ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 842

สรุปบท ตอนที่ 842 จัดการได้!: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

อ่านสรุป ตอนที่ 842 จัดการได้! จาก ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 842 จัดการได้! คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 842 จัดการได้!

……….

“เปิดประตู มาส่งอาหาร”

“ครับผม รอสักครู่”

ประตูไม่ถูกเปิดออก เพราะประตูระเบิดไปแล้ว ขี้เลื่อยปลิวว่อน ตัวทนายอันเองก็ระเบิดกระเด็นไปพร้อมๆ กันด้วย

อาเฟิงยืนอยู่หน้าประตู ใช้มือยันผนัง เป้ายังคงเย็นซู่ แต่รอยยิ้มบางๆ กลับประดับไว้มุมปาก “เจ้าโจรตัวจ้อยจากไหนกล้าปีนเกลียวคนอย่างปู่ของเจ้า”

หน่วยบังคับใช้กฎหมายไม่ได้รับการปล่อยตัวมาหลายปี วิญญาณสัมภเวสีในแดนมนุษย์ลืมเชื่อเสียงอันน่าเกรงขามของเราจนหมดสิ้นไปแล้วหรือ

ในร่มเงาสนามหญ้าด้านหลังไกลๆ

โจวเจ๋อเลียริมฝีปากและพูด “ใช้ได้”

แค่ความรอบคอบและความเร็วในการตอบสนองได้กำหนดนิยามใหม่ของคำว่า ‘หน่วยบังคับใช้กฎหมาย’ ในใจของเถ้าแก่โจวไว้แล้ว

เหล่าจางพยักหน้าอยู่ข้างๆ เห็นด้วยอย่างยิ่ง

ทนายอันชักมือกระดูกของตัวเองกลับ หัวเราะหึๆ พลางเอ่ย “ผมรู้มานานแล้ว ก่อนหน้านี้ถึงได้เสนอให้เหล่าจางไปเคาะประตูไง”

“…” เหล่าจาง

“มองผมทำไม ยังไงคุณก็อึดอยู่แล้ว”

หน้าประตู

สีหน้าของอาเฟิงที่เพิ่งจะภูมิใจที่ควบคุมทุกอย่างได้อยู่หมัดพลันแข็งกระด้าง เขาสูดหายใจเข้าลึกและตบหน้าผากตัวเองทันที จากนั้นชายคนนั้นที่ล้มหงายตึงบนพื้นทางเดินหน้าประตูหายตัวไปแล้ว

ใบหน้าอาเฟิงกระตุก เขาโดนเล่นเข้าให้แล้ว แถมหลังถูกหลอกให้ยืนภูมิใจอยู่หน้าประตูอีกต่างหาก ช่างน่าอายอย่างยิ่ง!

“ขายหน้าเสียจริง”

อาเผิงเอาหนังสือเคาะหลังตัวเองอยู่บนชั้นสองพลางหัวเราะเยาะสหายร่วมหน่วย

อาเผิงโยนหนังสือในมือลงมา

ทันใดนั้นเอง เชือกในหนังสือขาดสะบั้น กระดาษสีนวลปลิวว่อน ตามด้วย กระดาษเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนปกคลุมวิลล่าและพื้นที่ส่วนหนึ่งรอบๆ ในทันที

“เฮอะ”

อาเผิงยิ้ม ยื่นมือไปข้างหน้าและจับควันสีชมพูไว้ในมือ

“จับเจ้าได้แล้ว”

“เฮอะ จับเจ้าได้แล้ว”

ทนายอันขยับพลิกนิ้วกระดูกทั้งสิบนิ้วอย่างรวดเร็ว สีหน้าเคร่งขรึมและจริงจังอีกครั้ง

ไกลออกไปตรงบนระเบียงชั้นสอง มือของอาเผิงสั่นเทิ้มอย่างรวดเร็ว ความดูถูกในแววตาค่อยๆ จางหายไปแทนที่ด้วยความเคร่งขรึม

“เฮ้ จับได้แล้วไม่ใช่หรือ” อาเฟิงเงยหน้าขึ้นตะโกนถามด้านบน

คนเล่า

คนอยู่ไหน

เจ้าสอดแนมแล้วไม่ใช่หรือ รายงานตำแหน่งมา!

“เป็นคู่ต่อสู้” อาเผิงเอ่ยพูด ขยับปลายนิ้วไม่หยุด หากสังเกตเขาใกล้ๆ ในเวลานี้ จะพบว่ามีความแวววาวหลากหลายปรากฎขึ้นในดวงตาของเขาอยู่ตลอดเวลา ราวกับเป็นการแสดงภาพสไลด์ไหลวนอย่างรวดเร็ว

ภาพลวงตาถูกสร้างขึ้นทีละฉากๆ และภาพลวงตาแต่ละฉากถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน ก็มองหาจุดอ่อนของกันและกันด้วย

ไม่นาน

รอยยิ้มผุดขึ้นมุมปากของอาเผิงและเอ่ยพึมพำ “ทำไมถึงได้รู้สึก…คุ้นเคย”

เหล่าจางชี้ทนายอันที่ยืนอยู่ข้างๆ ทั้งสองคน แม้ว่าเหล่าจางจะมองเห็นได้ไม่ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เขาเคยเห็นฉากต่อสู้กลางอากาศในละครทีวีมาแล้ว ในเวลานี้ถึงได้รู้ว่าทนายอันกำลังปะทะกับใครสักคนในวิลล่าฝั่งตรงข้าม

โจวเจ๋อส่ายหน้า “ไม่รีบ ในเมื่อมาช่วยเหล่าอันระบายความโกรธ ก็ต้องให้เขาสัมผัสประสบการณ์ในเกมสักหน่อย”

นี่ถึงจะเรียกว่าความคิดของเถ้าแก่จีนที่แสนดี!

หากเล่นโกงละก็ เพื่อนร่วมทีมทำได้แค่มาเก็บอาวุธ จริงๆ แล้วมันน่าเบื่อเอามากๆ

อันที่จริง นอกจากจะไม่จ่ายเงินเดือนให้ แต่เถ้าแก่โจวสามารถชนะรางวัล ‘เถ้าแก่ขวัญใจพนักงาน’ ได้จริงๆ

“เหล่าจาง”

“หือ”

“คุณเหยียบรองเท้าผม”

“อ่า ขอโทษครับ…”

เหล่าจางถอยหลังโดยไม่รู้ตัวและถึงได้พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาไม่ได้เหยียบรองเท้าของเถ้าแก่เลย

แต่ในตอนนี้เอง เงาดำโผล่ขึ้นด้านหลังโจวเจ๋อและเหล่าจาง มาไม่ให้สุ้มให้เสียงราวกับผี แต่เหล่าจางที่กำลังถอยร่นดันติดอยู่ระหว่างโจวเจ๋อและเงาดำพอดี

คั่นได้สมบูรณ์แบบ!

กริชคมกริบสีดำแทงหลังเหล่าจาง ร่างของเหลาจางปรากฏแสงสีขาว

เขี้ยวสองซี่งอกออกมา ความแวววาวสีดำเริ่มไหลเวียนในดวงตาอย่างต่อเนื่อง ร่างกายเข้าสู่สถานะผีดิบอย่างรวดเร็ว พิษศพหลั่งไหลออกมาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นพิษบนฝ่ามือสลายไปจากฝ่ามือก่อนที่มันจะแพร่กระจายออกไปจนหมดสิ้น

การจะทุบผีดิบให้ตายนั้น ยากมาก แต่อยากจะวางยาพิษใส่ผีดิบนั้น ยากยิ่งกว่า!

อาเหยาร่วงลงกับพื้น เงยหน้าจ้องมองโจวเจ๋อที่อยู่ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยด้วย ใบหน้าก็กระตุก รอยแผลเป็นราวกับว่ามีชีวิตเริ่มไต่ขึ้นมาจากคอทีละนิดๆ จนปกคลุมไปทั่วทั้งใบหน้าของนาง

เอาล่ะ ตอนนี้ไม่ใช่แค่ใต้ร่มผ้าไม่น่ามองแล้ว ตอนนั้นยิ่งไม่น่ามองไปทั้งตัวด้วยซ้ำ

“คิดไม่ถึงว่าจะเป็นผีดิบ…”

อาเหยาแลบลิ้นเลียฝีปาก เอียงหัวเล็กน้อยพลางเอ่ย “ข้าได้กลิ่นเจ้าหน้าที่ทางการจากตัวเจ้า เจ้าเป็นคนของยมโลกหรือ”

โจวเจ๋อไม่ตอบ

“อ้อ มิน่าล่ะพวกเราตามหาในทงเฉิงตั้งสองวันกลับหายมทูตในทงเฉิงไม่เจอเลยสักตน พวกเจ้าหลบซ่อนสินะ”

อาเหยาเผยสีหน้าประหลาดใจ

“จุ๊ๆ ในเมื่อเจ้าเป็นยมทูต เช่นนั้นเจ้าก็น่าจะรู้จักตัวตนของพวกเราทั้งสามคนดี! ภายใต้คำสั่งของยมโลก หวนสู่แดนมนุษย์จับผู้หลบหนี หากไม่ช่วยไม่เป็นไร แต่ดันกล้าขัดขวางการบังคับใช้กฎหมาย ถือเป็นความผิด!”

เถ้าแก่โจวอมยิ้ม คำพูดเมื่อครู่ของผู้หญิงคนนี้ฟังดูแล้วรู้สึกเหมือนกำลังถ่ายละครสมัยโบราณอย่างไรชอบกล

แต่ท่าทีดูถูกของโจวเจ๋อไปกระตุ้นอาเหยาเข้า อาเหยาเอานิ้วชี้เข้าปากและดูดดุน พร้อมกับพูด “จุ๊ๆ ดูเหมือนว่ายมโลกจะล่มสลายไปไกลแล้วจริงๆ แม้แต่ยมทูตในแดนมนุษย์ยังกล้าต่อต้านกฎหมายอย่างเปิดเผย”

ระหว่างที่พูด นิ้วชี้ของอาเหยาอยู่ห่างจากปาก น้ำลายวาววับหยดไหลออกจากริมฝีปาก แต่ทว่า ขณะที่มันกำลังจะร่วงหยดลงพื้น จู่ๆ ม่านแสงสีเขียวอ่อนพลันปรากฏขึ้นสลายและเหยหยดน้ำลายไปจนสิ้น

ในเวลาเดียวกัน แหวนทองสัมฤทธิ์บนนิ้วนางซ้ายของโจวเจ๋อกลับส่องประกายขึ้นเล็กน้อย

เมื่อวานตอนที่กินหัวหมูบวกกับขาหมู เจ้าโง่ก็ได้ฟื้นกำลังขึ้นมาหน่อยและพัฒนาแหวนทองสัมฤทธิ์ใหม่อีกครั้ง เป็นประโยชน์สำหรับโจวเจ๋อก็ตรงที่ ตอนนี้โจวเจ๋อใช้มันได้ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็คล่องมือไปเสียทุกอย่าง

แม้ว่าจะไม่เข้าใจค่ายกล แต่อาศัยการเปิดใช้แหวนทองสัมฤทธิ์วงนี้สร้างแดนอาคมกั้นการสื่อสารกับโลกภายนอกก็ไม่ใช่ปัญหาและพื้นที่ก็ใหญ่พอสมควร

โจวเจ๋อเอาแต่คิดว่า เป็นความตั้งใจของเจ้าโง่หรือเปล่า หลังจากพัฒนาแหวนทองสัมฤทธิ์แล้วจะได้สะดวกในการล่าหาอาหารและป้อนเขาได้ง่ายขึ้นในอนาคต

เขาเหมือนเป็นสุนัขล่าเนื้อตัวหนึ่งจริงๆ วิ่งไปคาบเหยื่อกลับมาให้เขา

เรื่องทิศทางของอารมณ์ยังไม่ใช่เรื่องต้องไปคำนึงถึง แต่ผู้หญิงคนนี้เก่งกาจจริงๆ ปากเอาแต่พล่ามคำสาบาน แต่กลับแอบส่งข่าวไปเบื้องล่าง

“จุ๊ๆๆ วิธีนี้ทำให้ข้าประหลาดใจจริงๆ บางทีสิ่งที่เรียกว่าผู้ตรวจสอบตัวจริง พวกเขาอาจมีวิธีการไม่มากเท่าเจ้าใช่หรือไม่”

หญิงสาวค้อมตัว จ้องมองโจวเจ๋อราวกับเสือชีตาห์กำลังจะกระโจนขย้ำ

“ดูเหมือนว่า คืนนี้พวกเจ้าอยากจะเอาชีวิตพวกเราทั้งสามคนจริงๆ น่ะหรือ ได้สิ ก่อนจะเอาจริงบอกชื่อเสียงเรียงนามหน่อยได้หรือไม่ ไม่ว่าใครจะตายก็ตาม จะได้สะดวกตั้งอนุสาวรีย์ให้อีกฝ่าย ข้าชื่ออาเหยา ข้าไม่มีแซ่ คนในหน่วยบังคับใช้กฎหมายล้วนไม่มีแซ่”

สีหน้าโจวเจ๋อแข็งกระด้างและตอบกลับไปอย่างเคร่งขรึมจริงจัง “ฉันชื่อเกิงเฉิน”

……………………………………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล