ตอนที่ 830 ทานอาหาร!
……….
“แม้ว่าจะห้อยอยู่บนหลังเจ้า แต่ข้าสามารถจินตนาการสีหน้าเจ้าตอนนี้ได้ เดาว่าคงจะไม่ต่างจากคนที่กินขี้หรอก”
ทนายอันได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจยาว ถามด้วยความเศร้าใจมาก “เจ้าว่า จิ้งจอกตัวนี้มันแม่งเป็นวงศ์วานของสุนัขด้วยหรือ”
อิงอิงพยุงตัวเหล่าจางขึ้นมา เพียงแต่ตอนนี้เขายังกระตุกหงึกๆ อยู่ ดูเหมือนจะฟื้นตัวยากในเวลาสั้นๆ
เดดพูลเดินเข้ามากางมือด้านหน้าเหล่าจาง เถาวัลย์สีม่วงงอกจากฝ่ามือเดดพูลและแตกแขนงออกเป็นกิ่งไม้และใบเล็กๆ แยงเข้าไปในจมูกและปากเหล่าจาง ในไม่ช้ากลิ่นหอมจางๆ คล้ายกับกลิ่นมิ้นต์พลันตลบอบอวลไปในอากาศ
ไม่นานนัก
อาการชักกระตุกของเหล่าจางผ่อนคลายลงและลืมตาอย่างช้าๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและเหนื่อยล้า
เดดพูลเก็บกิ่งไม้กลับมาพร้อมอาการแย้มยิ้มบางๆ
“หึๆ ได้ผลดีจริงๆ” พอเห็นสิ่งนี้ทนายอันก็เบิกบานใจ “อีกหน่อยผมไม่ต้องอิจฉาเจ้าหมาแก่เฝิงซื่อเอ๋อร์ที่มีชุ่ยฮวาแล้ว”
เดดพูลเดินเข้าไปหาเด็กชาย เด็กชายมีจุดด่างดำบนตัว เดดพูลเอื้อมมือไปลูบตัวเด็กชายและมีน้ำสกัดสีฟ้าหยดไหลออกมา
“ซี๊ด…” เด็กชายร้องครางเบาๆ
รสชาติความรู้สึกนี้ช่างสบายสุดๆ
“รักษาได้แม้กระทั่งผีดิบด้วยเหรอเนี่ย” ทนายอันอึ้งไปครู่หนึ่ง
“น้ำผลไม้มาจากดอกอสุร่า เดิมมันก็สร้างจากการรวมตัวของปราณชั่วร้ายจึงมีผลช่วยเสริมต้นกำเนิดผีดิบ”
“ข้าเคยได้ยินชื่อดอกไม้นี้ แต่ไม่เคยเห็นมันมาก่อน”
“ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ แดนผนึกสุดตะวันตกเต็มไปด้วยทุ่งกว้างและภูเขา” ในคำพูดแฝงความคับแค้นไว้อย่างลึกซึ้ง
คนที่เก็บกวาดก็เก็บกวาดทางนี้ คนที่รักษาตัวก็ยังรักษาตัวอยู่ คนที่พักผ่อนก็กำลังพักผ่อน แต่อีกด้านหนึ่ง โจวเจ๋อนั่งขัดสมาธิ ด้านหน้ามีรัศมีสีเขียวเปล่งแสงละมุนออกมา
เพียงแต่ไม่นานนัก ใบหน้าหมูตัวหนึ่งผุดขึ้นท่ามกลางแสงรัศมีพร้อมสีหน้าขุ่นเคืองและพูดอย่างดุร้าย “เจ้ารู้ราคาของการล่วงเกินข้าหรือไม่”
โจวเจ๋อส่ายหน้าอย่างเฉยเมย ไม่ใช่ว่าไม่รู้แต่เพราะไม่สนใจใคร่รู้ต่างหาก ก็เหมือนกับก่อนที่คุณไปกินหมูสามชั้นตุ๋นแดงจะตั้งใจไปถามความคิดของหมูตัวนั้นทุกครั้งเลยหรือไง
โจวเจ๋ออ้าปาก เอื้อมมือไปเกี่ยวแสงรัศมีใส่ปากตัวเอง
“ฮ่าๆๆๆ เจ้าอยากกลืนกินข้าหรือ เจ้าบ้าไปแล้วสินะ!”
โจวเจ๋อไม่สะทกสะท้าน ยัดมันเข้าปากตัวเองต่อไป
รสชาติเหมือนสายไฟ ดูใหญ่มากแต่ถ้าบีบๆ อัดๆ ก็ยัดเข้าไปได้ ไม่มีรสชาติอื่นๆ แต่พอกินเข้าไปปากสดชื่นเหมือนใช้น้ำยาบ้วนปาก
“ได้ เจ้ากลืนกินข้า เช่นนั้นข้าจะฉกชิงร่างเจ้า!” นี่เป็นประโยคสุดท้ายที่หาวจื้อทิ้งไว้
โจวเจ๋อดูดนิ้วชี้ดัง ‘จ๊วบ’ พร้อมรอยยิ้มมุมปาก
ได้เลย รอแกมายึดร่างนะ
โจวเจ๋อลุกขึ้นยืนและบิดขี้เกียจไปที
ตอนนี้เองอิงอิงเดินมาถาม “เถ้าแก่ ท่านเป็นอะไรไหมเจ้าคะ”
“เป็นสิ”
“หือ”
“นั่งยองๆ จนเหน็บกินขานิดหน่อยน่ะ”
ดูเรื่องสนุกๆ ก็เหนื่อยมากเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์ก็ออกมาดี ร้านหนังสือล้วนเป็นทรัพย์สินในบ้านที่เขาเสาะหาและรวบรวมมาทีละคน ปีศาจทีละตัว นำกลับมาจากข้างนอก ตอนนี้กองกำลังกลุ่มนี้ได้เติบโตและพร้อมใช้งานแล้ว
เขายินดีมาก ที่สามารถเป็นปลาเค็มต่อไปได้แล้ว
เจ้าพ่อปลาเค็มตัวหนึ่ง หรือ ปลาเค็มพ่อทูนหัว
“อิงอิง คุณไม่เป็นไรใช่ไหม…โอ๊ะ!” โจวเจ๋อร้องและโน้มตัวไปข้างหน้าฉับพลันจนตกไปอยู่ในอ้อมแขนอิงอิง
“เถ้าแก่ เถ้าแก่เจ้าคะ เถ้าแก่ไม่เป็นไรใช่ไหมเจ้าคะ”
อิงอิงรู้แค่ว่าตัวของเถ้าแก่ของนางเริ่มเย็นเฉียบลงเรื่อยๆ เย็นเยียบจนแม้แต่ผีดิบอย่างนางยังทนแทบไม่ไหว แต่อิงอิงก็ยังกัดฟันแบกโจวเจ๋อขึ้นมาและตะโกนบอก “ข้าจะไปหาที่เงียบๆ ให้เถ้าแก่!”
ทนายอันรีบตะโกน “เลิกเก็บกวาดได้แล้ว ปกป้องพิทักษ์!”
ในเวลานี้เกิงเฉินรู้สึกสงสัยเล็กน้อย “กลืนลงไปแล้วจริงๆ หรือ”
“เจ้าคนบ้านนอก ไม่เคยเห็นอะไรมากมายอย่างนี้มาก่อนละสิ”
“เหอะๆ”
“อย่ามายิ้มเยาะ”
“เจ้าเชื่อไหมว่าหากวันใดข้าเกิดไม่พอใจเจ้า ก็จะมาแก่งแย่งความโปรดปราณกับเจ้าที่นี่”
“ฮ่าๆๆๆ ตลกล่ะ ข้ากลัวหรือไง คนนิสัยเสียอย่างเจ้าจะประจบเก่งเท่าข้าหรือ”
“…” เกิงเฉิน
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เกิงเฉินก็พูดต่อ “รอให้จัดการร่างกายของข้าเสียใหม่เสียก่อน ข้าต่อสู้เก่งกว่าเจ้าแน่นอน”
“นั่นเพราะผลจากการโดนถอนยศของเจ้ายังไม่ปรากฏให้เห็นสมบูรณ์ต่างหาก”
“แค่วิชาหุ่นเชิด ข้าก็ฆ่าเจ้าได้แล้ว”
“ได้เลย เช่นนั้นเจ้าเอาชนะเพื่อนแซ่จางที่เพิ่งเป็นโรคลมบ้าหมูเมื่อครู่นี้ของเราได้หรือไม่”
ฉันไม่ได้โม้ แค่ดึงใครสักคนที่เป็นโรคลมบ้าหมูในร้านหนังสือของเราก็อัดแกจนเละได้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล