัวอยู่ในใจอยู่บ้าง ถ้าหากไม่ใช่เพราะใช้หนังสือรับรองในมือของตัวเองหลอกลวงอีกฝ่าย เพื่อให้ตัวเองได้วิญญาณเลือดของอีกฝ่ายก่อน การปะทะในครั้งนี้ คนที่ต้องไปนอนบนพื้นน่าจะเป็นตัวเองมากกว่า
นี่ไม่ใช่ผี นี่เป็นปีศาจตนหนึ่ง
โจวเจ๋อด่าตัวเองอยู่ในใจหลายรอบ ตัวเองทำไมต้องตามขึ้นมา จนเกือบขุดหลุมฝังตัวเอง
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนอย่างหนึ่ง เขาถูกกระตุ้นให้ทำสิ่งต่างๆ โดยไม่คำนึงถึงผลเสียที่ตามมา ภายใต้ความรู้สึกแห่งคุณธรรมและจิตสำนึกที่ดี แต่หลังจากนั้นมักจะเสียใจเป็นอย่างมาก รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโง่
โจวเจ๋อรู้สึกว่าตัวเอง ในครั้งหน้า หากเจอเรื่องแบบนี้อีก ควรจะโทรเรียกลุงตำรวจ ให้พวกเขามาจัดการ แล้วตัวเองก็ออกไปอย่างสบายใจ
แม่นางไป๋วนเวียนอยู่ในเมืองทงเฉิงสองร้อยปี สาวน้อยโลลิ ก็ทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้ไม่ใช่เหรอ
จากนั้นจึงส่ายหน้า สลัดความคิดสับสนวุ่นวายที่อยู่ในหัวออกไป โจวเจ๋อมองดูเจ้าลิงที่อยู่ข้างกาย
เป็นมุมมองที่เห็นแก่ตัวมาก และบิดเบือนแบบ** แต่เหตุผลก็เป็นแบบนี้ ทุกคนมีจุดยืนที่ไม่เหมือนกัน มุมมองในการมองเรื่องราวจึงแตกต่างกันเป็นธรรมดา
หนำซ้ำโจวเจ๋อรู้สึกว่าไม่ว่าอย่างไร เด็กที่อยู่ในท้องของผู้หญิงตั้งครรภ์คนนี้ก็เป็นผู้บริสุทธิ์
“แกเจ็บมากใช่ไหม ฉันจะช่วยให้แกหลุดพ้นเอง จากนั้นก็จะลองดูว่า สามารถส่งวิญญาณของแกไปลงนรกได้หรือเปล่า”
“ขอบ…” เจ้าลิงพูดคำสุดท้ายออกมา
เล็บมือของโจวเจ๋อทิ่มเข้าไปในร่างกายของเจ้าลิงอีกครั้ง
ร่างกายของเจ้าลิงสั่นสะท้าน จากนั้นก็สูญสิ้นพลังแห่งชีวิตอย่างสิ้นเชิง
แต่โจวเจ๋อค้นหาอยู่นานและรออยู่นานแล้ว กลับไม่พบจิตวิญญาณของเจ้าลิง
นี่อาจจะหมายความว่า จิตวิญญาณของเจ้าลิงแตกดับไปแล้ว เพราะว่ามันแก้แค้นไม่สำเร็จ ดังนั้นดวงวิญญาณของมันจึงลงนรกไม่ได้
พอลุกขึ้นโจวเจ๋อพบว่าควันสีดำหนาชั้นหนึ่งที่อยู่รอบๆ กำลังสลายไป นี่เหมือนกับเขตแดนอย่างหนึ่ง ที่ขัดขวางการรับรู้ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในนี้จากโลกภายนอก ไม่อย่างนั้นความเคลื่อนไหวที่ตัวเองต่อสู้กับเจ้าลิงอยู่ที่นี่ คงดึงดูดคนเข้ามามากมายนานแล้ว
โจวเจ๋อแบกร่างของเจ้าลิงขึ้นมา ประคองไปที่บันไดแล้วเดินลงไปช้าๆ
ขณะเดียวกันได้กำชับตัวเองอยู่ในใจว่า ต้องจำบทเรียนในวันนี้ให้ดี ตัวเองเป็นแค่ยมทูตเท่านั้น ดูแลแค่ผี พวกภูตภูเขาและปีศาจเป็นสิ่งที่เกินขอบเขตหน้าที่ของตัวเอง
และอาศัยประโยชน์ของเวลากลางคืน โจวเจ๋อไปหยิบพลั่วที่อยู่ในห้องของคนสวน ที่อยู่ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ที่อยู่รอบนอกโรงพยาบาล มาขุดหลุมให้เจ้าลิง แล้วเอาศพของมันฝังลงไป จากนั้นตัวเองก็จัดการทำแผลอย่างง่ายๆ หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว โจวเจ๋อจึงนั่งพิงต้นไม้ใหญ่อย่างหมดแรง
เขาหยิบโทรศัพท์ที่หน้าจอแตกแต่ยังใช้งานได้ออกมา แล้วโจวเจ๋อก็ส่งข้อความให้หมอหลิน
“คนท้องคนนั้นกับลูกของเธอ รอดไหม”
ผ่านไปห้านาที หมอหลินตอบกลับมาว่า
“รอดแล้ว ปลอดภัยทั้งแม่และลูก”
โจวเจ๋อจุดบุหรี่หนึ่งมวน แล้วสูบอย่างแรงหนึ่งที ต่อจากนั้นก็สัมผัสถึงความเจ็บบริเวณปอด แล้วไอขึ้นมาอย่างรุนแรง
แต่ไม่ช้า หมอหลินก็ส่งรูปแล้วข้อความมาอีกหนึ่งบรรทัด
“แต่เป็นเด็กพิการ มีสามขา”
โจวเจ๋อดูรูปภาพที่อยู่ในโทรศัพท์ เด็กทารกที่คลอดก่อนกำหนดตัวเล็กผอมแห้งคนนั้นนอนอยู่เงียบๆ ลมหายใจสม่ำเสมอ แต่ร่างกายท่อนล่างของเขากลับมีสามขา และขาที่เพิ่มขึ้นมาข้างหนึ่ง เหมือนจะเป็นหาง…ของลิงตัวหนึ่ง
…………………………………………………………………………
[1] เจี๋ยจื่อ เป็นรอบปีในปฏิทินทางโหราศาสตร์ของจีน 1 เจี๋ยจื่อมีระยะเวลาเท่ากับ 60 ปี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล