ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 730

สรุปบท ตอนที่ 730 งื้อ เถ้าแก่อ่า~: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

อ่านสรุป ตอนที่ 730 งื้อ เถ้าแก่อ่า~ จาก ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 730 งื้อ เถ้าแก่อ่า~ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 730 งื้อ เถ้าแก่อ่า~

เอ่ยพูดยังไม่ทันจบประโยค โจวเจ๋อก็คร้านจะสนใจเจ้าโง่แล้ว แต่พูดตามตรงก็ไม่ได้โกรธอะไรมาก เมื่อคิดว่าเขาหลับใหลไปนานพอสมควร เพิ่งจะตื่นมาเมื่อไม่กี่วันนี้เอง ชีวิตที่ไม่มีเขาดูขาดรสชาติไปไม่น้อยจริงๆ บางครั้งมีอารมณ์มาพูดพล่ามอะไรสักสองสามประโยค ยิ่งไปกว่านั้นเขาอัดอั้นมานานมากก็ต้องปล่อยให้เขาพูดพล่ามสักหน่อยใช่ไหมล่ะ เกิดอัดอั้นจนเกิดปัญหาทางจิตใจขึ้นมาอีก คนที่ต้องทนทุกข์ทรมานในท้ายที่สุดก็เป็นตัวโจวเจ๋อเองอยู่ดี

‘จะ…ออก…เดินทาง…เมื่อไร…’

‘ไปเสฉวนใช่ไหม’ โจวเจ๋อครุ่นคิดแล้วเอ่ยต่อ ‘ต้องรอให้ลูกบุญธรรมของผมรักษาแขนให้หายดี แล้วผมค่อยเอามาต่อแขนของผมให้เสร็จก่อนละมั้ง’

‘เจ้า…มอบ…อักขระ…ให้…เขา…แล้ว…’

‘ให้แค่อันเดียว’

‘วิชา…ของ…ข้า…เจ้า…ให้…ผู้อื่น…ตาม…อำเภอ…ใจ…แล้ว…ไป…เรียน…รู้…ขยะ…พวกนั้น…หรือ’

‘เขาน่ะเรียบง่าย ระดับต่ำ หยาบคาย เรียนรู้ง่ายดี ของคุณน่ะสูงเทพเกินไป เรียนไม่ไหว’

มองขาดเรื่องนับหมื่นพัน เว้นเพียงเรื่องประจบสอพลอ

คุณเพิ่งตื่นจะไม่ปีนเกลียวใส่คุณตลอดเวลาแล้วกัน

‘เจ้า…นึก…ว่า…ข้า…ชอบ…ฟัง…คำพูด…ประเภท…นี้…หรือ’

‘ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ผมรู้ว่าคุณจะต้องไม่…’

‘ชอบ…ฟัง…จริงๆ…นั่น…แหละ…’

‘…’ โจวเจ๋อ

“เจ้า…เรียนรู้…วิชา…ของ…เขา…ได้…”

‘คุณไม่โกรธหรือไง’

มันก็คล้ายกับสำนักหนึ่ง ศิษย์ที่หลอกลวงอาจารย์กำจัดบรรพบุรุษได้สร้างเคล็ดวิชาขึ้น ศิษย์รุ่นหลังไม่สะดวกใจเรียนรู้วิชานี้แน่นอน ไม่อย่างนั้นจะหมายความว่าอย่างไร

ถึงแม้จะรู้ว่าวิชานี้ดี แต่ก็ไม่อาจเรียนรู้ ไม่ได้มีเพียงแค่ในวงการราชการเท่านั้นที่เน้นความถูกต้องทางการเมือง

‘แต่…ไม่…ได้…เรียน…กัน…อย่าง…นี้…’

‘คุณจะสอนผมเหรอ’

โจวเจ๋อยิ้มๆ พร้อมกับจุดบุหรี่ แต่ยังไม่ทันจะได้สูบ จู่ๆ เสียงก็ดังมาจากก้นบึ้งหัวใจ “ได้…”

‘วืด!’

‘เชี่ย แก!’

ก่อนที่โจวเจ๋อจะทันได้ตั้งตัว รู้สึกว่าสมองของตัวเองเต็มไปด้วยอารมณ์เชิงลบทันที ทั้งความหวาดกลัว คำสาปแช่ง ความขยะแขยง ความเกลียดชัง… กลิ่นอายพลังด้านลบมากมายเริ่มระบายพรั่งพรูออกมา ตอนนี้เองโจวเจ๋อถึงได้รู้ตัวว่าเจ้างั่งปากกาพิฆาตไม่ได้อยู่ในร่างของตัวเอง แต่ดันอยู่ในบั้นท้ายของฮวาหูเตียว

เมื่อปราศจากการสยบของเจ้างั่ง ช่วงระยะห่างระหว่างเขาและโจวเจ๋อใกล้เกินไปแล้ว ใกล้เกินไปแล้วจริงๆ!

‘คลั่ง…จาก…ร่าง…กาย…หา…ใช่…เจต…จำ…นง…’

เส้นเลือดปูดโปนบนแขนของโจวเจ๋อ เสื้อผ้าบนร่างกายที่เพิ่งเปลี่ยนหลังจากอาบน้ำเริ่มถูกพลังแกร่งฉีกเป็นชิ้นๆ อักขระบนหน้าอกเริ่มผุดออกมาให้เห็น ในแววตาถูกประกายสีแดงฉานปกคลุมอย่างสมบูรณ์ แฝงไปด้วยพลังกดข่มมหาศาล!

เซลล์ทั้งหมดในร่างกาย กระดูกทุกตารางนิ้ว ราวกับจะรวมตัวกันโห่ร้อง คล้ายกับมีดคมกริบที่ลับคมมานานหลายปี แทบรอไม่ไหวที่จะหลุดออกจากฝัก!

นักพรตเฒ่าอุ้มเจ้าลิงน้อยไว้ในอ้อมแขนกำลังป้อนนมให้มัน แน่นอนว่าไม่ได้ป้อนนมของนักพรตเฒ่า แต่เป็นนมเปรี้ยวที่ตั้งใจซื้อมา เจ้าลิงน้อยดื่มอย่างช้าๆ กระหม่อมเล็กๆ พิงข้อศอกของนักพรตเฒ่า ปู่หลานทั้งสองสงบสุขมาก

“เจ้านี่น้า คราวหน้าอย่าทำอย่างนี้อีกนะ หาเรื่องปวดหัวใส่ตัวน่าเบื่อจะตาย”

“เจี๊ยก…เจี๊ยกๆๆ!!!!!!!!” ทันใดนั้นเจ้าลิงน้อยก็ร้องอย่างกระวนกระวาย นัยน์ตาฉายแววตื่นตระหนก

“ให้ตายสิ เจ้าเป็นอะไร เป็นอะไรไปอีกล่ะเนี่ย!”

นักพรตเฒ่าไม่รู้ตัวจริงๆ แต่ความอ่อนไหวตามธรรมชาติของเจ้าลิงน้อยกลับทำให้มันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันบ้าคลั่งและดุร้ายที่ปะทุขึ้นมาจากใต้ฝ่าเท้าของตัวเองอย่างกะทันหัน ขนของเจ้าลิงลุกชูชันไปทั่วทั้งตัวทันที!

“ขอบใจนะที่ช่วยดูแลเขาแทนผม” ทนายอันเอ่ยขอบคุณสาวน้อยโลลิ

สาวน้อยโลลิไม่ได้ตอบอะไร เธอคร้านจะเอ่ยอะไรที่เป็นพิธีรีตอง ส่วนเด็กชายนอนลืมตาอยู่บนเตียง ไม่พูดอะไรเช่นกัน ทนายอันรู้สึกว่าอยู่ในห้องของตัวเอง ข้างเตียงของตัวเอง แต่ตัวเองดูเหมือนจะเป็นส่วนเกิน!

ทันใดนั้นเอง เด็กชายจ้องเขม็ง แล้วผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียง เผยสีหน้าหวาดผวาออกมา ขณะเดียวกัน ร่างของเขาก็เริ่มสั่นสะท้าน เป็นการสั่นเทาจริงๆ เขากำลังหวาดกลัว เขากำลังตื่นตระหนก พลังกดข่มที่ถึงแม้เขาจะแอบซ่อนแต่มันกลับถูกประทับอยู่ในส่วนลึกของสายเลือดได้โจมตีเขาล้มลงในชั่วพริบตา!

เขาเพิ่งฟื้นตัวจากการบาดเจ็บสาหัส พลังและจิตวิญญาณยังอยู่ในระยะพักฟื้น พอเป็นแบบนี้ขึ้นมา สีหน้าก็ซีดเซียวลงถนัดตา สาวน้อยโลลิก็รู้สึกหดหู่อย่างมากเช่นกัน ราวกับว่าฝ่าเท้าของตัวเองกำลังยืนอยู่บนสัตว์ร้ายจากนรก!

ทนายอันตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบเปิดประตูพุ่งลงบันไดไปทันที เมื่อเขายืนอยู่บนปากบันไดแล้วมองลงมาข้างล่าง พลันกระโดดขึ้นด้วยความโมโหทันที ทว่าคำว่า ‘คุณบ้าไปแล้ว’ กลับไม่กล้าพูดออกจากปากตรงๆ แต่ในใจนั้นไม่เข้าใจจริงๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีการรุกรานจากศัตรูภายนอกแท้ๆ และไม่มีเหตุการณ์อะไร คุณอยู่บ้านแล้วจะใช้วิชาอู๋ซวงทำไมล่ะเนี่ย

สายตาของโจวเจ๋อเริ่มกวาดมองอย่างช้าๆ แววตาสงบนิ่งยังหลงเหลือสีแดงจางๆ และสีแดงนี้ก็กำลังจางหายไปอย่างต่อเนื่อง แต่ความคุกคามกดดันกลับกดทับลงมาราวกับขุนเขา!

ทนายอันเผยรอยยิ้มแข็งค้างบนใบหน้าและพูดว่า “เถ้าแก่ คุณหล่อจัง…”

อิงอิงที่อุ้มเสื้อผ้าออกมาจากห้องน้ำเผยสีหน้าประหลาดใจ แต่กลับไม่หวาดกลัวเลยสักนิด เพียงแค่มองเถ้าแก่ของเธออย่างเป็นห่วงเล็กน้อยแล้วถามว่า “เถ้าแก่ ท่านไม่สบายหรือเจ้าคะ”

สายตาของโจวเจ๋อตกอยู่ที่ร่างอิงอิง ชั่วขณะหนึ่ง ความคุกคามกดดันที่ทำให้ทนายอันรู้สึกหวาดกลัวเปลี่ยนไปเช่นกัน

งื้อ~~

เถ้าแก่อ่า~~

“ชา!” โจวเจ๋อฝืนข่มเสียงสั่นไหวของตัวเองและเอ่ยพูด

“เจ้าค่ะ เถ้าแก่” อิงอิงก็ข่มการพลุ่งพล่านของสายลือดในร่างกายตัวเองเช่นกัน เมื่อเดินไปถึงด้านหลังเคาน์เตอร์ก็เริ่มชงชา งานที่เดิมทีทำเป็นประจำในทุกๆ วัน กลับทำผิดๆ ถูกๆ ในเวลานี้เสียได้ เทน้ำหกข้างนอกหลายต่อหลายครั้ง

ในที่สุดก็เทใส่ถ้วยชาเรียบร้อยแล้ว อิงอิงสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะยกถ้วยชาเดินมาด้านหน้าโจวเจ๋อ แล้วยื่นถ้วยชาให้ โจวเจ๋อยื่นมือออกไป แขนยังสั่นเทาไม่หยุด ตอนนี้มือข้างนี้มีพละกำลังที่สามารถบดแท่งเหล็กเป็นเสี่ยงๆ ได้ แต่กลับไม่กล้าแตะต้องถ้วยชาที่อยู่ตรงหน้า

อิงอิงยกถ้วยชารออยู่อย่างนั้น รอจนกว่าเถ้าแก่ของเธอจะรับถ้วยชาไป เถ้าแก่ไม่รับ เธอก็ได้แต่รออย่างนิ่งเฉย

การตอบสนองร่วมของสายเลือดดังและการกดข่มจากสายเลือดระดับที่เหนือกว่า ทำให้หน้าอกของอิงอิงกระเพื่อมเป็นระยะๆ กระทั่งคิดไม่ถึงว่าจะมีเลือดฝาดบนใบหน้า เธอเป็นผีดิบ แต่ท่ามกลางความไม่รู้เนื้อรู้ตัว เธอได้เปลี่ยนไปจนคล้ายกับมนุษย์ขึ้นไปทุกทีแล้ว

‘ยัง…ไม่…ได้…อีก…หรือ…’

สีแดงในดวงตาของโจวเจ๋อไม่เพียงแต่ไม่มีแนวโน้มลดลงเลย กระทั่งยังรู้สึกเหมือนจะกลายเป็นสีแดงเข้มขึ้นไปอีกครั้ง!

แต่มือข้างนี้ก็ยังไม่กล้าจับถ้วยชาถ้วยนี้เลยจริงๆ

“เถ้าแก่ ท่านคอแห้งมากไหมเจ้าคะ” อิงอิงถาม

“คอแห้ง…” โจวเจ๋อเอ่ยด้วยความยากลำบาก

อิงอิงได้ยินดังนั้นรีบก้มหน้าลงทันที ดื่มน้ำชาในถ้วยเข้าปาก แล้วเขย่งปลายเท้าประกบริมผีปากกับโจวเจ๋อ น้ำชาถูกป้อนเข้าไป

รสชาติหนงฟูสปริง[1]…

มันเตือนให้โจวเจ๋อนึกถึงความรู้สึกขณะนั่งดื่มน้ำที่หน้าโต๊ะทำงาน ตอนที่เขาเพิ่งพาอิงอิงกลับร้านหนังสือมาด้วย

ชาอุ่นๆ ค่อยๆ ไหลลงสู่ช่องท้อง ดวงตาสีแดงของโจวเจ๋อจางหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน กลายเป็นสีดำสนิทของบ่อน้ำโบราณไร้คลื่นเข้ามาแทนที่ เหมือนน้ำหมึกข้นคลั่กหมุนวนอยู่ในเบ้าตา ร่างกายก็สงบลงตามเช่นกัน เมื่อดื่มชาเสร็จแล้ว ขณะที่อิงอิงกำลังจะผละริมฝีปากออกและถอยหลังไปนั้น มือข้างหนึ่งคว้าเอวเธอไว้ทันที และดันเข้ามาด้านในจนทั้งสองคนแนบชิดกันยิ่งขึ้น

งื้อ!

………………………………………………………….

[1] หนงฟูสปริง เป็นแบรนด์น้ำดื่มอันดับหนึ่งของจีน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล