ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 724

ตอนที่ 724 ความสนิทสนมที่คาดไม่ถึง

“แอปเงินกู้ออนไลน์เหรอ” ทนายอันถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย

“อืม มีแอปเงินกู้ออนไลน์อยู่เจ็ดถึงแปดแอปได้”

“ทั้งสองต่างก็เป็นหนี้เงินกู้ออนไลน์งั้นเหรอ” โจวเจ๋อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“นี่มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่า ถึงยังไงตอนนี้นักศึกษาที่ใช้เงินกู้ออนไลน์ก็เป็นเรื่องที่พบเห็นกันบ่อยมาก แม้จะบอกว่ายุคสมัยนี้อดตายได้ยาก แต่คิดจะใช้ชีวิตหรูหราฟู่ฟ่าก็ยากมากเหมือนกัน คนหนุ่มสาวไม่น้อยเลยที่ไม่อาจต้านทานความเย้ายวนใจของการใช้จ่ายล่วงหน้าประเภทนี้ได้จริงๆ” ทนายอันพูด

“ถูกต้อง โดยเฉพาะตอนนี้ดูเหมือนว่าการชำระเงินของอาลีเพย์ล้วนเป็นบริการฮวาเปย กันทั้งนั้นแล้วละมั้ง ตอนที่ใช้จ่ายไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิดจริงๆ พอถึงเวลาต้องคืนเงินถึงได้ประหลาดใจว่าตัวเองเป็นหนี้เยอะมากมายขนาดนี้” นักพรตเฒ่าพูดสำทับอยู่ข้างๆ

“ตอนนี้ยังยืนยันไม่ได้ว่าการเสียชีวิตของพวกเขาเกี่ยวข้องกับแอปเงินกู้ออนไลน์นี้หรือเปล่า” เหล่าจางกำลังวิเคราะห์อย่างเข้มงวดและรอบคอบด้วยความเป็นมืออาชีพของตำรวจอาชญากรรมอยู่ เขาก็รู้สึกว่ามันแปลกมาก เพราะการวิเคราะห์ก่อนหน้านี้ล้วนใช้ในการจับคน แต่ตอนนี้มีไว้ใช้เพื่อจับผี

“รอให้มีผู้เสียชีวิตคนที่สามออกมาก่อน แล้วค่อยดูว่าเขาเป็นหนี้เงินกู้ออนไลน์หรือเปล่าถึงจะชัดเจนใช่ไหม” โจวเจ๋อยักไหล่พลางเอ่ย

“นี่…” เหล่าจาง

โจวเจ๋อยิ้มๆ และล้วงโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาแกว่งครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “เมื่อก่อนผมเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับ ‘ผีเรียกเข้า’ มาก่อน มีวิญญาณอะไรสักอย่างที่สามารถตอบกลับไปมาผ่านเครือข่ายหรือสัญญาณวิทยุที่คล้ายกันได้ ใช่หรือเปล่า กระทั่งว่ามันอาจจะสิงอยู่ในสถานที่ประเภทนี้ด้วย”

“หรือว่าผีตัวนี้จะสิงอยู่ในแอปเงินกู้ออนไลน์” นักพรตเฒ่าพูดไปพูดมาตัวเองยังขำพรืด จากนั้นขณะที่หัวเราะก็พบว่าทุกคนรอบตัวไม่มีใครหัวเราะเลยสักคน เขาก็เลยเลิกขำไป

“เถ้าแก่ คุณมีมุมมองที่ไม่เหมือนใครนะเนี่ย!” ทนายอัน

“…” นักพรตเฒ่า

“เป็นไปได้มาก” เหล่าจาง

นักพรตเฒ่า ‘แม่เจ้า เจ้าก็เข้าใจหรือนี่’

นี่มันประจบสอพลอหรือว่าพูดจริงๆ กันแน่เนี่ย พวกเจ้าบอกใบ้กันหน่อยสิ

นักพรตเฒ่าร้อนรนมาก

“เหล่าจาง คุณพยายามเปรียบเทียบการติดหนี้เงินกู้ออนไลน์ของทั้งสองคนมาหน่อย ดูว่ามีกี่แห่งในนั้นที่ตรงกัน แล้วค่อยตรวจสอบสถานการณ์ของบริษัทไม่กี่แห่งเหล่านั้นในเบื้องต้นอีกที พร้อมกันนั้นก็ให้คนหาข้ออ้างและเหตุผล เพื่อหาผู้บริหารของมหาวิทยาลัยหรือคนของสมาพันธ์นักศึกษามาสืบดูก่อน แล้วดูว่านักศึกษาคนไหน…” พอพูดมาถึงตรงนี้ โจวเจ๋อก็ส่ายหน้า “ช่างเถอะ นี่มันเยอะไป คุณทำเรื่องแรกให้เสร็จเรียบร้อยก็พอแล้ว” จากนั้นโจวเจ๋อก็หันไปมองทนายอันที่อยู่ข้างๆ อีกครั้ง “คุณคอยสังเกตการณ์อยู่ที่นี่อีกหน่อย ดูซิว่าจะหาเบาะแสร่องรอยอะไรเพิ่มเติมได้หรือเปล่า”

ถึงอย่างไรก็ไม่มีงานจำเพาะเจาะจงอยู่ดี แต่เมื่อพิจารณาจากความถี่และขอบเขตของผีฆ่าคนแล้ว มีแนวโน้มว่าผู้เสียชีวิตรายต่อไปจะยังอยู่ในมหาวิทยาลัยนี้

“ครับ เข้าใจแล้ว”

โจวเจ๋อมองนักพรตเฒ่าต่อ นักพรตเฒ่ายืนตัวตรงเตรียมตัวรับภารกิจของตัวเอง

“นักพรตเฒ่า”

“ครับ!”

“คุณกลับไปดูแลเจ้าลิงเถอะ”

“…” นักพรตเฒ่า

“เถ้าแก่ ยังจับผีตัวนั้นไม่ได้เลยนะแล้วข้าจะไปได้ยังไง”

“งั้นคุณก็ลาดตระเวนด้วยกันกับเหล่าอันที่นี่แล้วกัน”

“…” เหล่าอัน

“ครับ!”

เมื่อมอบหมายภารกิจเสร็จแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันไป และเนื่องจากสภาพร่างกายของโจวเจ๋อ เขาจึงทำได้เพียงใช้ไม้เท้าค้ำยันเดินไปเรื่อยเปื่อย บวกกับเขาเป็นเถ้าแก่จึงมอบหมายงานสบายๆ ให้ตัวเอง ซึ่งก็ไม่มีความผิดอะไรพอที่จะให้วิจารณ์หนักๆ ได้

หลายชั่วโมงผ่านไป อะไรที่ควรตื่นเต้นระทึกขวัญก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว ในระยะสั้นๆ นักศึกษาสองคนกระโดดตึกลงมาเสียชีวิตติดๆ กัน ผู้บริหารของมหาวิทยาลัยน่าจะเป็นคนที่ร้อนรนมากที่สุด

มันก็คล้ายกับบริษัทฝูฝูคังในตอนแรก แม้ว่าขอบข่ายของบริษัทจะใหญ่มากมาโดยตลอด แต่สิ่งที่ทำให้มันเข้ามาอยู่ในสายตาของผู้คนและเริ่มเป็นที่รู้จักของคนส่วนใหญ่จริงๆ กลับเริ่มต้นมาจากข่าวที่แพร่ออกมาว่ามีพนักงานกระโดดตึกอย่างต่อเนื่อง

นักศึกษาคนหนึ่งกระโดดตึก ยังสามารถปกปิดเพื่อลดผลกระทบจากเหตุการณ์ให้ต่ำลงได้ แต่ตอนนี้สองคนแล้ว มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าจะมีใครทำตามจนกลายเป็นรายที่สามหรือไม่ ถึงเวลานั้นหากจะบอกว่าฟ้าถล่มมหาวิทยาลัยนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินจริงเลยสักนิด

โจวเจ๋อเดินไปสักพักแล้วนั่งลงบนม้านั่งระหว่างลานสนามกับประตูใหญ่ มีรถตำรวจและรถยนต์ส่วนตัวขวักไขว่ไปมาไม่ขาดสาย อีกทั้งยังมีรถนักข่าวมาสัมภาษณ์ด้วย

แหงนหน้ามองดาวเต็มท้องฟ้า รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ตัวเองมาจับผี จับผู้ร้ายกระทำความผิด แถมยังลากสังขารเดี้ยงๆ ไม่สมบูรณ์ในตอนนี้มารักษาความสงบเรียบร้อยเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน แต่คนพวกนี้กลับขวักไขว่ไปมาไม่ทุกข์ร้อนเหมือนแมลงวันไม่มีหัว จะอยู่กันอย่างเงียบสงบให้ผีนั่นตามหาเป้าหมายคนต่อไปสักหน่อยไม่ได้หรือไง

“เฮ้อ” เสียงถอนหายใจดังมาจากด้านข้างโจวเจ๋อ ชายอายุประมาณห้าสิบปีสวมแจ็กเก็ตหนังสีดำนั่งลงบนม้านั่งข้างๆ โจวเจ๋อ

จะเห็นได้ว่า เขาก็หงุดหงิดมากเช่นกัน เขาเอามือปิดหน้าตัวเองและถูแรงๆ ขณะเดียวกันก็พูดกับตัวเองอย่างขมขื่น “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!”

ตอนแรกโจวเจ๋อไม่ได้สนใจเขา แต่หลังจากกวาดสายตามอง เขากลับพบว่าคุ้นตานิดหน่อยและจำได้ขึ้นมา รูปภาพของคนคนนี้ยังติดอยู่บนบอร์ดตรงประตูใหญ่ของมหาวิทยาลัยอยู่เลย เขาเป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ถ้าพูดกันอย่างเคร่งครัดจริงจังก็เป็นรองอธิการบดี แต่อำนาจไม่น้อยเลย จัดเป็นตำแหน่งรองที่ค่อนข้างมีอำนาจมากทีเดียว

โจวเจ๋อมีความประทับใจที่ดีต่อเขามากเชียวแหละ ครั้งก่อนที่มาในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เห็นว่าภายใต้การจัดการของรองอธิการบดีคนนี้ นักศึกษาแลกเปลี่ยนชาวต่างชาติทั้งหมดถูกจัดให้อยู่ที่หอพักเก่าทรุดโทรม แต่นักศึกษาของจีนกลับพักอยู่หอพักใหม่เอี่ยม รวมไปถึงมาตรการต่างๆ แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นผู้นำที่ดีที่เต็มใจทำเรื่องราวต่างๆ ให้นักศึกษาอย่างแน่วแน่และไม่ฉาบฉวย

“น่ารำคาญใช่ไหมครับ” โจวเจ๋อถาม

รองอธิการบดีชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วก็ตอบพลางพยักหน้าหงึกหงัก “ใช่แล้ว มันน่ารำคาญนะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล