ตอนที่ 86 อาศัยร่วมกับเจ้าลิง
เพิงหลังเล็กๆ ที่ปล่อยรกร้างนี้ พอหลบแดดหลบฝนแก้ขัดได้ สภาพแวดล้อมโดยรอบก็ยุ่งเหยิงไร้ระเบียบเช่นกัน แต่อย่างน้อยๆ ก็ไม่มีขยะให้เห็นชัดเจน แต่กลับมีของเล่นเด็กน้อยอยู่จำนวนหนึ่งวางกองพะเนินอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
โอ้ ยังมีคนนอนอยู่ตรงนั้นด้วย
น่าเสียดาย ที่ไม่มีนักข่าวเดินผ่านไปตรงนั้น ไม่อย่างนั้น ถ้าหากสามารถถ่ายฉากสุนัขและแมวจรจัดหลายสิบตัวกำลังกระชากลากดึงคนด้วยกัน หลังจากแพร่ออกไปจะต้องทำให้คนหลายคน ซาบซึ้งจนบ่อน้ำตาแตกอย่างแน่นอน
ในมือเจ้าลิงน้อยกำลังบีบสิ่งดำๆ ไม่น่าดูก้อนหนึ่ง เหมือนกับก้อนดินเหนียวกลมๆ แต่ว่าก้อนดินเหนียวนี้กลับดูสะอาดมาก
จากนั้น มันหยิบออกมานิดหน่อยแล้วทาลงบนบาดแผลของชายที่อยู่ข้างๆ อย่างช้าๆ
บาดแผลของชายคนนี้มีมากจนเกินไป ทั้งแผลไฟลวกสองแผลที่หน้าอก บาดแผลเหวอะหวะตรงแผ่นหลัง รวมถึงบาดแผลตามเนื้อตัวที่แตกยับนับไม่ถ้วนไปทั่วทั้งตัว ทำให้หลังจากทาเสร็จแล้ว เนื้อตัวชายคนนี้ถูกดินเหนียวคลุมไปมากกว่าครึ่งตัว
เหมือนกับ ‘ไก่ขอทาน[1]’ ตัวหนึ่งที่กำลังโดนขุดเจอ
บางครั้งเจ้าลิงก็จนปัญญา นั่นเป็นเพราะมันขัดหูขัดตาผู้ชายคนนี้มาก มักจะเกิดอารมณ์ชั่ววูบอยู่ในใจจนอยากจะบีบคอเขาให้ตายอยู่บ่อยครั้ง แต่ทุกครั้งหลังจากความคิดตีกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ มันทำได้เพียงคิดหาวิธีช่วยให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปตามจิตใต้สำนึก และไม่ให้เขาตายไปแบบงงๆ ต่อหน้าต่อตาตัวเองอย่างนี้
ความจริงเขาควรจะตายไปแล้ว บาดเจ็บหนักเสียขนาดนี้ แม้ว่าสุดท้ายจะตกมาจากบนดาดฟ้าลงมากระแทกเข้ากับกองขยะและสูญเสียเรี่ยวแรงส่วนมากไปแล้วก็ตาม แต่อาการบาดเจ็บเดิมของเขาก็เพียงพอที่จะทำให้คนธรรมดาตายได้ตั้งหลายรอบแล้ว
แต่เขานั้นไม่ตาย บางครั้งเจ้าลิงก็เอาหูตัวเองไปแนบที่หน้าอกอีกฝ่ายจนสามารถได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงแบบนั้น
ดูจากเสียงหัวใจเต้นแล้ว อีกฝ่ายดูเหมือนจะแข็งแรงมาก ไม่มีท่าทางอ่อนแอแม้แต่นิดเดียว ดูจากโดยรวมทั้งหมดทั้งมวลแล้ว การที่หัวใจของเขายังเต้นอยู่นั้นเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่งเลยทีเดียว
ราวกับว่าหัวใจของเขาและทั้งตัวของเขาแยกส่วนออกจากกัน ถึงแม้ว่าอวัยวะอื่นๆ ของร่างกายจะเสื่อมถอยไปนานแล้วก็ตาม แต่หัวใจยังคงเบิกบานและกระโดดโลดเต้นอย่างเสรี
เป็นแบบนี้จนผ่านไปแล้วถึงเจ็ดวัน ในช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมา ชายหนุ่มก็ยังไม่ฟื้นคืนสติ และยังอยู่ในอาการโคม่า เจ้าลิงพยายามป้อนอาหารบดละเอียดใส่ปากให้ชายหนุ่ม
ล้วนแล้วแต่เป็นอาหารที่สุนัขและแมวจรจัดหามาให้ เพื่อเป็นการเคารพมัน มันใช้ของบดขยี้จนละเอียด และป้อนให้ชายหนุ่มกิน แต่หลังจากป้อนเข้าไป ชายหนุ่มที่อยู่ในอาการโคม่าจะคายออกมาอย่างรวดเร็วทุกครั้ง
นี่ทำให้เจ้าลิงโกรธหนักมาก มันเอาอาหารที่สะอาดและอร่อยที่สุดของตัวเองให้เขากิน แต่เขากลับคายออกมา!
เจ้าลิงรู้สึกว่าชีวิตตัวเองคงจืดชืดไปหน่อย ก็ดูสิ ขนาดอาหารที่ปกติตัวเองคิดว่ามันยอดเยี่ยมมากแล้ว แม้แต่คนที่นอนโคม่าอยู่ยังปฏิเสธไม่กินตามสัญชาติญาณเลย
นี่มันเป็นการดูถูกข้าชัดๆ!
เจ้าลิงที่ไม่สบอารมณ์เจอเข้ากับ ‘ เหล่ากานมา[2]’ ที่ยังเหลืออีกครึ่งกระปุกจากในเพิงและป้อนให้เขาไปเลย เจ้าลิงเคยกินมาก่อน เผ็ดมากจนมันกระโดดเต้นเร่าๆ
สิ่งที่ทำให้เจ้าลิงประหลาดใจก็คือชายคนนี้กินมันเข้าไปได้ เจ้าลิงหยิบอาหารมาเล็กน้อย บดละเอียดแล้วป้อนต่อไปเรื่อยๆ เขาก็กินมันลงไปแล้ว
เจ้าลิงตกตะลึง
เจ้าบ้านี่ กินรสจัดได้ถึงขนาดไหนกันแน่นะ!
ในที่สุด ในวันที่แปด เปลือกตาของโจวเจ๋อขยับสั่นไหวขึ้นมา เขาลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ แปลกใจเล็กน้อยว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ไม่ใช่ทั้งโรงพยาบาลและไม่ใช่ที่ร้านหนังสือ
เหมือนที่พักเรียบง่ายของพวกเร่รอนพเนจรเสียมากกว่า
ขณะเดียวกัน ก็มีหางที่มีขนปุกปุยส่ายร่อนไปมาอยู่ตรงหน้าตัวเอง เหมือนเป็นแก้มของเด็กสาวตัวน้อยคนหนึ่งอยู่ตรงหน้าตัวเอง
โอ้ ไม่สิ เป็นแอปเปิ้ลสีแดงสดใสที่หันหน้าเข้าหาตัวเองอย่างพอดีต่างหากล่ะ
แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่
ในที่สุด โจวเจ๋อเห็นมันชัดเจนแล้ว
มันคือแก้มก้นของลิงตัวหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง
เจ้าลิงกำลังบีบก้อนดินเหนียวในมือ ทาลงบนตำแหน่งบาดแผลของตัวเอง กระทั่งโจวเจ๋อได้กลิ่นเหม็นคาวของดิน เขากระวนกระวายใจและอยากออกปากเตือนเจ้าลิงตัวนี้ว่า การทำแบบนี้อาจทำให้บาดแผลของตัวเองอักเสบและเน่าเปื่อยได้ แต่หลังจากที่อ้าปาก โจวเจ๋อทำได้แค่เปล่งเสียง “เอ่อ…เอ่อ…”
ริมฝีปากของเขาแห้งผากเล็กน้อย ตรงลำคอก็รู้สึกเจ็บปวดมากจนเปล่งเสียงออกมาไม่ได้เลย
เจ้าลิงถูกทำให้ตกใจ ในที่สุดก็หันแก้มของเด็กสาวตัวน้อยกลับไปและหันแก้มตัวเองมาอยู่ตรงหน้าโจวเจ๋อแทน
ทั้งคนทั้งลิงเริ่มจ้องมองซึ่งกันและกัน
จู่ๆ เจ้าลิงก็เกาหูเกาแก้ม ลิงโลดด้วยความดีใจ เจ้านี่ตื่นแล้ว แต่พอเจ้านี่ลืมตายิ่งดูน่าตีเข้าไปอีก!
โจวเจ๋อก็รู้สึกว่าออกจะเหลวไหลสักหน่อย เขาลืมเลือนความทรงจำบางส่วนที่ดาดฟ้าวันนั้นไปแล้ว จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าตัวเองต่อสู้ไปยกหนึ่ง
เหมือนว่าสู้กับผู้หญิงคนหนึ่งและก็เหมือนว่าจะกำลังสู้อยู่กับชาวญี่ปุ่นด้วย สรุปคือสู้กันอย่างมั่วซั่ว ตอนจบสุดท้ายก็จบแบบมั่วซั่วนั่นแหละ
ความรู้สึกนี้เหมือนกับคนที่ดื่มหนักเกินไป ตื่นขึ้นมาในอีกวันก็จำเรื่องเมื่อวานหลังจากเมาจนภาพตัดไปไม่ได้แล้ว
พูดไม่ได้ก็จะไม่พูด ขยับตัวไม่ได้ก็จะไม่ขยับ ข้างๆ มีแค่เจ้าลิงก็มีแค่เจ้าลิงไปก็แล้วกัน
ชีวิตเถ้าแก่ร้านหนังสือตั้งแต่ยืมซากศพคืนชีพเป็นต้นมา ก็ถือว่าประสบความสำเร็จในการได้เปลี่ยนหมอโจวคนที่ยังคงขยันหมั่นเพียร เอาการเอางาน ตั้งใจมุ่งมั่นในชาติก่อน ให้กลายมาเป็นผู้ชายที่ดีเรียนรู้ที่จะพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่
ก็เหมือนกับคนแก่ในวัยแปดสิบเก้าสิบ อะไรที่ควรเมินได้ก็เมินไปเลย แต่กับโจวเจอนั้นอันที่จริงเคยเสียชีวิตไปแล้วครั้งหนึ่ง
ปกติเจ้าลิงจะเอาดินเหนียวทาแผลให้เขาทุกวัน และทุกๆ วันจะป้อนอาหารจำพวกเหล่ากานมาให้เขาตามด้วยป้อนล่าเถียว[3] ขนมปังอบกรอบและขาไก่ครึ่งน่องเป็นต้น
จากนั้นทุกวัน หลังจากที่ดูแลเขาเรียบร้อยแล้ว มันยังคงยืนอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมกับถือค้อนของเล่นพลาสติกหนึ่งอัน ตีหัวตัวมันเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจมาก
โจวเจ๋อคิดว่าจิตของเจ้าลิงตัวนี้ดูเหมือนผิดปกติเล็กน้อย
แต่ว่าเจ้าลิงตัวนี้ฉลาดจริงๆ ไม่เหมือนลิงธรรมดาทั่วไป กระทั่งมันสามารถอ่านและเข้าใจความหมายที่สื่อจากในแววตาของคุณได้ แต่ว่าในแต่ละวัน ส่วนมากนั้น นอกจากที่มันดูแลโจวเจ๋อเสร็จแล้ว ก็ไม่ยอมอยู่ข้างกายโจวเจ๋อนานจนเกินไป
มันมักจะกระดกแก้มก้นขึ้นและหันแก้มสาวน้อยเข้าใส่โจวเจ๋อ จากนั้นตัวมันเองจ้องมองพระอาทิตย์หรือดวงจันทร์บนท้องฟ้าด้วยความว่างเปล่าและจมดิ่ง
นี่คือเจ้าลิงที่มีเรื่องราวตัวหนึ่ง ทั้งยังรู้จักไตร่ตรองเรื่องราวของชีวิตด้วย
สองสามวันแรกหลังจากที่ฟื้นคืนสติ โจวเจ๋อไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติอะไร แต่หลังจากผ่านล่วงเลยไปแล้วสี่ห้าวัน จู่ๆ โจวเจ๋อก็นึกถึงอะไรบางอย่างได้
ราชาวานรผู้ยิ่งใหญ่คับฟ้ากระโดดออกมาจากหินเดิมทีก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
เมืองเล็กๆ อย่างทงเฉิงได้มีวานร ‘พฤติกรรมเหมือนมนุษย์’ เช่นนี้ปรากฏออกมาทีละตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า คิดๆ ดูแล้วความเป็นไปได้นั้นก็น้อยมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล