ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 772

สรุปบท ตอนที่ 772 ปรบมือ: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 772 ปรบมือ – ตอนที่ต้องอ่านของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนนี้ของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 772 ปรบมือ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 772 ปรบมือ

โจวเจ๋อยื่นมือนวดใบหน้าของตัวเอง พูดตามจริง เขาไม่สามารถเข้าใจได้ ทำไมอิ๋งโกวต้อง ‘แอบ’ ทำเรื่องแบบนี้มันไม่เข้ากับสไตล์ของอิ๋งโกวเลย เจ้าโง่เป็นพวกที่สู้หนึ่งต่อห้า แถมยังตะโกนว่า ‘รีบเข้ามา ข้าล้อมห้าคนไว้หมดแล้ว!’ คนสมองทึ่มแบบนั้นจะทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร หรือบางทีก่อนหน้านี้วางใจมากเกินไป ดังนั้นตัวเองจึงไม่รู้ถึงความเปลี่ยนแปลงทางจิตใจของตัวเอง

ความรู้สึกโกรธเช่นนี้ เข้ามาอย่างรุนแรง แต่เขาเริ่มหาข้ออ้างให้กับอารมณ์นี้ตามสัญชาตญาณ ถ้าหากไม่ใช่เพราะนักพรตเฒ่าคอยลากตัวเขาในตอนท้าย ตอนนี้เขาอาจจะยังไม่ได้สติกลับมา บางทีหลังจากที่ตัวเขาเข้าไปแล้ว ก็คงสังหารจนหมด มีเพียงแค่การสังหารเท่านั้นที่ทำให้ตัวเขาสงบลงได้ จากนั้นนั่งบนพื้นที่เต็มไปด้วยเลือด ค่อยๆ สงบจิตสงบใจ แล้วจึงค้นพบความผิดแปลกของตัวเองที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ

เพียงแต่หลังจากนักพรตเฒ่าตะโกนหนึ่งที โจวเจ๋อได้แต่ทิ้งความคิดทุกอย่างไว้ชั่วคราว แล้วเดินไปที่ประตู

เรื่องของอิ๋งโกว ค่อยกลับไปคิดบัญชีบนเตียงคืนนี้ ตอนนี้ในเมื่อเป็นตอนกลางวัน ดังนั้นจึงต้องทำในสิ่งที่ควรทำ

ไม่แปลกใจเลยที่นักพรตเฒ่าจะตื่นตกใจขนาดนี้ บนเตาในครัว ผู้หญิงอ้วนวัยกลางคนนอนขวางอยู่ตรงนั้น มีดหั่นผักปักหน้าอก มีดหั่นผักแทงลงไปลึกมาก และบนตัวของผู้หญิงน่าจะโดนมีดแทงหลายครั้ง อีกทั้งยังมีรอยมีดเป็นทางบนใบหน้า เหมือนลูกพลับชิ้นใหญ่ถูกสุนัขแทะจนเละตุ้มเป๊ะ

นี่คือเตาแบบดั้งเดิมตามชนบท กระทะขนาดใหญ่สองใบ ศีรษะของผู้หญิงจุ่มอยู่ในกระทะใบหนึ่ง ขาทั้งสองข้างจุ่มอยู่ในกระทะอีกใบหนึ่ง

ยังดีที่ไม่ได้ต้มน้ำในกระทะ ถ้าหากมีการต้มน้ำ กระทะสองใบเดือดขึ้นมา คาดว่าศพของผู้หญิงทั้งท่อนบนและล่างจะต้องกระตุกสั่นขึ้นมาเหมือนกัน ถ้าหากแยกเป็นผัดกับข้าว และต้มข้าวต้มละก็ จุ๊ๆ…

หืม ฉันกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย โจวเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้สึกว่าตัวเองต้องไปหาหวังเคอเพื่อตรวจปัญหาทางจิตของเขา ซึ่งอาจจะไม่ใช่สาเหตุที่อิ๋งโกวมีผลกระทบต่อจิตใจของตัวเองเท่านั้น แต่อาจจะมีปัจจัยการเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นที่เริ่มเกิดขึ้นในร่างกายของตัวเองด้วย

อันที่จริง โจวเจ๋อรู้สึกว่า ต่อให้หวังเคอที่เป็นจิตแพทย์รักษาก็ไม่มีประโยชน์ แต่ได้เห็นหวังเคอ มักจะหาความรู้สึกที่เป็นพลังงานบวกให้ตัวเองได้เสมอ ดูสิ เพื่อนที่โตมาด้วยกันกำลังพยายามยิ้มเพื่อใช้ชีวิต บนโลกนี้ยังมีอุปสรรคอะไรที่ข้ามไปไม่ได้อีก

ถ้าหากหวังเคอนำประสบการณ์ของตัวเองมาแสดงเป็นผลงานศิลปะ ก่อนที่คนไข้ที่นัดมารักษากับเขามาถึงห้องทำงานของเขา ต้องเดินผ่านแกลลอรี่ก่อน บางทีหลังจากมาถึงห้องทำงานแล้ว คนไข้อาจจะจับมือของหวังเคอแล้วพูดด้วยความตื่นเต้นว่า ‘พวกเราต้องเข้มแข็ง!’

“ตายแล้ว” นักพรตเฒ่ามองไปทางโจวเจ๋อ ด้วยสีหน้าที่ดูไม่ได้ ไม่ใช่เพราะตกใจ แต่รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากลทำไมจู่ๆ คนถึงตาย

นักพรตเฒ่าพยักหน้าอย่างยากลำบาก เพราะโจวเจ๋อเดินมาพร้อมกับเขา โจวเจ๋อจึงไม่ได้เป็นคนทำจริงๆ ทั้งสองคนเดินเข้าไปข้างใน เลือดไหลตามตัวของผู้หญิงอ้วน เปื้อนเตาอิฐไปกว่าครึ่ง

เตาขนาดใหญ่ตามชนบทมีความเรียบง่ายเป็นอย่างมาก กระทะเหล็กที่ไม่ได้ล้างสะอาด ผู้หญิงอ้วนมีอายุ เลือดสดๆ ความเงียบของความตาย ถ้าหากถ่ายเป็นรูปแบนเนอร์ขนาดใหญ่ความละเอียดสูงออกมาแขวนไว้ สองด้านขนาบด้วยรูปภาพของนางแบบวิกตอเรียส์ซีเคร็ตสุดเซ็กซี่บนเวทีเดินแบบ เมื่อทอดตามอง สภาพแบบนี้ เหอะๆ…

โจวเจ๋อลูบหน้าผากของตัวเองอีกครั้ง ไม่ได้ ต้องไปหาหวังเคอแล้วจริงๆ

นี่เป็นแค่ออเดิร์ฟเท่านั้น เหมือนเป็นการอุ่นเครื่องก่อนการเปิดฉากงานเลี้ยง จากห้องครัวเดินไปข้างใน ก็คือห้องรับแขก ตรงกลางของห้องรับแขกแขวนรูปเทพเจ้าองค์หนึ่ง มีความเป็นนามธรรมเล็กน้อย และมองไม่ออกว่าเป็นเทพเจ้าที่ไหน แต่สามารถมั่นใจได้ว่า เทพเจ้าองค์นี้มีความบกพร่องในหน้าที่เล็กน้อย นี่มีหลักการเหมือนกับพระที่อยู่ในวัดแต่ละรูปตัวซูบผอม พระโพธิสัตว์ที่มาที่นี่ต้องให้พลังไม่มากพอแน่นอน

ด้านล่างของรูปเทพเจ้า ผู้หญิงศีรษะแตกเลือดออกคนหนึ่งพิงอยู่หน้าตู้ เหมือนเป็นการฟ้องแบบไร้เสียงที่สมบูรณ์แบบที่สุด

ผู้หญิงน่าจะถูกตีก่อน แล้วโดนผลักมาทางนี้ ศีรษะกระแทกกับโลหะที่นูนขึ้นมาจากตู้ด้านหลัง เหมือนโครงเรื่องในละครน้ำเน่ามากมายนับไม่ถ้วน ผู้ชายผลักผู้หญิง ไม่ได้คิดจะฆ่า แต่ผู้หญิงกลับตาย เพราะมีสิ่งของเฮงซวยอันหนึ่งอยู่ด้านหลัง พวกคนเขียนบทก็ไม่ค่อยใส่ใจเลย เพื่อโครงเรื่องของละครน้ำเน่าจึงไม่ถือสาวิธีการตายที่น้ำเน่ายิ่งกว่า

โจวเจ๋อเดินเข้าไป เอียงหน้ามองไปด้านหลัง โอ้ว เห็นแล้ว มีสิ่งของคล้ายที่จับตู้ปลายแหลมอันหนึ่ง มีประกายแสงสีเงิน แต่ไม่น่าจะทำจากเงิน เจ้าสิ่งนี้แทงเข้าไปที่ศีรษะด้านหลังของผู้หญิงอยู่ในตอนนี้ ผู้หญิงนั่งอยู่ตรงนั้น ลืมตา สีหน้าเจ็บปวดทรมาน แต่กลับนิ่งทื่อไปแล้ว

บนโลกนี้สิ่งที่รับประกันได้มากที่สุด ไม่ใช่ตู้แช่เย็น และไม่ใช่ถุงถนอมอาหาร แต่เป็น…ความตาย เทพแห่งความตายกดปุ่มหยุด จากนั้นขึ้นคำว่าเกมโอเวอร์ แล้วหมุนตัวจากไปอย่างไม่ยี่หระ เหลือไว้เพียงหน้าจอขาวดำ

นักพรตเฒ่าขยับมาข้างๆ โจวเจ๋อ ด้วยความระมัดระวังแล้วระมัดระวังอีก

“นักพรตเฒ่า ขยับศีรษะของเธอออกมา” โจวเจ๋อชี้ไปที่หญิงสาวคนนี้

“เจี๊ยกๆๆ!” เจ้าลิงที่หมอบอยู่บนไหล่ของนักพรตเฒ่ายื่นมือชี้ไปที่ผู้หญิงคนนี้แล้วร้องสองสามที

“อ้อ เธอคือคนที่ลักพาตัวใช่ไหม” โจวเจ๋อเข้าใจทันที เห็นได้ชัดว่า บนถุงยางอนามัยไม่ได้ทิ้งไว้แค่กลิ่นของผู้ชายเท่านั้น

นักพรตเฒ่านั่งลงยองๆ คิดว่าเถ้าแก่เรียกตัวเองให้ทำเช่นนี้เพื่อหาเบาะแส จึงยื่นมือเตรียมดึงศีรษะของผู้หญิงจริงๆ แต่กลับถูกโจวเจ๋อยื่นมือกดไหล่ “ตลกแล้ว คุณอยากดูการแสดงน้ำพุเหรอ”

“โอ้ว ได้เลย” นักพรตเฒ่าลุกขึ้นตัวสั่น เขารู้สึกสมองสับสน พูดจริงๆ นะ ไม่รู้ทำไม เห็นศพติดต่อกันสองศพแล้ว ในใจของเขากลัวมากจริงๆ ไม่ได้เป็นเพราะศพสองศพนี้รวมทั้งสาเหตุการตายที่อยู่เบื้องหลัง แต่เป็นเถ้าแก่ที่อยู่ข้างกายคนนี้

‘ก๊อกๆๆๆ!!!!’ เสียงอู้อี้ดังมาจากในห้อง

นักพรตเฒ่ามีไหวพริบ รีบยื่นมือจับไปที่เป้ากางเกงเพื่อเตรียมตัวตลอดเวลา!

โจวเจ๋อผลักประตูห้องอย่างเป็นธรรมชาติ ประตูถูกเปิดออก ประตูอยู่ตรงกับผนัง ซึ่งเต็มไปด้วยเลือดสาดเป็นจุดๆ เหมือนศิลปะการใช้พู่กันจุ่มหมึกสะบัดลงบนกระดาษที่สวยงาม ให้ความรู้สึกระทึกขวัญและน่าหวาดเสียว ในความหยาบคายแฝงไปด้วยความนัยจากจินตนาการของผู้กระทำ ‘ภายในความเรียบร้อยกลับซ่อนแฝงไปด้วยความบ้าคลั่งที่ทำให้คนหวาดกลัว’

ผู้ชายวัยกลางคนใส่แค่กางเกงขาสั้นรัดรูปอายุสามสิบกว่าปีคนหนึ่ง กำลังนั่งอยู่บนตัวของผู้ชายคนหนึ่ง ในมือของเขาถือสิ่งที่เหมือนกับก้อนอิฐ กำลังทุบคนที่ใกล้จะหมดลมแล้วอย่างต่อเนื่อง ทุบลงไป ‘พลั่ก!’ ‘ฟึบ!’ เลือดสดกระเด็น เห็นได้ชัดว่า การจุ่มหมึกและสะบัดลงบนผนัง ก็คือผลงานชิ้นเอกของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้

โจวเจ๋อรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ รู้สึกละอายใจที่เข้ามาในพื้นที่การสร้างผลงานศิลปะโดยพลการ

ใช่แล้ว มีความรู้สึกแบบนี้จริงๆ เขามองออกว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ เขากำลังทุบอย่างตั้งใจ ทุบอย่างจริงจังทุบอย่างอดทนเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ยังยืนหยัดต่อไป นี่คือความดื้อรั้นสำหรับงานศิลปะอย่างหนึ่ง เร่งให้เขาระเบิดศักยภาพที่อยู่ภายในตัวเองออกมา

ความรู้สึกไม่ด้อยไปกว่าการปั่นจักรยานหนึ่งพันกิโลเมตร และไม่ด้อยไปกว่าการเดินข้ามทะเลทรายซาฮารา

ตอนที่ร่างของโจวเจ๋อกับนักพรตเฒ่าปรากฏที่หน้าประตู ผู้ชายที่ใส่แค่กางเกงขาสั้นรัดรูปเงยหน้า มองสองคนที่อยู่ตรงหน้าประตูแล้วแสยะยิ้มทันที เผยให้เห็นฟันสีเหลือง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่คนที่รักอนามัยเท่าไร เหมือนศิลปินที่ไม่ชอบการปรุงแต่ง หากไม่รกสักหน่อย จะไม่แสดงความเป็นตัวตนของตัวเองออกมา

แต่ในรอยยิ้มของเขากลับเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ กระทั่งมีความจริงใจและดีใจอยู่เล็กน้อย

“ว้าวๆๆ!!!” เขาส่งเสียงร้องไชโยออกมา และยังหันไปมองผนังที่อยู่ข้างหลัง เหมือนจิตรกรคนหนึ่งกำลังมองผลงานที่ตัวเองตั้งใจแสดงโชว์ให้คนอื่นได้เห็น

นักพรตเฒ่ากลืนน้ำลาย นิ้วทั้งห้ากำเป้ากางเกงแน่น พลางคิดในใจว่า นี่เป็นคนหรือผี น่าจะไม่ใช่คนมากกว่า ไม่ใช่คนแน่นอน!

ขณะที่กำลังครุ่นคิด หางตาของนักพรตเฒ่ามองเห็นเถ้าแก่ของตัวเอง เขาเห็นเถ้าแก่ยกสองมือขึ้นมา แล้วเริ่มปรบมือ ‘แปะๆๆ!!!’

……………………………………………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล