ตอน ตอนที่ 763 รู้จักกัน! จาก ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 763 รู้จักกัน! คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 763 รู้จักกัน!
ในสายตาของคนซื่อสัตย์ส่วนใหญ่ สิ่งที่เรียกว่าคนน่าสงสารล้วนมีความซื่อสัตย์จริงใจ แฝงไว้ด้วยความขมขื่นที่หอมหวานติดกลิ่นดิน ควรค่าแก่การเห็นอกเห็นใจและร้องเพลงสรรเสริญ
แต่คนที่เคยทำงานระดับล่างมาก่อนอย่างแท้จริง ถึงจะเข้าใจร้อยรสชาติที่อยู่ในนั้น อย่างน้อยที่สุด เหล่าจางก็ถูกฝึกออกมาแล้ว ยอมอดทนต่อคำดูถูก ยอมก้มหัวเป็นวัวงานก็ไม่มีปัญหา
บวกกับเรื่องนี้ต้องทำเหมือนดังที่ทนายอันกล่าว ไม่ต้องสนใจถูกผิด แต่กลับรู้สึกผิดบาปในใจจริงๆ คนเรามีชีวิตอยู่บนโลกนี้ ใครบ้างไม่อยากขาวสะอาดดั่งดอกบัวขาว แต่มันยากเกินไป
ชายชราจมูกแดงทั้งร้อนใจทั้งโมโห บวกกับท่าทางเซ่อซ่าของเหลนคนนี้ ทำให้เขารู้สึกขมขื่นใจจนอยากอาเจียนออกมาเหลือเกิน!
แม่งเอ๊ย ฉันเป็นบรรพบุรุษของแกจริงๆ แกเป็นเหลนของฉันจริงๆ!
“เหล่าสวี่ เร็วเข้า” เหล่าจางพูดเร่งรัด
สวี่ชิงหล่างพยักหน้า หยิบยันต์กระดาษออกมา แต่ในเวลานี้ โจวเจ๋อยื่นมือจับข้อมือของสวี่ชิงหล่าง สวี่ชิงหล่างมองโจวเจ๋อด้วยความแปลกใจอยู่บ้าง โจวเจ๋อมองคนทั้งสามด้วยความประหลาดใจเช่นกัน ทนายอันทำใบหน้าภาคภูมิใจกับบทร้ายของตัวเอง เหล่าจางหน้าเศร้ารู้สึกผิดต่อมโนสำนึกที่ทำเรื่องไม่ดี สวี่ชิงหล่างกลับไม่ยี่หระมองเป็นเรื่องของการทำงานมากกว่า แต่จะว่าไปแล้ว ไอ้งั่งสามคนนี้ฟังไม่ออกจริงๆ เหรอ
“เหล่าโจว”
“เถ้าแก่”
โจวเจ๋อไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี ยื่นมือชี้นิ้วไปยังชายชราจมูกแดงที่ถูกจับนอนอยู่ด้านล่าง พลางเอ่ยว่า “พวกคุณฟังไม่ออกเหรอ ว่าไม่ได้ด่าคน”
ชายชราจมูกแดงพยักหน้าหงึกๆ ด้วยความซาบซึ้ง ซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง ฉันรู้สึกซาบซึ้งใจจริงๆ ไม่เสียแรงที่เป็นหัวหน้า เพราะหูไม่หนวก หากเขาไม่ได้เป็นหัวหน้าแล้วใครเล่าที่ควรจะได้เป็น
…
ชายชราจมูกแดงถูกผนึกเหมือนเดิม แต่ไม่ได้โดนชุดยันต์ ‘เอาให้ตาย’ แบบนั้น ไม่ว่าอย่างไร ก่อนหน้านี้เป็นเพราะไม่รู้ ตอนนี้หากใครทำให้ปู่ทวดของเหล่าจางเป็นคนปัญญาอ่อน จะคิดบัญชีกับใคร
ชายชราจมูกแดงนั่งอยู่บนเก้าอี้ สวี่ชิงหล่างสร้างค่ายกลรอบนอก ตึกทรงตะวันตกขนาดเล็กนี้พังทลายลงมาแล้วต้องวางค่ายกลป้องกันเอาไว้ก่อนเพื่อไม่ให้ถูกคนทั่วไปเข้ามารบกวนเนื่องจากรับรู้ถึงความเคลื่อนไหวที่รุนแรงนี้
เจ้าลิงน้อยไปหาผ้าห่มผ้าฝ้ายบางส่วนจากบ้านชั้นเดียวทางโน้น นำมาคลุมคนเจ็ดแปดคนที่นอนสลบอยู่ เพราะนอนสลบไม่ได้สติอยู่ข้างนอกในฤดูหนาวจัดแบบนี้อันตรายเป็นอย่างมาก
เหล่าจางนั่งอยู่บนพื้น มองชายชราจมูกแดงอย่างตกตะลึง พูดจริงๆ นะ ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น ไม่ได้รู้สึกดีใจ เขาเหล่าจางไม่ใช่คนขาดความรัก และไม่ใช่เด็กที่โตจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เคยได้รับความอบอุ่นจากครอบครัว
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ยุคสมัยนี้หากคุณลองถามคนอื่นว่าปู่ของคุณชื่ออะไร คนที่สามารถเขียนชื่อออกมาได้ คาดว่าคงมีไม่เยอะ นับประสาอะไรกับปู่ทวด
โจวเจ๋อมีเก้าอี้ตัวหนึ่ง เขานั่งลงตรงนั้น ถือโทรศัพท์เลื่อนหน้าจออยู่ การพลิกผันสถานการณ์ของทนายอันกลายเป็นกระแสดังในเวยป๋อแล้ว การดำเนินไปของเหตุการณ์ คือต้องการให้อีกฝ่ายเสียชื่อ แต่ตอนนี้ทนายอันกลับกลั้นขำ ยื่นมือจิ้มจมูกของชายชราจมูกแดง เอ่ยว่า “ไอ้แก่ คิดไม่ถึงว่าจะมีวันนี้ใช่ไหม”
ชายชราจมูกแดงขึงตาใส่ทนายอันด้วยความเคียดแค้น จากนั้นจึงเหลือบตามองเหลนของตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์
“มาๆ แนะนำตัวเองหน่อย ไม่ใช่เพราะผมไม่เชื่อ แต่นิสัยของคุณ ยากที่จะผมจะเชื่อได้จริง ใครจะรับประกันว่าคุณหันหน้าไปแล้วจะไม่ฆ่าญาติล้างบางเพื่อผดุงความยุติธรรม ไม่แน่คุณคงอยากจะลอง อย่างน้อยจะได้ทำให้ตัวเองประทับใจ” ทนายอันจุดบุหรี่ เขี่ยบุหรี่เล็กน้อย มองเหล่าจาง แล้วเอ่ยว่า “ผมจำได้ เขาชื่อจางเว่ยอวี่ เหอะๆ เสียดายที่ตระกูลจางของพวกคุณไม่มีบันทึกลำดับวงศ์ตระกูลอะไรพวกนี้ จากจินเหมินย้ายมาทงเฉิง คาดว่าคุณก็ไม่รู้ว่าตัวเองยังมีปู่ทวดด้วยใช่ไหม”
เหล่าจางพยักหน้า เขาไม่รู้จริงๆ ปู่ของเขานับว่าเป็นตำรวจรุ่นแรกของสาธารณรัฐจีน เคยเป็นทหารมาก่อนจากนั้นพลีชีพในหน้าที่ พ่อของเขาตอนนั้นยังเด็กมาก เหล่าจางเคยได้ยินพ่อเล่าว่า ดูเหมือนพ่อของปู่ของเขาได้เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ตอนที่คุณปู่ยังเด็กมาก
ไม่ว่าอย่างไร การสืบทอดตระกูลของครอบครัวเหล่าจางลำบากยิ่ง เพราะมักจะมีคนพลีชีพ ได้เกียรติยศ แต่สิ่งที่เหลือไว้ถ้าไม่ใช่ลูกที่เกิดหลังพ่อเสียชีวิตแล้วก็เป็นเด็กน้อย ประเพณีนี้ ถึงแม้จะมาถึงรุ่นตัวเองก็ไม่ขาดการสืบช่วงต่อ แต่ยังดีกว่านิดหน่อย นั่นก็คือตอนที่ตัวเองสละชีพลูกชายจบการศึกษาจากโรงเรียนตำรวจแล้ว และตอนนี้ ลูกชายถูกส่งมาปฏิบัติหน้าที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของตัวเอง กลายเป็นตำรวจประชาชนที่มีเกียรติคนหนึ่งเช่นกัน
“เหอะ เหอะๆ เหอะๆๆ…” ชายชราจมูกแดงมองเหลนคนนี้ของตัวเองแล้วนึกโกรธ ตอนนี้ เขากระทั่งไม่มีเวลาพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ด่าออกมาโดยตรงทันที “คนโง่ไม่มีหัวคิด ตัวเองเป็นตำรวจยังไม่พอ ยังให้ลูกชายของตัวเองเข้าโรงเรียนตำรวจอีก ลื่อของฉันคนนั้นฉันเคยเห็นแล้ว แม่งเอ๊ย คิดว่าใส่เครื่องแบบตำรวจแล้วหน้าตามีเกียรติมากนักเหรอ แม่มึXสิคิดว่ามีหน้ามีตามากนักหรือไง โอ๊ยฉัน ในใจของฉัน รู้สึกแย่มาก!”
คนเราเมื่ออายุมากขึ้น มองเรื่องอื่นเป็นเรื่องธรรมดา แต่จะให้ความสำคัญกับเรื่องการสืบทอดลูกหลานมากกว่าเพียงแต่น่าเสียดาย ชายชราจมูกแดงเนื่องจากลักษณะงานบวกกับเกิดเรื่องในปีนั้น ทำให้เขาเองก็ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นภายนอก เหมือนสองตามืดบอดสัมผัสได้แต่ความมืด
พอขึ้นมาก็เลยสืบดู แม่งเอ๊ย หากถ่ายรูปครอบครัวห้ารุ่นด้วยกันละก็ คงได้แต่วางเสื้อผ้าบนเก้าอี้สามตัวเท่านั้นหลานชายของตัวเองมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานเนื่องจากได้รับบาดเจ็บมาก่อน แต่ก็ยังพอมีเกียรติกับเขาบ้าง
เหลนคนโต ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ยิ้มเซ่อซ่าหน้าขึ้นกล้อง เป็นสีหน้าที่เหมาะสมกับการนำไปติดบนป้ายหลุมฝังศพให้คนได้รำลึกในภายหลัง แบบนี้ไม่ทำให้เขาที่เป็น ‘บรรพบุรุษเก่าแก่’ คนนี้โกรธอาละวาดหรอกเรอะ!
“แต่ เพื่อเหลนชายคนนี้ของฉัน ฉันรับปาก ฉันจะไม่หาเรื่องพวกแก เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ ถือเสียว่าไม่เคยเกิดขึ้น รวมทั้งเรื่องที่ฉันเจอแกอันปู้ฉี่”
คำสัญญาของใครบางคน ไม่คุ้มค่า แต่คำสัญญาของใครบางคน กลับมีมูลค่ามหาศาล
ทนายอันหัวเราะ แล้วพยักหน้าเอ่ยว่า “ครับ ผมเชื่อแล้ว” จากนั้นเกิดเสียง ‘ครืน’ ทนายอันฉีกผนึกของชายชราจมูกแดงโยตรง
ชายชราจมูกแดงกระโดดขึ้นมาทันที กำหมัดชกไปที่ใบหน้าและศีรษะของเหล่าจางเต็มเปา! “ไอ้เด็กเวร แกมันเวรตะไลจริงๆ! ฉันบอกแกแล้วว่าเป็นบรรพบุรุษของแก แต่แกกลับตะโกนเร่งคนอื่นให้ปิดผนึกฉัน! ไอ้เวร ฉันจะตีแกให้ตายไปเลย!”
เหล่าจางตอนนี้ได้แต่เอามือกุมศีรษะ ปล่อยให้อีกฝ่ายต่อยตัวเองไม่หยุด ก่อนหน้านี้ไม่รู้สถานการณ์จึงไม่เป็นไร ตอนนี้เขาไม่กล้าโต้กลับ
โจวเจ๋อส่ายหน้า ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ ชี้ไปรอบทิศเอ่ยว่า “จัดการเรื่องทั้งหมดเสร็จหรือยัง พวกคุณคอยเก็บงานตอนท้ายอีกทีนะ ผมขอตัวกลับก่อน”
ชายชราจมูกแดงมองโจวเจ๋อด้วยความหวาดผวาหนึ่งที แล้วจึงต่อยเหลนชายของตัวเองต่อ ไม่พูดอะไร
หลังจากโจวเจ๋อไปแล้ว ทนายอันจึงเดินไปข้างหน้า เอ่ยว่า “คุณอยากสั่งสอนลูกหลานของตัวเอง ไม่ต้องรีบร้อน เถ้าแก่ของพวกเรากำลังจะกลับแล้ว คุณไม่คิดที่จะแสดงตัวอะไรหน่อยเหรอ”
“แสดงตัวอะไร ก้มหัวเคารพเหมือนแก เรียกเขาว่าเถ้าแก่หัวหน้าผู้จับกุม อันปู้ฉี่ แกตกอับ แต่ฉันคิดไม่ถึงว่าแกจะตกต่ำย่ำแย่ขนาดนี้!”
ทนายอันเดาะปากเสียงดัง ขยับปากมาเข้ามาใกล้หน้าชายชราจมูกแดงแล้วบ่นพึมพำสองสามประโยค
วินาทีนั้น ชายชราจมูกแดงก็ไม่ต่อยเหลนชายแล้ว ยืดตัวตรง ลมหายใจหอบถี่ มือเริ่มสั่น
ทนายอันหัวเราะเย็นชาอยู่ข้างๆ หนึ่งที ชายชราจมูกแดงถีบตัวเหลนชายคนโตของตัวเองหนึ่งที แล้วแผดเสียงก้อง “รีบลุกขึ้นมา แกติดหนี้เขาใหญ่หลวง ฉันซึ่งเป็นผู้อาวุโสอย่างไรเสียต้องไปขอบคุณ!”
……………………………………………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล