ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 80

ตอนที่ 80 รูปผู้ตาย

“เธอหลับหรือยัง”

“ยัง”

“เธอเรียกให้ฉันมานอนเป็นเพื่อนไม่ใช่เหรอ”

“นอนไม่หลับ”

“อ้อ”

“เธอมีชีวิตมากี่ปีแล้ว”

“สองร้อยปีแล้ว แต่เวลาส่วนใหญ่ของฉันนอนอยู่ในโลงศพอย่างเดียว อันที่จริงถือว่าเป็นครั้งแรก ที่ฉันได้มีเวลาใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกอย่างจริงจัง และยังไม่ถึงยี่สิบปี”

“เธอคิดว่าเถ้าแก่ของเธอ เป็นยังไง”

“ไม่มีอะไร เหมือนเด็ก ไม่อยู่กับร่องกับรอย โมโหง่าย”

“ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน”

“วันนี้ เขาด่าเธอไม่ใช่เหรอ”

“เป็นความผิดของฉันเอง”

“อ้อ”

“จริงๆ แล้วฉันสงสัยมาตลอด เถ้าแก่กับคนคนนั้นที่เธอชอบพูดถึงบ่อยๆ เป็นคนยังไงกันแน่”

“เป็นคนยังไงน่ะเหรอ”

“ใช่”

“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าหากเป็นเรื่องเมื่อวานเขากับเถ้าแก่ของเธอเปลี่ยนตำแหน่งกัน เขาไม่ต้องรอให้ฉันลงมือ เขาก็คงฆ่าหุ่นเชิดนั้นไปแล้ว และไม่กลัวว่าจะถูกเปิดเผยอะไร ยิ่งไปกว่านั้นเขาจะไม่มาถามฉันว่ายุ่งเรื่องคนอื่นทำไม”

“อ้อ อย่างนี้นี่เอง” ไป๋อิงอิงพึมพำเล็กน้อย แล้วพูดว่า “คนแบบนี้ มีชีวิตอยู่ได้ไม่นานใช่ไหม”

ถังซือเงียบไป

“ความจริงแล้ว เถ้าแก่ที่เป็นคนแบบนี้ มีข้อเสียหลายอย่าง บางครั้งก็ไม่ค่อยเป็นลูกผู้ชายเท่าไร ชอบห่วงหน้าพะวงหลัง พอทำแล้วก็ยังกังวลคิดเล็กคิดน้อย แต่ไม่ว่าอย่างไร จริงๆ แล้วมันดีมาก ทุกคนล้วนมีชีวิตที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงมีนิสัยต่างกัน เขาเป็นคนระมัดระวัง เหมือนกระรอกตัวหนึ่ง ที่ชอบย้ายของเข้าบ้าน เพลิดเพลินไปกับความรู้สึกของได้การสะสมของ และรู้สึกเหมือนได้ปกป้องแบบนี้ เป็นเพราะเมื่อก่อนเขามาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เดิมทีเขาก็ไม่มีสิ่งของอะไรเลย”

“เธอเข้าใจเขามั้ย”

“ไม่ถึงกับเข้าใจ แต่พูดตามความจริง ฉันไม่อยากให้ตัวเองมีสภาพเหมือนกับเธอ ฉันชอบเล่นโทรศัพท์ทุกวัน เล่นเกม ดูหนัง ดื่มด่ำไปกับการใช้ชีวิต ชดเชยความรู้สึกขาดหายไปที่เมื่อก่อนตัวเองนอนอยู่ในโลงศพมาสองร้อยปี ในด้านนี้ เถ้าแก่ได้ตามใจฉันและทำให้ฉันสมความปรารถนา”

“ชีวิตที่ไม่มีการไขว่คว้าและความตื่นเต้น จะมีความหมายอะไร”

“ไม่ใช่ทุกคนอยากจะเจอความวุ่นวายและความตื่นเต้น ทุกคนควรจะมีวิธีการใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง ขอแค่ตัวเองพึงพอใจก็พอแล้ว หากพูดจากใจจริง บางครั้งฉันสามารถมองเห็นเถ้าแก่ของตัวเองกำลังอดทนอยู่ ฉันเองก็แค่เป็นห่วงว่าเถ้าแก่จะทนไม่ไหว กลายเป็นเหมือนคนนั้นที่เขากับเธอพูดถึงกันบ่อยๆ”

“กลัวเหรอ”

“กลัวสิ”

“คนตายมาแล้วครั้งหนึ่ง ยังจะกลัวอะไร มีอะไรที่ต้องกลัวอีกเหรอ เขาไม่ใช่สเปกของฉัน ดูเหมือนสุภาพเรียบร้อยมีมารยาท แต่เนื้อแท้กลับเต็มไปด้วยความคิดของผู้ชายเป็นใหญ่ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน คิดถึงแต่ตัวเองคนเดียว พูดง่ายๆ ก็คือเห็นแก่ตัว”

“เถ้าแก่นิสัยพอใช้ได้”

“เธอไม่เห็นด้วยเหรอ”

“ไม่เห็นด้วย ฉันรู้ว่าตอนที่นายหญิงของฉัน หลังจากสร้างบุญกุศลครบแล้ว ก่อนลงไปนรกได้มอบฉันให้เถ้าแก่และจะต้องพูดว่าให้กำจัดฉันทิ้งแน่นอน แต่เถ้าแก่ก็ไม่เคยทำ และฉันยังรู้ว่า เป็นเพราะฉันอยู่ในร้าน ดังนั้นผีที่ร้านจึงน้อยลงมาก แต่เถ้าแก่ก็ไม่ได้ไล่ฉันไปไหน”

“นั่นเป็นเพราะว่าเขามองเธอเป็นเหมือนหมอน เขาอยากให้ตัวเองนอนหลับสบายขึ้น”

“คนที่ยอมละทิ้งการทำผลงานของตัวเอง เพื่อคุณภาพการนอนหลับที่ดีขึ้น ไม่ใช่คนดีเหรอ”

เมื่อได้ยินดังนั้น ถังซือจึงตกตะลึงเล็กน้อย ไม่รู้ว่าทำไม มีเงาร่างของคนนั้นที่ชอบลากเก้าอี้มานั่งอาบแดดอยู่หน้าร้านขายของจิปาถะสำหรับคนตายผุดขึ้นมาในหัวของเธอ มีแสงอาทิตย์สาดส่องลงบนตัวของเขา เหมือนกับคุณปู่คนหนึ่ง

ไม่ว่าปัญหาของผีสาวไร้หน้าจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยก็จัดการไปได้ชั่วคราว ตอนนี้แค่รออย่างเดียว รอผลลัพธ์สุดท้ายที่มาจากเมืองหรงเฉิง

แน่นอนว่า เรื่องนี้สามารถรอได้ แต่เรื่องย้ายร้านไม่สามารถรอได้อีก สวี่ชิงหล่างสนใจที่อยู่ใหม่ ที่อยู่ใกล้กับถนนหนานต้าเจียในใจกลางเมืองทงเฉิง ถือว่าเป็นศูนย์กลางการค้าที่อยู่ในใจของคนเก่าคนแก่ของเมืองทงเฉิงก็ว่าได้ มีจำนวนผู้คนล้นหลาม

โจวเจ๋อเมื่อวานได้รับบัตรเชิญ ให้ไปร่วมงานไว้อาลัยคุณหลิว โจวเจ๋อไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงถูกเชิญ เดิมทีเขาไม่อยากไป แต่หลังจากที่สวี่ชิงหล่างเห็นชื่อลงท้าย จึงบังคับให้โจวเจ๋อต้องไป เพราะร้านที่เขาสนใจเป็นกิจการของบ้านคุณหลิว

ไปงานศพของเธอเพื่อคุยธุรกิจกับคนอื่น ดูเหมือนจะไม่เหมาะไม่ควร แต่พอคิดว่าเป็นวิธีลัดและประหยัด โจวเจ๋อจึงตกลง

เมื่อนั่งรถมายังที่อยู่ตามบัตรเชิญ โจวเจ๋อพบว่าไม่ใช่สถานที่จัดงานศพ แต่ต้องขับรถเข้าไปในเขตชนบท ซึ่งมีคฤหาสน์สร้างอยู่กลางทุ่งนา

เวลานี้เป็นฤดูผลิบานของดอกโหยวไช่ คฤหาสน์หลังนี้ซ่อนอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ ให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกกับผู้คน

และคนที่มาก็ไม่เยอะมาก ที่หน้าประตูมีรถจอดแค่สี่ห้าคัน

ตอนที่โจวเจ๋อลงจากรถเดินเข้าไป เขาเห็นชุยอีหล่างและสมาชิกของสมาคมคนรักเรื่องเล่าสยองขวัญสองสามคนยืนอยู่ในลานบ้าน พวกเขายืนอยู่ด้วยกันพร้อมกับคุยกันเบาๆ

ไม่มีใครทักทายโจวเจ๋อ และไม่มีใครมารับซอง มีผู้คนกระจัดกระจายอยู่ตรงนั้นเป็นกลุ่มๆ เหมือนกับมาท่องเที่ยวชื่นชมธรรมชาติ

บ้านหลังนี้ภายนอกไม่แตกต่างจากบ้านสามชั้นที่สร้างขึ้นเองตามชนบทที่อยู่ใกล้เมืองทงเฉิง แต่หลังจากที่เดินเข้าไปในตัวบ้าน ก็พบว่าเป็นการตกแต่งที่เลียนแบบสไตล์ยุโรปตะวันตกทั้งหมด

จากคานบ้านไล่มาถึงโต๊ะน้ำชาและถ้วยน้ำชา ทำให้คนงุนงงเหมือนตัวเองเข้ามาอยู่ในฉากหลังของละครอังกฤษ

เสียงเพลงดังขึ้นในเวลานี้ และไม่ใช่เพลง ‘ไว้ทุกข์’ ที่เห็นกันทั่วไป แต่เป็นเพลง ‘Waltz in A-flatmajor,Op.69,No.1’ ของโชแปง ถึงแม้จะพูดถึงการจากลา แต่ทำนองเพลงมีจังหวะเบาและผ่อนคลายมากกว่าเพลงไว้ทุกข์ในประเทศเป็นอย่างมาก

มีผู้หญิงสองสามคนในชุดลูกไม้สีดำเดินจากชั้นบนลงมาชั้นล่าง นี่คือเจ้าของบ้าน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล