อ่านสรุป ตอนที่ 812 พายุกำลังก่อตัว! จาก ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 812 พายุกำลังก่อตัว! คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 812 พายุกำลังก่อตัว!
เครื่องบินของสายการบินตงไห่แอร์ไลน์เดินทางถึงสนามบินทงเฉิง
ครั้งก่อนขาไปและกลับโจวเจ๋อและคนอื่นๆ ก็โดยสารสายการบินตงไห่แอร์ไลน์ ไม่ใช่เพราะบริการของสายการบินนี้ดีหรือราคาคุ้มค่าอะไร แต่เป็นเพราะมีสายการบินที่ไปกลับระหว่างทงเฉิงและหรงเฉิงเพียงสองสายการบินต่อวัน อีกลำคือเครื่องบินของสายการบินเสฉวนแอร์ไลน์ แต่มันจะหยุดที่อู่ฮั่นก่อน มีเพียงสายการบินตงไห่อย่างเดียวที่บินตรง
และด้วยเหตุนี้ พอทนายอันลงจากเครื่องบินปุ๊บก็นัดหมายกับแอร์โฮสเตสสาวคนหนึ่งไปดื่มที่บาร์คืนนี้ นี่อธิบายได้ไม่ยากเลย แอร์โฮสเตสไม่ได้ตาต่ำขนาดนี้ และทนายอันก็ไม่ได้มีเสน่ห์เหลือล้นปานนั้น แค่อ่อยเหยื่อให้ครั้งหนึ่งไม่ได้แปลว่าจะสำเร็จเสมอไป แต่ทำอย่างไรได้ทนายอันเล่นไปกลับตั้งไม่รู้กี่หน จนในที่สุดก็ติดเบ็ดแล้ว
ระหว่างรอลงจากเครื่องบิน เด็กชายที่เดินตามหลังทนายอันถามด้วยความแปลกใจเล็กน้อย “แอร์โฮสเตสพวกนี้บินเพียงเที่ยวบินเดียวและเส้นทางเดียวหรือ”
“ไร้สาระ แน่นอนว่าไม่ใช่ โดยทั่วไปแล้วพวกเธอจะใช้คอมพิวเตอร์จัดตารางงาน เที่ยวบินระหว่างประเทศก็อาจจะกำหนดชัดเจนหน่อย แต่ในประเทศน้อยนักที่จะกำหนด”
“เช่นนั้นเจ้าทำไม…”
“ถึงได้บอกว่าผมโชคดีไง หึๆ” ทนายอันเดินลงบันได แบมือออกแล้วพูดอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม “นับตั้งแต่ที่ผมรู้จักการเปลี่ยนความคิด ก็รู้สึกว่าโชคเริ่มดีขึ้น ชีวิตช่างสวยงามเหลือเกิน”
เด็กชายเบ้ปาก เขาจำได้ว่าเคยได้ยินจิ้งจอกขาวบ่นเรื่องทนายอันมาก่อน บอกว่าในสมองของคนคนนี้มีของเหลวสีทองครึ่งหนึ่งและหมึกครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็โดนใครสักคนหยิบไม้กวนมันแรงๆ
อี๋ น่าขยะแขยง
ตอนนี้ดูเหมือนว่าอย่างน้อยๆ จิ้งจอกขาวก็ยังพอรู้จักเลือกผู้ชายในระดับหนึ่ง
นักพรตเฒ่าขับรถไปรับที่หน้าประตูสนามบิน เมื่อทุกคนกลับมาถึงร้านหนังสือก็กินเวลาไปช่วงบ่ายแล้ว แต่สิ่งที่รอทุกคนอยู่คืออาหารเลิศรส
สวี่ชิงหล่างจัดโต๊ะเลี้ยงอาหารลั่วหยางแบบที่เสิร์ฟอาหารต่อเนื่องเหมือนสายน้ำไหล แม้ว่าจะเป็นเวอร์ชันที่ตัดทอนลงให้เรียบง่าย แต่ก็เพียงพอให้ทุกคนได้กินดื่มเพลิดเพลินถึงอกถึงใจ
เอกลักษณ์โดดเด่นของอาหารลั่วหยางก็คือเรียกน้ำย่อยได้ดีกินข้าวอร่อย เป็นการเตรียมต้อนรับที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ที่เพิ่งกลับบ้านจากต่างประเทศ
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ โจวเจ๋อถึงได้รู้สึกว่าเขากลับมาแล้วจริงๆ ได้นั่งบนโซฟาของตัวเองตามความเคยชิน อิงอิงก็ไปหาหนังสือพิมพ์และเตรียมชงกาแฟ ร้านหนังสือตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นกระดาษและกลิ่นหมึก ถนนหนานต้านอกหน้าต่างยังคงคับคั่งไปด้วยผู้คน ราวกับว่าทุกอย่างกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
การเดินทางสู่เสฉวน ถือว่าจบลงอย่างค่อนข้างน่าพอใจ ต่อไปก็เป็นเรื่องอาจารย์ของสวี่ชิงหล่างแล้ว
เถ้าแก่โจวเกลียดการทำอะไรสักอย่างมาโดยตลอด แต่สำหรับเรื่องนี้เขาจำเป็นจะต้องเร่งมือหน่อย อาจารย์คนนั้นปั่นหัวคนได้เก่งจริงๆ ถ้าไม่จัดการเขาล่วงหน้า เดาว่าเขาคงจะเตรียมอะไรมาเซอร์ไพรส์คุณอีกแน่ๆ
เมื่อเห็นว่าเหล่าสวี่ยังง่วนอยู่กับการเก็บถ้วยชาม โจวเจ๋อกะว่าเดี๋ยวค่อยเรียกเขามาคุยเรื่องนั้นทีหลัง
เวลานี้นักพรตเฒ่าเดินเข้ามาใกล้แล้วถามขึ้นก่อน “เถ้าแก่ มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอจิ้งจอกขาวนั่นหรือเปล่า”
หลังจากจิ้งจอกขาวกลับมาก็เอาแต่นอนเงียบๆ บนโซฟามุมหนึ่งไกลๆ ที่แสงแดดส่องไม่ถึง ดวงตาขรึมลง เปล่งรัศมีปลีกวิเวิกแยกจากทางโลก ตอนนี้เธอมีความสามารถแปลงกลายกลับมาเป็นมนุษย์ได้แล้ว แม้ว่าสูญเสียยาบำรุงเยาตันจะทำลายพลังชีวิตของเธอ แต่ตอนนี้เธอเป็นปีศาจจิ้งจอกห้าหางจึงไม่สนใจการสูญเสียเหล่านั้นอีก
นี่อาจกล่าวได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงระดับของชีวิต
“ทำไมเหรอ” โจวเจ๋อรู้แต่แกล้งถาม
“ก็แค่ แค่…” นักพรตเฒ่าเกาหัว “ก็แค่รู้สึกว่าไม่ยั่วยวนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เป็นการเปลี่ยนแนวเหรอ”
“อืม เปลี่ยนแนวเป็นเทพธิดาหิมะน้ำแข็งแทน”
“อ๋อ งั้นสินะ”
“จริงสิ แบตเตอรี่แบบชาร์จไฟได้ที่ร้านข้างๆ เป็นไงบ้าง”
“สบายดีทีเดียว เมื่อวานยังบอกว่าจะออกจากโรงพยาบาลอยู่เลย ฟางฟางบอกข้า ข้าก็คิดอยู่ว่า คนคนนี้มีวาสนากับร้านหนังสือของเรา ไม่มีวาสนาร่วมกันจะมานอนเป็นผักอยู่ข้างๆ เราได้นานขนาดนี้เลยเหรอ นอนตั้งแต่ครึ่งปีหลังของปีก่อนจนใกล้จะถึงเทศกาลโคมไฟแล้ว ข้าก็เลยกะว่าจะไปส่งสักหน่อย แต่ปรากฏว่าพอคนคนนั้นเห็นข้ามาแล้ว เดาว่าคงจะตื้นตันใจละมั้ง อาจจะตัดใจจากพวกเราไปไม่ลง ยังไงก็นอนเป็นผักอยู่ที่นี่มานานและคงจะชินแล้ว
สะสมบุญสิบปีถึงมีวาสนาได้ลงเรือลำเดียวกัน ยิ่งเป็นเพื่อนบ้านอย่างนี้ยิ่งได้โอกาสมาไม่ง่ายเลย เขาถึงบอกให้ข้าไม่ต้องไปส่ง เขาไม่ไปแล้ว เขายืนกรานว่าไม่ไปแล้ว!”
โจวเจ๋อได้ยินก็ยิ้มขำ “ก็ดี”
“ใช่แล้ว ผู้ชายคนนี้น่ะจริงใจจริงๆ นะ เมื่อก่อนยังดูไม่ออก ตอนนี้ถึงได้รู้สึกว่าเขาเป็นคนให้ความสำคัญกับความรู้สึกจริงๆ”
“เขาอาจจะกลัวสร้างปัญหาเพิ่มให้คุณ คุณคอยสังเกตดูหน่อย กันไว้เผื่อเขาสร้างปัญหาทิ้งให้คุณแล้วแอบหนีไปดื้อๆ”
“รับทราบแล้วเถ้าแก่ คนอื่นเป็นคนสุภาพหน้าบาง แต่เจ้าบ้านอย่างเราจะตระหนี่ได้อย่างไรล่ะเนอะ ข้าก็เลยคุยกับเดดพูลในสวนผักข้างบ้านแล้ว ขอให้ช่วยจับตามองเขาไปพร้อมกับร้านขายยา จะปล่อยให้เขาไปอย่างเงียบๆ ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าจะไปข้าก็ต้องออกไปส่งด้วยตนเองแน่นอน”
“ดีมาก” โจวเจ๋อพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
การจัดการของนักพรตเฒ่าเป็นไปตามความปรารถนาของเขา
“เถ้าแก่ กาแฟ”
“เถ้าแก่ หนังสือพิมพ์”
“เถ้าแก่ น้ำตาลก้อน”
อิงอิงตระเตรียมของที่ควรเตรียมไว้เป็นเซ็ตเรียบร้อย
โจวเจ๋อเอนตัวนอนลงอย่างสบายใจเฉิบ แสงแดดยามบ่ายสาดส่องกระทบร่าง
สบายตัว
โล่งสบาย
เคลิบเคลิ้มสบายอกสบายใจ
อันที่จริงคนเราก็เหมือนๆ กัน ยุ่งวุ่นวายไปมา แต่สิ่งที่ต้องการทั้งหมดนั้นก็เพียงเพื่อช่วงเวลาที่ได้นอนอย่างสบายใจไร้กังวลเช่นนี้
“ครับ” ทนายอันมองเหล่าจาง เมื่อก่อนเขาอาจคิดว่าเหล่าจางเป็นแค่ไพ่ใบหนึ่ง ภาพลักษณ์หนึ่ง กระทั่งเป็นการลงทุนที่ล้มเหลว แต่ตอนนี้เหล่าจางก็มีขาให้กอดพึ่งพิงแล้ว แน่นอนว่าไม่ใช่เด็กเมื่อวานซืนในอดีตแล้ว “ไว้ผมจะติดต่อไปหาเฝิงซื่อเอ๋อร์ด้วยเลย”
หากเป็นปู่ทวดของเหล่าจางติดต่อเหล่าจางมาจริงๆ นั่นก็หมายความว่าจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างในนรกแน่ เนื่องจากเขาและคนอื่นๆ ไม่ได้อยู่ที่ทงเฉิงในช่วงที่ผ่านมา อีกฝ่ายติดต่อเขาผ่านเครื่องหมายแดนอาคมที่ทิ้งไว้ให้ไม่ได้นี่เอง ดังนั้นจำต้องแจ้งเตือนเหล่าจางผ่านทางความสัมพันธ์ที่เรียกว่า ‘การรับรู้ทางสายเลือด’
ตอนนี้ทนายอันจึงไม่สามารถไปตามนัดที่ให้ไว้กับแอร์โฮสเตสได้แล้ว พลันหันหลังกลับขึ้นไปบนห้องทันที
โจวเจ๋อเอนหลังพิงโซฟา บอกตามตรง เถ้าแก่โจวเป็นหนึ่งในคนที่หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับนรก เขาไม่มีความคิดที่จะตอบโต้หรือเร่งเร้ากระตุ้นใดๆ ต่อนรก เขารู้สึกว่าชีวิตในตอนนี้ค่อนข้างดีทีเดียว
เขาพยายามอย่างหนักเพื่อรักษาชีวิตแบบนี้มาโดยตลอด แต่ถ้าหากเกิดพายุใหญ่และความวุ่นวายครั้งใหญ่ในนรก การที่ผู้จับกุมอย่างเขาอยากจะใช้ชีวิตสบายๆ ในร้านหนังสือแห่งนี้ในทงเฉิง ก็คงเป็นเรื่องยากมากถึงมากที่สุด
“จริงสิ คุณกับตำรวจเฉินเป็นยังไงบ้างแล้ว”
“อ่า เอ่อ ก็ไม่เป็นยังไง” เหล่าจางตอบ
“สรุปว่ามันเป็นยังไงแน่”
“เธอไปแล้ว ย้ายไปโรงพยาบาลอื่นแล้ว”
“อ๋อ”
“เถ้าแก่ ครั้งนี้พวกคุณไปเสฉวนมาราบรื่นดีไหมครับ”
“ราบรื่นดีทีเดียว”
เวลานี้เด็กชายเดินออกมา เขาสะพายกระเป๋านักเรียน ขณะที่เดินมาถึงประตูก็พูดกับโจวเจ๋อ “ข้าจะไปทำการบ้านที่บ้านอาหวัง”
ไปเสฉวนครั้งนี้ ไม่ได้ทำการบ้านช่วงปิดเทอมฤดูหนาวหลายวันเดียว
“ฝากทักทายอาหวังของนายให้ฉันด้วย”
“ได้เลย” เด็กชายพยักหน้า
เมื่อจิ้งจอกขาวที่นอนอยู่ในมุมได้ยินคำว่า ‘อาหวัง’ ก็หันขวับมา แต่กลับไม่ได้ตามไปด้วย และนอนหมอบอยู่ตรงนั้นต่อไป คล้ายกับกำลังขบคิดสัจธรรมชีวิตก็ไม่ปาน
โจวเจ๋อหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาเตรียมจะอ่านต่อ แต่ใครจะรู้ว่าทันทีที่หยิบมันขึ้นมา เสียงร้องตะโกนด้วยความหวาดกลัวของทนายอันก็ดังมาจากชั้นบน
“ฉิบหาย!”
……………………………………………………………
[1] อัธยาศัยดีพอๆ กับผู้อำนวยการเจียงไคเชก มีที่มาจากกองทัพของเจียงไคเชกแพ้ เหมาเลยบอกว่าเจียงไคเชกขนอาวุธมาส่งให้ฟรี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล