ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 780

ตอนที่ 780 น้ำ

ชีวิตสามารถนิ่งสงบได้ กระทั่งเหมือนสระน้ำนิ่ง เหมือนปลาเค็มตัวหนึ่งนอนอาบแดด ดวงตาลึกล้ำ คล้ายกับสะท้อนให้เห็นความกว้างใหญ่ไพศาลของจักรวาล แต่คุณก็ต้องพลิกตัวในบางครั้ง โรยเกลือเล็กน้อย พลิกอีกด้านแล้วอาบแดดใหม่

คนเราเมื่อชีวิตสงบนิ่งถึงขีดสุด ก็ต้องเปลี่ยนเป็นเคลื่อนไหวบ้าง ไม่เพื่ออะไรอย่างอื่น เพื่อให้ตัวเองได้บอกตัวเองว่า โอ้ ฉันยังมีชีวิตอยู่…

เมื่อผลักประตูลงจากรถ ผู้ชายที่มีรอยสักตามร่างกายเหล่ตาจ้องมองโจวเจ๋อ เหยียดนิ้วออกมาจนเกือบจะชี้ไปติดหน้าผากของโจวเจ๋อ แล้วด่าว่า “ตาบอดเหรอ ขับรถไม่เป็นก็กลับไปดูดนมแม่ของแกไป!”

ในสังคมนี้ คนแบบนี้มักต้องการเป็นที่สำคัญ ไม่ใช่เพราะสภาพแวดล้อมที่แร้นแค้นมีผลต่อนิสัยใจคอ แต่เป็นเพราะสถานที่ที่ยิ่งมีอารยธรรมและการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ดี คนประเภทนี้จะยิ่งทำตัวกำเริบเสิบสาน

เมื่อก่อนโจวเจ๋อมีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งมาจากพื้นที่ที่ค่อนข้างห่างไกล เขาเคยพูดว่า ที่บ้านเกิดของเขา ถึงแม้จะเป็นพี่ใหญ่ทำงานในสถานเริงรมย์ข้างนอกก็ยังมีความเกรงใจอยู่บ้าง เพราะคนที่นั่นพวกเขาเป็นคนทื่อๆ ตรงๆ และมุทะลุ บางทีคุณอาจจะด่าใครคนหนึ่งสองสามประโยค พอตอนที่คุณเข้าห้องน้ำ เขาจะเอามีดมาแทงคุณ เล่นงานคุณแบบ ‘มึXทำให้กูโกรธ มึXเลือดตกแน่’

แต่ในเมือง ทุกคนเหมือนลูกแพะที่ถูกสอนจนเชื่องแล้ว รู้จักอดทน รู้จักยอมแพ้ เพียงแต่น่าเสียดาย คนที่อยู่ตรงหน้านี้ วันนี้เขาหาเรื่องผิดคนแล้ว ถึงแม้ตำรวจจราจรจะอยู่ที่นี่ แต่เขาต้องเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ทั้งหมด และสิ่งที่เขาด่ารวมทั้งรอยสักที่อยู่บนเนื้อหนังที่อ่อนนุ่มของเขา ก็ไม่ได้เป็นภัยคุกคามใดๆ ต่อโจวเจ๋อเลยสักนิด

โจวเจ๋อยื่นมือจับคอของอีกฝ่าย จากนั้นทุ่มไปที่กระโปรงหน้ารถโดยตรง! ‘ปึ้ง!’ ตัวรถสั่นสะเทือน เสียงดังแสบแก้วหู เลือดสดกระเด็นออกมาทันที ผู้ชายที่มีรอยสักรู้สึกเวียนศีรษะอยู่บ้าง หนึ่งเป็นเพราะโดนทุ่ม สองเป็นเพราะเจอคนที่ไม่ด่าคุณ ไม่พูดพล่ามกับคุณ แต่เข้ามาจัดการคุณให้งงไปเลย

สุนัขที่กัดคนจะไม่เห่า คำนิยามนี้เหมาะที่จะใช้กับวงการนักเลงเช่นกัน

“แก…”

‘ปึ้ง!’ โดนจับกระแทกอีกครั้ง

“ฉัน…”

‘ปึ้ง!’

กระแทกติดต่อกันสามครั้ง ผู้ชายมีรอยสักล้มลงไปกองกับพื้นทันที เลือดไหลอาบ ศีรษะ ใบหน้า ล้วนแดงฉานไปด้วยเลือด ตัวเองเปิดร้านย้อมผม ตัวเองได้สัมผัสประสบการณ์ด้วยตัวเองก่อนแล้ว ไม่มีการเพิ่มสารเจือปนใดๆ แน่นอน

โจวเจ๋อเดินไปหาอีกคนหนึ่ง คนนั้นตัวสั่นหงึกๆ เขาเองก็ตกใจเช่นกัน เขากระทั่งรู้สึกว่าตัวเองเจอทหารหรือเปล่าแต่เขาก็ยังแตะกระเป๋ากางเกง หยิบมีดออกมาเล่มหนึ่ง ไม่ใช่มีดที่เป็นอาวุธควบคุม อย่างมากถือว่าเป็นมีดปอกผลไม้ จากนั้นฟาดไปกลางอากาศด้านหน้าสองสามที วางมาดใหญ่โตเพื่อตบตาชัดเจนเกินไป

มือของโจวเจ๋อเร็วยิ่งกว่ามีด ถึงขนาดที่ว่าไม่คิดอยากเล่นเกมคว้ามีดด้วยมือเปล่า จึงต่อยไปที่หน้าอกของเขาโดยตรง “เอือก…” มีดในมือของผู้ชายร่วงลงมา เขาตัวงอแล้วอาเจียนแบบแห้งๆ

โจวเจ๋อจึงถีบอีกหนึ่งที ‘ปึ้ง!’ ผู้ชายโดนถีบกลิ้งไปบนถนน ต่อจากนั้นโจวเจ๋อจึงเตะซ้ำอีก ‘ปึ้ง!’ เหมือนเด็กที่เพิ่งเลิกเรียนกลับบ้านเลียนแบบการเตะกระป๋องของคริสเตียโน โรนัลโด ผู้ชายถูกเตะกระเด็น กระแทกไปบนรถอาวดี้ของตัวเองแล้วกลิ้งลงมา

ยังเหลืออีกหนึ่งคน คนสุดท้ายหมุนตัวอยากจะวิ่งหนี เขารู้สึกว่านี่ไม่ใช่เกมที่เขาเล่นเป็นประจำเหมือนก่อน เขาลนลานเป็นอย่างมาก

‘เพียะ!’ ทนายอันตบไปหนึ่งฉาด ผู้ชายคนนั้นยืนหมุนอยู่กับที่ จากนั้นทนายอันจึงเตะอีกหนึ่งครั้ง ‘ปึ้ง!’ ผู้ชายคนนั้นถูกเตะกลิ้งไปบนพื้น ทนายอันเดินไปข้างหน้า กระทืบอีกครั้งอย่างแรง สักพักหนึ่งเขาจึงหยุด สูดลมหายใจลึกๆ ฮู่ว ไม่ได้ออกกำลังกายนานเกินไป รู้สึกร่างกายอ่อนแอ

ผู้ชายตัวใหญ่ทั้งสามคนนอนอยู่บนพื้นสภาพสุดอนาถ โจวเจ๋อไม่พูดแม้แต่ประโยคเดียว กลับไปนั่งในรถ แล้วจุดบุหรี่ ตอนที่พ่นควันบุหรี่ออกมา เขารู้สึกสบายใจขึ้นเยอะมาก

เขาอ่านนิยายในร้านหนังสือเยอะแยะ ดูเหมือนจะมีบางช่วงที่คล้ายคลึงกับตอนนี้ ตอนที่โจวเจ๋อหยิบมาอ่านไปเรื่อยเปื่อย รู้สึกว่าไร้สาระปัญญาอ่อน แต่ตอนนี้เมื่อได้สัมผัสประสบการณ์ด้วยตัวเอง รู้สึกว่าดีเหมือนกัน

ทนายอันกลับไปที่นั่งข้างคนขับเหมือนเดิม เมื่อครู่เขาโทรหาเหล่าจางตอนอยู่ข้างนอก ผู้ชายสองคนเพิ่งต่อยคนเสร็จ กลับเข้าไปนั่งสูบบุหรี่บนรถด้วยกัน ส่วนสามคนที่อยู่บนพื้นส่งเสียงร้องโอดโอย คล้ายเพลงบรรเลงเบาๆ ในร้านกาแฟ สร้างบรรยากาศที่สวยงาม

ด้านหน้ารถไม่ติดแล้ว แต่ทางโจวเจ๋อกลับยึดถนนไปสองเลน มีพลเมืองดีได้แจ้งความแล้ว ตำรวจกำลังจะมาถึงในไม่ช้า เหล่าจางปรากฏตัวได้ทันเวลา เขาสั่งลูกน้องเรียกรถพยาบาลก่อน จากนั้นเข้าไปในนั่งในรถ ยื่นมือนวดใบหน้าเอ่ยว่า “ถึงเวลากินข้าวกลางวันแล้วใช่ไหม”

‘พรืด’ ทนายอันหัวเราะ หมุนตัวมองไปที่เหล่าจางซึ่งนั่งอยู่ข้างหลัง “เฮ้ พวกเราอยู่ตรงนี้เพื่อให้คุณทำตามกระบวนการ ต้องจ่ายเงินค่าปรับอะไรพวกเรายินดีจ่าย แต่อย่าให้พวกเราโดนกักขังก็พอ เหล่าจาง ใช้สิทธิ์ส่วนรวมเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน นี่ไม่ใช่สไตล์ของคุณ”

เหล่าจางคลึงจมูก ส่ายหน้า เอ่ยว่า “สามคนนี้เป็นผู้ต้องหาหลบหนีที่เครือข่ายตำรวจตามจับอยู่ เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กินข้าวก่อน แล้วตอนบ่ายผมจะพาพวกคุณไปรับเงินรางวัลที่สถานีตำรวจของผม”

คราวนี้แม้แต่โจวเจ๋อก็ยังตกใจ ถามว่า “เหล่าจาง คุณเข้าสู่ด้านมืดเร็วขนาดนี้เชียว อย่างน้อยต้องให้เวลาผมได้ปรับตัวบ้าง” สวมหมวก ใช้สิทธิ์ส่วนรวมเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ความคิดด้านลบ หากไม่ให้เขาคิดในแง่นี้คงยาก

เหล่าจางหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เอ่ยว่า “จริงๆ ครับ ตอนที่ผมมาผมได้ตั้งใจเอากล้องวงจรปิดมาดูแล้ว ทางนั้นได้ตรวจสอบแล้วเช่นกัน สามคนนี้เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กำลังหลบหนีอยู่ ผมเองก็คิดไม่ถึงว่าพวกเขาหนีขึ้นมาบนทางด่วนแล้วจะมีเรื่องต่อยตีอีก จึงได้แต่พูดว่า แนวความคิดของพวกเขา ผมเองก็ไม่เข้าใจ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล