สรุปตอน ตอนที่ 73 เพื่อนเก่าพบเจอกัน – จากเรื่อง ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet
ตอน ตอนที่ 73 เพื่อนเก่าพบเจอกัน ของนิยายActionเรื่องดัง ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 73 เพื่อนเก่าพบเจอกัน
จากนั้นก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของผู้คนจากด้านนอก
โจวเจ๋อเดิมทีนั่งยองๆ อยู่ตรงนั้นกลับนั่งลงไปบนพื้นทันที พื้นกระเบื้องเย็นอยู่บ้าง แต่สิ่งที่เย็นยิ่งกว่า ยังเป็นหัวใจของเขา
อ้อ ลืมไป ตัวเองไม่มีหัวใจแล้ว
พอเปิดเสื้อออก โจวเจ๋อพบว่าตำแหน่งที่ตัวเองถูกควักออกไปฟื้นฟูกลับมาแล้ว ใช้เวลาเพียงหนึ่งคืนเท่านั้น ก็กลับเป็นสภาพเดิมทั้งหมด
นี่ทำให้โจวเจ๋อสงสัยไม่หยุด ตัวเองถูกเวทมนตร์คาถาของอีกฝ่ายหรือเปล่า เพราะจริงๆ แล้วหัวใจของตัวเองยังอยู่
เนื่องจากเขาสัมผัสได้ว่าหัวใจเต้น ร่างกายนี้ของตัวเองยังมีชีวิตอยู่ และไม่มีปัญหาอะไร
แต่ดูเหมือนความรู้สึกบางอย่างถูกดึงออกไป
การตอบสนองโดยสัญชาตญาณเดิมของตัวเองก็ถูกยันต์สกัดไว้ เหมือนกับมีกำแพงที่มองไม่เห็นขังตัวเองเอาไว้อยู่
ตัวเองในเมื่อคืน เดิมทีจะต้องพุ่งไปอยู่ข้างกายของคนตายเหมือนกับสวี่ชิงหล่างแล้ว ถึงแม้ว่าการตอบสนองแรกของเขาจะตัดสินว่าผู้ตายได้เสียชีวิตแล้วก็ตาม แต่ความเป็นตัวเองแต่เดิม น่าจะมีปฏิกิริยาตอบสนองแบบนั้น
ก็เหมือนกับเมื่อครู่ ตอนที่สวี่ชิงหล่างตะคอกใส่ตัวเอง แต่ตัวเองกลับย้อนถามไปว่า “เกี่ยวอะไรกับฉัน”
อันที่จริงสภาพของตัวเองเมื่อคืนนี้ อย่างแรกคือฆ่าลิงตัวนั้นก่อน จากนั้นก็ถูกชายชราที่โผล่มาอย่างงงๆ ลากไปที่ร้านอาหารเพื่อกินอาหารเย็นที่ไม่เหมือนใครในโลก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่างุนงงมากอยู่แล้ว
และถึงแม้จะเป็นตอนที่คนกลุ่มนั้นเล่นผีปากกา ตัวเองสัมผัสอะไรได้ แต่ไม่สามารถแสดงการตอบสนองได้อย่างชัดเจน
ตัวเองของเมื่อคืนนี้ เดิมทีเป็นนกตกใจธนู หวาดกลัวเกินไปจนเห็นต้นไม้ใบหญ้าเป็นข้าศึกไปหมด สิ่งใดๆ ที่เรียกว่า ‘ความหวาดกลัว’ ทุกอย่างเหมือนจะใช่แต่ความจริงไม่ใช่
แน่นอนว่าเหล่านี้คือข้ออ้าง โจวเจ๋อตอนนี้เข้าใจความรู้สึกของตัวเองเป็นอย่างดีเหมือนกำลัง ‘จัดฟัน’ อยู่สามารถกินสิ่งที่คุณต้องการได้ ดื่มในสิ่งที่คุณต้องการได้เหมือนเดิม แต่เหมือนจะมีข้อจำกัดเล็กน้อย และรู้สึกไม่ค่อยสบายเท่าไร
มนุษย์ก็เป็นแบบนี้ ตอนที่คุณดวงซวยหรือเจอเรื่องบีบคั้นมากกว่านี้ ตราบใดที่ข้างหน้าของคุณยังมีความหวังอยู่ ก็จะคว้ามันไว้อย่างแนบแน่นต่อไป แล้วก้าวเดินไปตามจัวหวะเท้าของตัวเอง
โจวเจ๋อที่อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในเมื่อก่อนก็เป็นแบบนี้ และโจวเจ๋อที่อยู่ในโรงพยาบาลก็เช่นกัน
ถึงแม้จะเป็นเขาในตอนนี้ ก็ยังเหมือนเดิม
หากจะพูดให้เพราะก็คือการยืนหยัด แต่ถ้าพูดให้ไม่น่าฟัง ก็คือความตายยังไม่รู้ ใช้ชีวิตรอดไปวันๆ
เขายันสองมืออยู่บนพื้น เงยหน้าขึ้น แล้วพ่นหายใจยาว ตัวเองยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย เขาพูดอยู่ในใจตลอดเวลาว่าตัวเองจะต้องตามหาเจ้าสิ่งนั้นให้เจอโดยเร็ว จากนั้นก็จับมันแล้งส่งไปลงนรกเพื่อทำผลงาน และนี่ก็คือผลงานชิ้นใหญ่แน่นอน
แต่มีหรือที่เขาจะไม่รู้ว่า หากวันหนึ่งยังหาเจ้าสิ่งนั้นไม่เจอ เมื่อมีคนตายแล้วหนึ่งคน ก็ต้องมีคนที่สองคนที่สามไม่ใช่แน่นอน
ผีหลังจากที่ฆ่าคนได้จริงๆ แล้ว ก็จะยิ่งบ้าคลั่งมากขึ้นเรื่อยๆ การกลับเนื้อกลับตัวใหม่อย่างฉับพลัน สำหรับผีแล้วเป็นหมอกควันที่จางหายไป
และด้วยเหตุนี้ จึงมีคนจบชีวิตตัวเองด้วยวิธีแปลกๆ แบบนี้ไม่หยุด
แต่โจวเจ๋อจะคิดแบบนั้นไม่ได้ ไม่ควรใช้เหตุนี้เป็นเป้าหมายแล้วต้องมากังวล ไม่อย่างนั้นความเจ็บปวดแบบนั้นที่อยู่ตรงหัวใจจะทำให้เขาทรมานจนไม่อยากมีชีวิตอยู่
ก็เหมือนกับที่ชายชราคนนั้นพูดตอนที่อยู่บนโต๊ะอาหาร ‘คนเรา ขอเพียงไม่มีจิตสำนึก ต่อให้ดีก็ดีไม่ถึงไหน’
และในเวลานี้สายตาของเขามองไปข้างบนอย่างตกตะลึงเล็กน้อย เขามองเห็นตำแหน่งตรงเพดาน ดูเหมือนจะมีเส้นสีดำเล็ก
ทันใดนั้นโจวเจ๋อก็ตัวสั่น เขาหาเจอแล้ว เขาหาเจ้าสิ่งนั้นเจอแล้ว
มันไม่ได้เข้ามาด้วยซ้ำ เมื่อคืนก็ไม่ได้อยู่ในร้านหนังสือ มันอยู่ข้างบน สายตาของมันมองลงข้างล่าง จ้องมองทุกอย่างที่อยู่ในนี้!
กระทั่งมันยื่นมือออกมาสร้างอิทธิพลต่อปลายปากกา ใช้วิธีแบบนี้เข้ามาอยู่ในเกมทีละนิด
วิธีการที่น่าเหลือเชื่อแบบนี้ เป็นวิธีที่เหนือความเข้าใจของโจวเจ๋อ
“คราวนี้จะมีคนตายไม่ได้อีก!”
“โอ๊ย…เจ็บจังเลย…”
โจวเจ๋อเพิ่งจะลุกขึ้นก็ต้องโน้มตัวนั่งลงยองๆ อีกที
“คราวนี้ก็สามารถทำผลงานได้แล้ว”
โอเค ไม่เจ็บแล้ว จริงๆ เลย!
…
“ผู้ตายคือเฉินอี้หนง” สวี่ชิงหล่างเคี้ยวหมากฝรั่งแล้วพูดกับโจวเจ๋อที่เพิ่งเดินออกมา
“ผู้ชายที่เตรียมจะสารภาพรักเมื่อคืนเหรอ” โจวเจ๋อถาม
“ใช่ เป็นเขานั่นแหละ เมื่อครู่ผมลองไปแอบฟังพวกตำรวจ เขาน่าจะเพิ่งให้ปากคำเสร็จเหมือนกัน ใครจะรู้ว่าพอออกมาจากสถานีตำรวจก็มาโผล่อยู่ที่นี่แล้ว จากนั้นก็กระโดดตึกลงมา”
ทางตำรวจไม่ได้กำหนดชัดเจนถึงผู้ต้องสงสัย ดังนั้นหลังจากที่โจวเจ๋อกับสวี่ชิงหล่างให้ปากคำเสร็จ คนอื่นที่เหลือ หลังจากให้ปากคำเสร็จ ก็สั่งให้พวกเขากลับไป แต่มีเงื่อนไขเพียงข้อเดียวคือระยะนี้ไม่อนุญาตให้ออกไปจากเมืองทงเฉิง
“ดังนั้นพอเขาออกมาจากสถานีตำรวจก็กลับมากระโดดตึกสังเวยความรัก” โจวเจ๋อถอนหายใจหนึ่งที “นี่คือการแต่งงานที่น่ากลัวจริงๆ”
“นี่ ปากของคุณช่วยสะสมบุญหน่อยได้ไหม คนเขาก็ตายไปแล้ว” สวี่ชิงหล่างพูดกับโจวเจ๋อ
“สะสมบุญ นายต้องการสะสมบุญเหรอ ที่ฉันยังมีเงินกระดาษอยู่บ้าง หากต้องการนายก็เอาไปเผาได้” โจวเจ๋อยักไหล่
“ใช้วิธีเผาเงินกระดาษเพื่อสะสมบุญ วิธีโง่ๆ แบบนี้ไม่รู้ว่าใครเป็นคนคิดค้น คุณคิดว่าเผาเงินกระดาษแล้วจะทำให้คุณได้บุญแก้ปัญหาทุกอย่างเหรอ”
“ฟังคำพวกนี้แล้วเหมือนกับว่าเงินเป็นต้นเหตุแห่งความชั่วร้าย แล้วทำไมนายไม่ขายห้องชุดทั้งยี่สิบห้องของนายแล้วบริจาคให้สังคมสงเคราะห์ด้านการศึกษาละ”
“…” สวี่ชิงหล่าง
“ไปสถานที่หนึ่งกับฉันหน่อย” โจวเจ๋อกล่าว
“ที่ไหน”
“ไม่เป็นไรหรอก อย่างมากก็แค่ไปลงนรก ฉันเคยไปมาแล้ว คุ้นทางดี”
โจวเจ๋อเริ่มวาดอีกครั้ง จากนั้นหยิบโทรศัพท์ออกมาค้นหารอยเส้นนั้นที่อยู่ในรูปภาพ แล้วคำนวณมุมในใจต่อไปจากนั้นก็ชี้นิ้วไปที่ชั้นบนสุด “อยู่ชั้นห้า ไม่น่าจะคลาดเคลื่อนไปได้”
“นี่ อย่างน้อยคุณก็น่าจะบอกผมให้ผมพกเครื่องรางติดตัวมาด้วย!” สวี่ชิงหล่างบ่นพลางเดินตามโจวเจ๋อขึ้นไปข้างบน
“ยังจำวันที่ปราบไป๋อิงอิงคืนนั้นได้ไหม นายก็ไม่มีของขลัง จึงไม่แตกต่างกันมาก”
สวี่ชิงหล่างพูดไม่ออกทันที แล้วด่าว่า “คุณคนไม่มีหัวใจ”
โจวเจ๋อหยุดเดินทันที แล้วจึงหัวเราะ
จากนั้นทั้งสองคนก็เดินมาถึงชั้นห้าริมหน้าต่างที่อยู่สุดด้านทิศตะวันออก
ที่นี่เดิมทีเป็นสวนสนุก แต่เต็มไปด้วยฝุ่นละอองสะสม เครื่องเล่นและอุปกรณ์บางส่วนไม่ได้ถูกย้ายไปและยังคงวางอยู่ตรงนั้น เห็นได้ชัดว่าบรรยากาศรกร้างเป็นอย่างมาก
สวี่ชิงหล่างตื่นเต้นเล็กน้อย ส่วนโจวเจ๋อกลับเดินไปข้างหน้าต่ออย่างช้าๆ
น่าจะเป็นตำแหน่งนี้แหละ
ทันใดนั้น โจวเจ๋อก็หยุดอยู่ตรงเครื่องเล่นเบาะลมอันหนึ่ง
“อ้าว ไม่เจอกันนานเลย!” เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากข้างหลังของเบาะลม โจวเจ๋อเงยหน้า มองเห็นนักพรตเฒ่าสวมชุดนักพรตที่สกปรกไปทั้งตัวกระโดดลงมา
“พี่น้อง ไม่เจอกันนานเลย คิดถึงนายจริงๆ นะ มาๆๆ คืนนี้พวกเรามาดื่มเหล้ากัน ข้าเลี้ยงเจ้า ใช้หนี้คืนที่เจ้าเลี้ยงข้าครั้งที่แล้ว” ชายชราเดินเข้ามาทักทายโจวเจ๋อ
และในเวลานี้ สวี่ชิงหล่างใช้สองมือกดเข้าหากันทันที “สวรรค์และโลกไร้ขอบเขต ใจลึกล้ำคือธรรมะ!” จากนั้นกัดนิ้วชี้ของตัวเองแล้วแตะไปที่ตำแหน่งตรงกลางระหว่างคิ้วของนักพรตเฒ่า
ท่าทางรวดเร็วมาก เร็วมากจนตามไม่ทัน
แต่ฉากต่อจากนี้ทำให้สวี่ชิงหล่างต้องตกใจ ดูเหมือนนักพรตเฒ่าจะไม่เป็นไรแล้วกระพริบตาใส่สวี่ชิงหล่างสองทีพร้อมกับเอ่ยว่า “เจ้าหนุ่มอ้อนแอ้นสติไม่ดีหรือเปล่า หรือว่านี่คือธรรมเนียมของพวกเจ้า ตอนที่เจอหน้าชอบทักทายกัน เอาเลือดมาทาหน้าของคนอื่น พ่อหนุ่มคนนี้เล่นสนุกยิ่งกว่าเทศกาลสาดน้ำของเผ่าไตอีก! มาๆๆ ข้าจะสอนธรรมเนียมของพวกเราให้เจ้าเหมือนกัน”
ขณะพูดนักพรตเฒ่าก็ใช้มือเกาเป้ากางเกงของตัวเอง เหมือนจะทักทายสวี่ชิงหล่างกลับด้วยความเคารพ
แต่ในเวลานี้เอง โจวเจ๋อพลันยื่นมือออกไป เล็บยาวออกมา จากนั้นก็บีบคอของนักพรตเฒ่าโดยตรง
ในมือของนักพรตเฒ่าที่เพิ่งแตะเป้ากางเกงเมื่อครู่ ก็ไม่รู้ว่ามีกระดาษยันต์สีเหลืองสดใสใบหนึ่งโผล่มาตั้งแต่ตอนไหน แล้วมองโจวเจ๋อด้วยสีหน้าประหลาดใจ “แม่งเอ้ย…เจ้าเร็วกว่า…ข้า…”
สายตาของโจวเจ๋อกวาดมองกระดาษยันต์ใบนั้นหนึ่งที จากนั้นจึงออกแรงไปที่เล็บ นักพรตเฒ่าเหมือนกับคนถูกไฟฟ้าช็อตไปทั้งตัว สุดท้ายก็ถูกโจวเจ๋อผลักออกไปเบาๆ จนนักพรตเฒ่ากลิ้งไปกับพื้นสองสามรอบ
โจวเจ๋อไม่สนใจนักพรตเฒ่าที่ล้มกลิ้งอยู่บนพื้น จากนั้นเขาก็กระโดดผ่านเบาะลมทันที
ด้านหลังของเบาะลม มีคนๆ หนึ่งนอนอยู่ เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล
หาเจอแล้ว อยู่ที่นี่นี่เอง
…………………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล