ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 831

สรุปบท ตอนที่ 831 บ้านสุนัข: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 831 บ้านสุนัข – ตอนที่ต้องอ่านของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนนี้ของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 831 บ้านสุนัข จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 831 บ้านสุนัข

……….

บางสิ่งอยากจะลืมแต่ลืมไม่ได้ นั่นเป็นความหวาดกลัวที่สืบทอดกันทางสายเลือดจริงๆ มันถูกจารึกและสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น เวลาทำให้เลือนรางได้ แต่ไม่อาจลบเลือนได้จนหมดสิ้น

ในตอนนี้

ในส่วนลึกของจิตวิญญาณนี้

ในทะเลแห่งความตายนี้

ในดินแดนแห่งกระดูกผืนนี้ในอดีต

ในตอนที่เงาของชายผู้นี้ได้ปรากฏขึ้นต่อหน้ามัน

หาวจื้อหวนนึกถึงความกลัวที่บรรพบุรุษของมันถูกสังหารพร้อมปรุงสุก!

“อ๊ากกกก!!!!!!!!!”

หาวจื้ออ้าปากเริ่มคำรามร้องเสียงดังโหยหวนด้วยความหวาดกลัว คำรามร้องเสียงดังแต่ไม่น่ากลัวเลยสักนิด เพราะเสียงกรีดร้องเต็มไปด้วยความหวาดกลัวที่ชัดเจนแจ่มแจ้งจนเกินไป ฮิสทีเรียชนิดที่เกือบจะบ้าคลั่ง

อิ๋งโกวไม่พูดอะไร เขาแค่ยืนอยู่ตรงนี้ ยืนมองเงียบๆ

หัวหมูอันน่าสะพรึงกลัวเท่าภูเขาเริ่มสลายไป มันไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า ไม่กล้ากระตุกหนวดชายตรงหน้าผู้นี้ ไม่กล้าให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดคิดว่ามันมีเจตนาคุกคามล่วงเกินแม้แต่น้อย

นานแสนนาน

เซี่ยจื้อถึงจะฝืนสงบสติอารมณ์ตัวเองลงได้ แต่ก็ยังฝังหัวและหลับตาลงอยู่ดี อสูรร้ายโบราณโด่งดังเหมือนจะกลายเป็นเปปป้าพิกตัวหนึ่ง

โจวเจ๋อยกมือขึ้น “จำ…ข้า…ได้…สิ…นะ…”

อาหารถึงบ้านแล้ว ไม่รับก็แล้วไป แต่นี่ยังอุตส่าห์ให้คนส่งอาหารป้อนเข้าปากตัวเองอีก แม้แต่เถ้าแก่โจวเอนพิงอยู่ข้างหลังยังพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง ช่างอวดดีและขี้เกียจเกินไปแล้ว

หาวจื้อไม่โกรธ ภายใต้สมมติฐานที่ว่าจำตัวตนของชายตรงหน้านี้ได้ เขาไม่กล้าแม้แต่จะรู้สึกโกรธหรือโมโหด้วยซ้ำไป

ในสมัยนั้น ดูเหมือนบรรพบุรุษของมันจะมีชะตากรรมหนึ่งอยู่เสมอ นั่นคือการเป็นอาหารของจ้าวทะเลแห่งความตายที่สามารถเรียกกินได้ทุกเมื่อ แม้ว่าโดยปกติแล้วจะเป็นสิ่งมีชีวิตยักษ์ใหญ่ในขอบเขตอิทธิพลของตนเองก็ตาม แต่เมื่อไรที่คนผู้นั้นหิว หรืออยากลิ้มลองรสชาตินี้ ทันทีที่จิตสำนึกส่งมาถึง ผู้นำเผ่าพันธุ์จะมัดตัวเองและลงไปยังส่วนลึกของทะเลแห่งความตายก่อน แม้กระทั่งเตรียมอุปกรณ์ทำอาหารเอง และใช้ตัวเองปรุงอาหาร

นี่คือความอัปยศอดสูละมั้ง

ใช่แล้ว

ความอัปยศอดสู

แต่อัปยศมาเป็นเวลานาน ก็ไม่รู้สึกอัปยศอดสูอีกต่อไป สิ่งนี้เหมือนได้กลายเป็นพิธีกรรมไปแล้ว ความรู้สึกของพิธีกรรมทำให้ความโศกเศร้าเจือจางลง ความรู้สึกพิธีกรรมนำมาซึ่งความรุ่งเรืองอันน่าหลงใหล ราวกับว่าการกลายเป็นอาหารของคนผู้นั้นจะเป็นที่พึงปรารถนาของกลุ่มรุ่นเยาว์มากกว่าการเป็นผู้นำของเผ่าพันธุ์เสียอีก

เพียงแต่น่าเสียดายมาก ถึงแม้คนผู้นั้นจะชอบกินหาวจื้อ ทว่าแต่ไหนแต่ไรไม่เคยเอากระดูกของพวกมันไปไว้ใต้บัลลังก์กระดูกของเขาเลย เหตุผลง่ายๆ คือไม่ผ่านเกณฑ์

“ท่านเองหรือ…”

หาวจื้อเงยหน้าขึ้นอย่างระมัดระวัง รวบรวมความระมัดระวังอย่างถึงที่สุด การคิดอย่างมีเหตุผลเอาแต่คอยบอกมันว่าคนตรงหน้านี้ล้มลงแล้วและต่อให้ไม่ตายสนิท แต่ก็ไม่ใช่คนผู้นั้นที่น่าสะพรึงกลัวเหมือนในสมัยนั้นอีกต่อไป

มันไม่มีอะไรต้องกลัว ไม่จำเป็นต้องกลัวจริงๆ กระทั่งอีกฝ่ายต้องกลัวมันด้วยซ้ำ!

แต่ทว่า โดยส่วนใหญ่ ข้อดีของการสัมผัสผ่านการรับรู้ยังสามารถบดขยี้สิ่งที่เรียกว่าเหตุผลให้แตกเป็นชิ้นๆ ได้

โดยเฉพาะเมื่ออิ๋งโกวเอ่ยประโยคถัดไป “ละ…จิต…สำ…นึก…เจ้า…ไว้…หนึ่ง…ส่วน…”

มันไม่ง่ายเลยที่เจ้าหลุดพ้นผนึกและแอบย่องเข้าสู่แดนมนุษย์ ทิ้งจิตสำนึกไว้ให้ส่วนหนึ่งของเจ้านับว่าเป็นกำลังใจแล้ว ที่เหลือก็ให้ข้าแล้วกัน

ประโยคนี้อุกอาจยิ่งกว่า ‘ตบรางวัลให้เจ้าด้วยศพทั้งตัว’ แต่กลับทำให้หาวจื้อรู้สึกตื่นเต้นมากเสียจนแทบจะน้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้ง

นี่มันเป็นเกียรติ เป็นเกียรติ เป็นเกียรติ!

มันเป็นหมูยักษ์หาวจื้อที่สามารถทำให้คนตรงหน้ายอมถอยให้เป็นตัวแรก!

“มีเรื่องหนึ่งอยากบอกท่าน”

อิ๋งโกวพยักหน้าเงียบๆ และส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายพูดต่อ

“ครั้งนี้ที่ขึ้นมาไม่ได้มีแค่ข้าผู้เดียวเท่านั้น ยังมีจิตสำนึกต้นกำเนิดของอีกสองดวงด้วย”

“เป็น…ผู้…ใด…” จากนั้น อิ๋งโกวก็เอ่ยถามอีก “อร่อย…หรือ…ไม่…”

“ขึ้น…อยู่…กับ…เจ้า…”

ดูเหมือนว่าเพิ่งกินอาหารเพื่อสนองความหิว หรืออาจจะเป็นเพราะเขาเห็นด้วยกับความกังวลลึกซึ้งในคำพูดของโจวเจ๋อ นั่นก็คือเรื่องนี้จะจบลงด้วยกีบเท้าหมูตัวต่อไป

หากยังล่าสัตว์ต่อไป อาจจะเกิดปัญหาขึ้นก็ได้

มีบางอย่างน่ากลัวยิ่งกว่าหาวจื้อที่ดูเหมือนอยู่เบื้องหลังวางแผนเหตุการณ์การแปรพักตร์ ก่อนที่อิ๋งโกวจะฟื้นตัวถึงระดับที่เพียงพอจะโผล่พรวดไปอยู่ท่ามกลางสายตาของผู้ทรงพลังนั้นมันไม่ฉลาดเอาเสียเลยจริงๆ

อิ๋งโกวเดินผ่านโจวเจ๋อ ยกเท้าก้าวขึ้นเหยียบบันไดกระดูก เดินทีละก้าวไปยังบัลลังก์สูงชะลูดของเขา

โจวเจ๋อแหงนหน้ามองบันไดสูงชะลูดด้านบนและบ่นว่า “สมัยก่อนตอนขึ้นลงเตียงแก ในทุกวันต้องวิ่งขึ้นๆ ลงๆ บันไดเป็นเวลานานๆ เหมือนปีนเขาเปี๊ยบ เหนื่อยไหมเนี่ย”

อิ๋งโกวไม่สนใจเขา

“นี่ ฉันว่านะ ฉันเคยนั่งบนเก้าอี้ตัวนั้น มันแข็งเกินไปอะ บอกตามตรง สู้แกวางเตียงโซฟาไว้บนเก้าอี้ดีกว่า”

กลางทะเลแห่งความตายอันกว้างใหญ่ บนผืนแผ่นดินมีกระดูกกองอยู่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ตำแหน่งสูงสุดของนรกยุคนั้นอย่างแท้จริง จะให้วางเตียงโซฟาได้หรือ

ฝีก้าวอิ๋งโกวสั่นไหวล็กน้อย แต่ก็ยังเดินขึ้นต่อไป ดูเหมือนว่าเขากำลังสูดหายใจเข้าลึกๆ

โจวเจ๋อยิ้ม กะไว้แล้วว่าเป็นหนี้บุญคุณ ไม่โกรธเลยนะเนี่ย

“เฮอะ ฉันบอกว่า ทำไมถึงได้มีหลุมอยู่ใต้นี้ด้วย” โจวเจ๋อชี้ตำแหน่งที่ตัวเองเพิ่งนั่งและพูดขึ้น ข้างในมีเบาะสีทองหนึ่งชั้น แถมมีพื้นที่เว้าลงไปอีกด้วย

แกก็ไม่ต้องขึ้นๆ ลงๆ ทุกวัน นอนที่นี่ไปเลยก็ดีนะ”

อิ๋งโกวหยุดฝีเท้า เผยรอยยิ้มมีเลศนัยที่มุมปากและพูด “เจ้า…ชอบ…มาก…หรือ…”

โจวเจ๋อยักไหล่ “เทียบกับการปีนไกลขนาดนี้ ฉันก็ยังชอบตรงนี้มากกว่า”

“ตรง…นั้น…เป็น…บ้าน…สุนัข…”

“…” โจวเจ๋อ

………………………………………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล