ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 68

ตอนที่ 68 เจ้าลิงพูดจาเหลวไหล

ฝู่จวินหรือ

นี่ไม่ใช่คำเรียกขานของตัวเองแน่นอน หนังสือรับรองของโจวเจ๋อ คอลัมน์แรกเขียนชื่อของตัวเอง ส่วนคอลัมน์ที่สองระบุหน้าที่อย่างชัดเจนว่า ‘ยมทูตชั่วคราว’

และนี่เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นฉายาแสดงความเคารพอย่างหนึ่ง อย่างเช่นประชาชนของสาธารณรีฐจีนเห็นทหารก็เรียกว่าเหล่าจ่ง ถ้าหากยมทูตชั่วคราวถูกเรียกว่าฝู่จวิน เช่นนั้นชื่อเรียกไพเราะแบบนี้ ถูกนำมาใช้ในนรกอย่างสุรุ่ยสุร่ายและไม่มีค่าเกินไปหรือเปล่า

ดังนั้น ปัญหาก็น่าจะอยู่ที่สมุดเล่มเล็กที่ตัวเองเพิ่งจะได้รับในตอนนี้

หนังสือรับรองเล่มนี้เมื่อก่อนเคยมีเจ้าของ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะถูกโจวเจ๋อ ‘นำมาใช้ใหม่’ แต่มันน่าจะมีข้อมูลของเจ้าของคนเก่าหลงเหลืออยู่บ้าง

อย่างไรก็ตาม ตัวเองได้ของที่สุดยอดอันหนึ่ง และได้มาแบบไม่ต้องออกแรงใดๆ อย่างสิ้นเชิง

แน่นอนว่า ตอนนี้โจวเจ๋อไม่มีเวลาแอบดีใจหรือเปิดขวดไวน์เพื่อเฉลิมฉลอง ตรงกันข้ามในใจกลับรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย อย่างไรเสียก็ไม่ได้ต่อสู้กับพี่ลิงเวอร์ชันอัปลักษณ์นี้

ในเมื่อคู่ต่อสู้กลัวแล้ว โจวเจ๋อแน่นอนคงไม่ไร้คุณธรรมถึงขนาดนั่งลงยองๆ แล้วคะยั้นคะยอให้คู่ต่อสู้เปลี่ยนใจลุกขึ้นมาอย่างมั่นใจแล้วต่อยตัวเองๆๆ!

ในเมื่อเป็นการเข้าใจผิดที่สวยงาม เช่นนั้นก็ปล่อยให้ความเข้าใจผิดนี้ดำเนินต่อไป

โจวเจ๋อเดินเข้าหาเจ้าลิงอย่างเงียบๆ มือหนึ่งไพล่หลัง อันที่จริงเขากำลังเลียนแบบท่าทางของสาวน้อยโลลิ เมื่อรู้ตัวเพื่อทำให้ความเข้าใจผิดของอีกฝ่ายยาวนานขึ้น

เมื่อเดินไปอยู่ตรงหน้าของอีกฝ่าย เจ้าลิงยังโขกศีรษะไม่หยุด กะโหลกของมันน่าจะถูกคนควักออกไป ข้างในว่างเปล่า อันที่จริงทั้งเนื้อทั้งตัวของมันยกเว้นส่วน****ที่ยังมีคุณภาพดีอยู่ ส่วนที่เหลือล้วนเน่าเปื่อยและเสียหายเป็นอย่างมาก

โจวเจ๋อยื่นมือข้างหนึ่งออกไป แตะเล็บไปที่ตรงกลางระหว่างคิ้วของอีกฝ่าย

“เอาวิญญาณเลือดของแก มาให้ฉัน” โจวเจ๋อเอ่ยพูดเบาๆ

“ข้าน้อยยินดีทำตามคำสั่งของท่านฝู่จวิน”

เจ้าลิงมีสีหน้าหวาดกลัว ยอมศิโรราบทั้งกายและใจ จากนั้นไส้เดือนสีดำตัวหนึ่งได้ปรากฏออกมาจากตรงกลางระหว่างคิ้ว

โจวเจ๋อใช้เล็บจิกไส้เดือนนั่นแล้วเริ่มดึงออกมา ไส้เดือนยิ่งดึงยิ่งยาวและหนามากขึ้นเรื่อยๆ

ตอนแรกสวี่ชิงหล่างเคยแนะนำให้โจวเจ๋อเก็บวิญญาณเลือดของไป๋อิงอิง แบบนี้ก็เท่ากับได้ควบคุมประตูชีวิตของไป๋อิงอิงแล้ว ตอนนี้โจวเจ๋อเตรียมจะใช้วิธีเดียวกัน โดยอาศัยช่วงที่เจ้าลิงตัวนี้ตื่นตระหนกเพื่อควบคุมอีกฝ่ายได้อย่างสิ้นเชิง

แต่วิญญาณเลือดของเจ้าลิงตัวนี้ ทั้งหนาและใหญ่มากจริงๆ ซึ่งเป็นการอธิบายความน่ากลัวของเจ้าลิงตัวนี้ในอีกแง่หนึ่ง

และในเมือง ทำไมจู่ๆ ถึงมีลิงตัวนี้โผล่ออกมา

และในเวลานี้เอง วิญญาณเลือดกลับติดขัด โจวเจ๋อใช้แรงดึงแต่กลับดึงไม่ได้

เดิมทีเจ้าลิงที่มีสีหน้าหวาดกลัวก็ตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นสายตาของมันดูชัดเจนมากขึ้น!

ท่านฝู่จวินผู้สูงส่งอยากจะได้วิญญาณเลือดของตัวเอง นี่คือเกียรติของมัน และตัวเองก็ไม่สามารถขัดคำสั่งได้ แต่ท่านฝู่จวินผู้สูงส่งเหตุใดถึงดึงวิญญาณเลือดของตัวเองอย่างลำบากมาก

ทันใดนั้นเจ้าลิงจึงแยกเขี้ยว คำรามเสียงดังออกมา จากนั้นใช้กรงเล็บตะปบไปที่โจวเจ๋อโดยตรง

โจวเจ๋อรู้สึกเหมือนตัวเองถูกรถบรรทุกชน แต่ขณะที่ร่างกายกำลังลอยออกไป เล็บของเขาได้ออกแรงในขณะเดียวกันแล้วดึงวิญญาณเลือดของอีกฝ่ายจนขาดออก

“เสียงกระแทกดังครืน…”

โจวเจ๋อกระแทกกระจกที่อยู่ข้างหลัง ทั้งตัวล้มลงไปท่ามกลางเศษกระจกเหล่านั้น จากนั้นเงยหน้าขึ้น หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง มีเลือดสดไหลออกมาจากมุมปาก ทั้งเนื้อทั้งตัวเจ็บปวดสุดขีด

“ให้ตายเถอะ ท่านไม่ใช่ท่านฝู่จวิน! ท่านมันเลว กล้าสวมรอยท่านฝู่จวิน!”

เจ้าลิงเริ่มบ้าคลั่ง ถึงแม้วิญญาณเลือดจะไม่ถูกโจวเจ๋อดึงออกมาทั้งหมด แต่เนื่องจากโจวเจ๋อทำขาด ถึงแม้จะไม่ทำให้มันตายทันที แต่ก็มากพอที่จะทำลายรากฐานการบำเพ็ญเพียรของมัน

โจวเจ๋อพยายามใช้แรง ยันตัวลุกขึ้นมา ทั้งตัวของเขามีรอยเศษกระจกบาดเต็มไปหมด สภาพดูไม่ได้อย่างเห็นได้ชัด

ทว่าเวลานี้เจ้าลิงตัวนั้นกลับอาละวาดเหมือนกับสัตว์ร้ายก็ไม่ปาน กระโจนเข้าหาโจวเจ๋อโดยตรง

“ปั่ก!”

หนึ่งคนหนึ่งลิงกระแทกเข้าด้วยกัน เพียงแต่พลังของเจ้าลิงในครั้งนี้ลดกว่าครั้งที่แล้วเยอะมาก หนึ่งคนหนึ่งลิงพันพัวกันนัวเนีย กลิ้งไปบนพื้นสองสามรอบติดต่อกัน

“นี่คือโชคชะตาของข้า และเป็นผลกรรมของข้า สวรรค์อนุญาต เป็นหนี้ต้องชดใช้ คือหลักการอันเปลี่ยนแปลงมิได้! ท่านเป็นแค่ยมทูตตัวเล็กๆ ทำไมต้องมาห้าม ท่านคิดว่าตัวเองเป็นพระยมทั้งสิบจริงๆ เหรอ”

โจวเจ๋อไม่ตอบ แต่ใช้เล็บของตัวเองทิ่มไปที่ร่างกายของเจ้าลิง น้ำหนองที่อยู่ภายในร่างกายของเจ้าลิงระเหยออกมาด้านนอกไม่หยุด และกลิ่นนั้น ถึงแม้คุณจะใส่หน้ากากป้องกันพิษคาดว่าจะไร้ประโยชน์

ในที่สุดหลังจากต่อสู้กันไปยกหนึ่งแล้ว ร่างกายของเจ้าลิงก็สูญเสียพละกำลังไปทันที ล้มลงไปอีกด้านหนึ่ง ส่วนโจวเจ๋อก็ลุกขึ้นมาอย่างโซซัดโซเซ เล็บทั้งสิบนิ้วของเขาถูกกัดกร่อนไปกว่าครึ่ง

เขาเป็นคนที่รักเล็บมากคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าชาติที่แล้วจะต้องจับมีดผ่าตัดก็ตาม เขาก็ตัดเล็บของตัวเองเป็นประจำ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงเล็บในชาตินี้ ที่มีความสำคัญต่อตัวเองเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงยิ่งต้องรักและทะนุถนอมอย่างเห็นค่า

แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเล็กคิดน้อย โจวเจ๋อรู้สึกกลัวอยู่ในใจอยู่บ้าง ถ้าหากไม่ใช่เพราะใช้หนังสือรับรองในมือของตัวเองหลอกลวงอีกฝ่าย เพื่อให้ตัวเองได้วิญญาณเลือดของอีกฝ่ายก่อน การปะทะในครั้งนี้ คนที่ต้องไปนอนบนพื้นน่าจะเป็นตัวเองมากกว่า

นี่ไม่ใช่ผี นี่เป็นปีศาจตนหนึ่ง

โจวเจ๋อด่าตัวเองอยู่ในใจหลายรอบ ตัวเองทำไมต้องตามขึ้นมา จนเกือบขุดหลุมฝังตัวเอง

มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนอย่างหนึ่ง เขาถูกกระตุ้นให้ทำสิ่งต่างๆ โดยไม่คำนึงถึงผลเสียที่ตามมา ภายใต้ความรู้สึกแห่งคุณธรรมและจิตสำนึกที่ดี แต่หลังจากนั้นมักจะเสียใจเป็นอย่างมาก รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโง่

โจวเจ๋อรู้สึกว่าตัวเอง ในครั้งหน้า หากเจอเรื่องแบบนี้อีก ควรจะโทรเรียกลุงตำรวจ ให้พวกเขามาจัดการ แล้วตัวเองก็ออกไปอย่างสบายใจ

แม่นางไป๋วนเวียนอยู่ในเมืองทงเฉิงสองร้อยปี สาวน้อยโลลิ ก็ทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้ไม่ใช่เหรอ

จากนั้นจึงส่ายหน้า สลัดความคิดสับสนวุ่นวายที่อยู่ในหัวออกไป โจวเจ๋อมองดูเจ้าลิงที่อยู่ข้างกาย

เจ้าลิงอ้าปากพร้อมกับแววตาที่เริ่มขุ่นมัว ร่างกายก็เริ่มเหมือนลูกโป่งรั่ว ค่อยๆ แห้งไปอย่างช้าๆ แต่มันยังไม่ตายเพราะมันยังพูดได้

“ข้าบำเพ็ญเพียรมาสามเจี๋ยจื่อ[1] ได้รับโอกาส มีวาสนา กลายเป็นปีศาจ ค้นหาวิถีแห่งมรรค…ร่างกายที่แปลกประหลาด ได้บรรลุเซียนในโลกมนุษย์ ไม่ง่ายเลยจริงๆ”

ก่อนที่ทุกคนจะตายมักจะนึกถึงอดีตที่ผ่านมาของตัวเอง เล่าเรื่องราวในชีวิตของตัวเองว่าเก่งและลำบากแค่ไหนจิตใจของเจ้าลิงตัวนี้ จริงๆ แล้วไม่ต่างจากคนมากเท่าไร

“บำเพ็ญเพียรมาหลายปี ก็ยังควบคุมตัวเองไม่ได้” โจวเจ๋อพ่นเลือดสดออกมา ตามไรฟันของเขาล้วนเต็มไปด้วยเลือด

“หนึ่งเจี๋ยจื่อหนึ่งร่าง หนึ่งเจี๋ยจื่อสามารถกลับชาติมาเกิดได้หนึ่งครั้ง” เสียงของเจ้าลิงเริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ แต่มีเสียงกังวานมากยามที่ได้ฟัง

“ข้าหนึ่งเจี๋ยจื่อได้กลับชาติมาเกิดและบำเพ็ญเพียร ตั้งต้น เริ่มบำเพ็ญตบะ อยู่ในภูเขา คอยช่วยเหลือผู้คนที่หลงทางกลางป่า คอยขจัดปัดเป่าภูตภูเขาและผีร้ายละแวกนั้นให้กับชาวบ้านที่ไปขุดสมุนไพรตามตีนเขา ถึงแม้จะไม่มีวัดอยู่เป็นหลักแหล่ง แต่งานที่ทำคือหน้าที่ของเทพเจ้าแห่งขุนเขา คอยปกป้องชาวบ้านที่อยู่ในภูเขามารุ่นต่อรุ่น ถึงแม้ในปัจจุบัน จะมีรูปปั้นของข้าอยู่ในหมู่บ้านแห่งนั้น และยังมีตำนานเล่าขานถึงพญาวานรคอยช่วยเหลือผู้คนอยู่ในท้องถิ่นอีกด้วย”

โจวเจ๋อเอาเล็บไปเช็ดเสื้อผ้าของตัวเอง มองดูเล็บที่เสียหายดูไม่ได้ ในใจเขารู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าสำหรับสิ่งที่เจ้าลิงพูด โจวเจ๋อได้แต่หัวเราะเยาะเย็นชาให้

พญาวานร เทพเจ้าที่ปกป้องชาวบ้าน ชอบช่วยเหลือผู้คนเรอะ

แกช่วยเหลือคนมากเกินไปหรือเปล่า สามีของเธอออกไปทำงาน แกกลับช่วยดูแลภรรยาของเขาที่อยู่บ้านคนเดียวเหรอ นอกจากนี้พอลองนึกถึงเจ้านี่ ตอนที่ตัวเองเพิ่งจะขึ้นไปข้างบน เป็นเรื่องยากมากจริงๆ ที่เขาจะคิดเชื่อมโยงมันเข้ากับพญาวานร

“อย่าเล่นละครให้ตัวเองดูดีกว่า เพราะมีแต่พูดให้ตัวเองดูดีทั้งนั้น” โจวเจ๋อยกมือขึ้นใหม่ เตรียมจะจัดการกับเจ้าลิงตัวนี้

“เป็นเพราะพวกเขา ตอนที่ข้าบำเพ็ญตบะได้ถึงขั้นที่สี่ แล้วจับข้าที่เพิ่งเปลี่ยนเป็นกายเนื้อ ข้าในตอนนั้น เป็นแค่ลิงตัวเล็กๆ สามีของนางตอนนั้นเป็นช่างตัดไม้อยู่ในป่า ได้พลัดตกลงไปในหุบเขา ตอนนั้นข้าเอาผลไม้และน้ำไปให้เขาและก็เป็นข้าที่ไปยังที่พักแรมของคนพวกนั้น เพื่อเรียกพรรคพวกมาช่วยเขา แต่ตอนที่เขาได้รับการช่วยเหลือแล้ว กลับใช้เชือกสำหรับผูกไม้มัดตัวข้าไว้ แล้วพูดกับพรรคพวกของเขาว่า เจอเคราะห์ใหญ่ไม่ตายถือว่าโชคดี ได้ยินว่าสมองลิงดีมากจะลองเอาไปให้ภรรยากิน เพราะได้ผลกับคนที่มีบุตรยาก!”

ช่วงสุดท้าย เจ้าลิงพูดด้วยภาษาโบราณ เพื่อแสดงความโกรธแค้นของมัน ขณะเดียวกันก็บ่งบอกว่ามันใกล้จะตายแล้ว สติค่อยๆ พร่าเลือน จากนั้นจึงใช้วิธีการพูดที่คุ้นเคยที่สุดของตัวเอง

“เปิดกะโหลกของข้า ดึงไขกระดูกของข้า แบ่งเนื้อของข้า ให้ผู้คนได้กิน ช่วยบำรุงดีนักแล!”

ขณะที่เจ้าลิงพูด ร่างกายของมันเริ่มหดลงเท่ากับลิงธรรมดาทั่วไปและเริ่มสั่นขึ้นมา นี่คือการกัดฟันด้วยความแค้นอย่างหนึ่ง เป็นความแค้นที่หยั่งรากลึกลงไปถึงไขกระดูก!

บำเพ็ญเพียรสามเจี๋ยจื่อ สร้างบุญกุศล คอยปกป้องผู้คน แต่กลับถูกทำลายลงอย่างรวดเร็วในคืนเดียว และไม่ได้ตายเพราะศัตรูของตัวเอง แต่ตายด้วยน้ำมือของคนที่ตัวเองช่วยชีวิต หากเป็นใคร ก็คงต้องโกรธ ฟ้าดินสะเทือนเลื่อนลั่น

“กายเนื้อของข้าแตกสลาย ทางแห่งมรรคถูกทำลาย แต่ความแค้นในใจของข้ายากที่จะสงบลง! ผลกรรมของวันอื่นกลายเป็นผลกรรมในวันนี้! เมื่อข้าตายไป ข้ายินดีกลับชาติมาเกิด ยอมเกิดเป็นเดรัจฉาน แต่ความแค้นเคืองในใจของข้า ยากที่จะลดลงได้ ดวงวิญญาณไม่สามารถลงสู่นรกภูมิ จึงได้แต่ลงจากเขาตามหาศัตรู ขจัดผลกรรมเหล่านี้ เพื่อจะได้หลุดพ้นอย่างสิ้นเชิง”

“นี่ก็คือเหตุผลที่แกล่วงเกินภรรยาของเขาหรือ” โจวเจ๋อถาม

“ท่านเป็นมนุษย์ ข้าเป็นสัตว์ มนุษย์กินสัตว์เป็นอาหารคือหลักสัจธรรมอันเปลี่ยนแปลงมิได้! แต่สัตว์เดรัจฉานอย่างข้าคิดจะแก้แค้นมนุษย์สวรรค์จึงมิอาจทนได้ ใช่หรือไม่”

โจวเจ๋อลังเลเล็กน้อย แล้วจึงพยักหน้า “ใช่”

เขาไม่อยากปฏิเสธและไม่คิดที่จะปฏิเสธ

แน่นอนว่ากินสมองลิงเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เป็นการกระทำที่ผิด แต่จากความรู้สึกของโจวเจ๋อ เจ้าลิงตัวนี้ลงจากภูเขาเพื่อมาแก้แค้น จนเกือบทำลายถึงสองชีวิต โจวเจ๋อไม่สามารถรับได้

อย่างเช่นเวลาคุณเห็นคนกำลังกินหมูสามชั้นผัดซอสแดงอยู่ในร้านอาหาร คุณจะรู้สึกว่าน่าอร่อยมาก

แต่ถ้าหากคุณเห็นหมูคอกหนึ่งกำลังกัดแทะเนื้อมนุษย์ คุณในฐานะมนุษย์ จะรู้สึกอย่างไร

เป็นมุมมองที่เห็นแก่ตัวมาก และบิดเบือนแบบ** แต่เหตุผลก็เป็นแบบนี้ ทุกคนมีจุดยืนที่ไม่เหมือนกัน มุมมองในการมองเรื่องราวจึงแตกต่างกันเป็นธรรมดา

หนำซ้ำโจวเจ๋อรู้สึกว่าไม่ว่าอย่างไร เด็กที่อยู่ในท้องของผู้หญิงตั้งครรภ์คนนี้ก็เป็นผู้บริสุทธิ์

“แกเจ็บมากใช่ไหม ฉันจะช่วยให้แกหลุดพ้นเอง จากนั้นก็จะลองดูว่า สามารถส่งวิญญาณของแกไปลงนรกได้หรือเปล่า”

“ขอบ…” เจ้าลิงพูดคำสุดท้ายออกมา

เล็บมือของโจวเจ๋อทิ่มเข้าไปในร่างกายของเจ้าลิงอีกครั้ง

ร่างกายของเจ้าลิงสั่นสะท้าน จากนั้นก็สูญสิ้นพลังแห่งชีวิตอย่างสิ้นเชิง

แต่โจวเจ๋อค้นหาอยู่นานและรออยู่นานแล้ว กลับไม่พบจิตวิญญาณของเจ้าลิง

นี่อาจจะหมายความว่า จิตวิญญาณของเจ้าลิงแตกดับไปแล้ว เพราะว่ามันแก้แค้นไม่สำเร็จ ดังนั้นดวงวิญญาณของมันจึงลงนรกไม่ได้

พอลุกขึ้นโจวเจ๋อพบว่าควันสีดำหนาชั้นหนึ่งที่อยู่รอบๆ กำลังสลายไป นี่เหมือนกับเขตแดนอย่างหนึ่ง ที่ขัดขวางการรับรู้ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในนี้จากโลกภายนอก ไม่อย่างนั้นความเคลื่อนไหวที่ตัวเองต่อสู้กับเจ้าลิงอยู่ที่นี่ คงดึงดูดคนเข้ามามากมายนานแล้ว

โจวเจ๋อแบกร่างของเจ้าลิงขึ้นมา ประคองไปที่บันไดแล้วเดินลงไปช้าๆ

ขณะเดียวกันได้กำชับตัวเองอยู่ในใจว่า ต้องจำบทเรียนในวันนี้ให้ดี ตัวเองเป็นแค่ยมทูตเท่านั้น ดูแลแค่ผี พวกภูตภูเขาและปีศาจเป็นสิ่งที่เกินขอบเขตหน้าที่ของตัวเอง

และอาศัยประโยชน์ของเวลากลางคืน โจวเจ๋อไปหยิบพลั่วที่อยู่ในห้องของคนสวน ที่อยู่ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ที่อยู่รอบนอกโรงพยาบาล มาขุดหลุมให้เจ้าลิง แล้วเอาศพของมันฝังลงไป จากนั้นตัวเองก็จัดการทำแผลอย่างง่ายๆ หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว โจวเจ๋อจึงนั่งพิงต้นไม้ใหญ่อย่างหมดแรง

เขาหยิบโทรศัพท์ที่หน้าจอแตกแต่ยังใช้งานได้ออกมา แล้วโจวเจ๋อก็ส่งข้อความให้หมอหลิน

“คนท้องคนนั้นกับลูกของเธอ รอดไหม”

ผ่านไปห้านาที หมอหลินตอบกลับมาว่า

“รอดแล้ว ปลอดภัยทั้งแม่และลูก”

โจวเจ๋อจุดบุหรี่หนึ่งมวน แล้วสูบอย่างแรงหนึ่งที ต่อจากนั้นก็สัมผัสถึงความเจ็บบริเวณปอด แล้วไอขึ้นมาอย่างรุนแรง

แต่ไม่ช้า หมอหลินก็ส่งรูปแล้วข้อความมาอีกหนึ่งบรรทัด

“แต่เป็นเด็กพิการ มีสามขา”

โจวเจ๋อดูรูปภาพที่อยู่ในโทรศัพท์ เด็กทารกที่คลอดก่อนกำหนดตัวเล็กผอมแห้งคนนั้นนอนอยู่เงียบๆ ลมหายใจสม่ำเสมอ แต่ร่างกายท่อนล่างของเขากลับมีสามขา และขาที่เพิ่มขึ้นมาข้างหนึ่ง เหมือนจะเป็นหาง…ของลิงตัวหนึ่ง

…………………………………………………………………………

[1] เจี๋ยจื่อ เป็นรอบปีในปฏิทินทางโหราศาสตร์ของจีน 1 เจี๋ยจื่อมีระยะเวลาเท่ากับ 60 ปี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล