ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 9

สรุปบท ตอนที่ 9 นายเป็นสวีเล่ออย่างนี้นี่เอง!: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

อ่านสรุป ตอนที่ 9 นายเป็นสวีเล่ออย่างนี้นี่เอง! จาก ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 9 นายเป็นสวีเล่ออย่างนี้นี่เอง! คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 9 นายเป็นสวีเล่ออย่างนี้นี่เอง!

โจวเจ๋อเริ่มใช้ขาทั้งสองข้างถีบจากด้านในดันออกมาด้านนอก ตั้งใจจะปล่อยตัวเองออกไป แต่ด้านนอกกลับมีเสียง ‘แกร๊กแกร๊ก’ ลอดเข้ามา นี่หมายความว่าตู้แช่ถูกใครบางคนล็อกเอาไว้จากด้านนอก

เขาถูกขังไว้ ออกไปไม่ได้แล้ว

ชั่วขณะหนึ่ง ทำให้โจวเจ๋อนึกถึงตอนที่เขาถูกขังไว้ในโลงศพที่แสนจะคับแคบ

เพียงแต่ในครั้งนี้ โจวเจ๋อไม่ได้คุ้มคลั่งและไม่แสดงความโกรธออกมา เขาเพียงแค่เอื้อมมือขึ้นไปเคาะแผ่นโลหะที่อยู่ตำแหน่งเหนือศรีษะของตัวเอง

“มีอะไร”

โจวเจ๋อไม่คิดว่าจะมีคนมาที่นี่เพื่อช่วยเขาดันตู้แช่แข็งเข้าไปแล้วดันล็อกให้อีก เว้นเสียแต่ว่าคนคนนั้นจะเป็นคนบ้า จิตไม่ปกติ และโจวเจ๋อก็ไม่ได้คิดว่าโชคของตัวเองจะแย่ได้ถึงขนาดนี้

และหลังจากที่เขาเข้าห้องดับจิตมา ก็ปิดประตูสนิทแล้ว จะมีคนบ้าที่ไหนที่รู้รหัสห้องดับจิตด้วยเหรอ

คุณเชื่อไหมล่ะ

ดังนั้น โจวเจ๋อจึงทำได้เพียงคิดว่า มีสิ่งนั้น ‘ช่วย’ ตัวเองเอาไว้ และมันก็ช่วยได้จริงๆ

เพียงแต่ว่าหลังจากถามออกไป ด้านนอกยังคงไร้ซุ่มเสียงเช่นเคย

โจวเจ๋อไม่สนใจมันอีก หลับตาลงอีกครั้ง เตรียมตัวนอนหลับให้สบายๆ

การนอนในครั้งนี้ เขาเข้าสู่ห้วงนิทราไปอย่างรวดเร็ว

อย่างไรเสียก็เป็นเพราะไม่ได้นอนมาสองวันแล้วด้วย อีกทั้งเรื่องราวในสองวันมานี้ก็มากมายหลายอย่าง และความเหนื่อยล้าที่สะสมมานั้นก็น่ากลัวเหลือเกิน

‘แม้ว่าฉันจะตายหลังน้ำจะท่วมสูงเทียมฟ้า

ในตอนนี้ไม่อาจมีใครมาหยุดฉันจากการนอนหลับได้’

และไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหน เมื่อตอนที่โจวเจ๋อลืมตาขึ้นมา รู้สึกแค่ว่าตัวเองสดชื่นกระปรี้กระเปร่าและจิตวิญญาณที่หายไปนานก็ฟื้นคืนมา น่าเสียดายที่ร่างกายตัวเองกลับถูกแช่จนแข็งทื่อ

ระดับความแข็งทื่อของร่างกายมีความน่ากลัวอยู่เล็กน้อย โจวเจ๋อพยายามดิ้นขยับร่างกายตัวเองในพื้นที่แคบๆ อยู่หลายครั้งและมี ‘เสียงดัง’ ลอดออกมาเป็นพักๆ มันผ่อนคลายมาก จนผู้คนส่งเสียงออกมาโดยไม่รู้ตัว

และในเวลานี้เล็บทั้งสิบนิ้วของโจวเจ๋อก็งอกยาวขึ้นและเปลี่ยนเป็นสีดำตามธรรมชาติ เปล่งประกายแสงมันวาวแปลกประหลาด ร่างกายที่แข็งทื่อรวมไปถึงภายในร่างกายที่สำหรับคนทั่วไปแล้วเป็นความหนาวเหน็บที่ยากจะรับไหว กำลังคืบคลานมารวมกันที่ปลายนิ้วของเขา

กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาไม่นานนัก แต่กลับทำให้โจวเจ๋อไม่รู้สึกหนาวและอึดอัดอีกต่อไป

เขาใช้เท้าถีบอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว และตู้แช่แข็งก็ไหลพรืดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ

ตัวล็อกถูกปลดแล้วหรือ

โจวเจ๋อรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เขาลุกขึ้นนั่งบนแผ่นเหล็กแล้วลงมา จากนั้นก็ดันตู้แช่แข็งกลับเข้าไปอีกครั้ง

เสื้อผ้าบนตัวแข็งกระด้างนิดหน่อย เหมือนแขวนแผ่นกระดาษแข็งไว้บนร่างกายของตัวเองเสียอย่างนั้น ให้ความรู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัวอย่างมาก สายตาของโจวเจ๋อมองกวาดไปรอบๆ

ห้องดับจิตของโรงพยาบาลในเครือนั้น ถ้าเปรียบเทียบกับโรงพยาบาลใหญ่ในเมืองใหญ่แล้ว ถือว่าไม่ใหญ่มากนัก แม้จะดูน่าอายไปบ้างอย่างเห็นได้ชัด แต่ภายในนั้นเก็บศพไว้อยู่ไม่น้อยเลย

โจวเจ๋อไม่แน่ใจว่าก่อนหน้านี้ ใครเป็นคนช่วยผลักตัวเองเข้าไปกันแน่ ตอนนี้คิดอยากตามหาขึ้นมาและมันก็ออกจะยากอยู่สักหน่อย

โชคดีที่อีกฝ่ายปลดล็อกอีกครั้งในขณะที่เขากำลังหลับสนิทอยู่ โจวเจ๋อไม่ได้ตั้งใจจะมาสร้างปัญหาที่นี่อีก

เขาเดินไปทางประตูของห้องดับจิต ตั้งใจจะออกไป ขณะที่เดินผ่านเตียงที่คลุมผ้าขาวไปได้สองสามเตียง โจวเจ๋อก็หยุดก้าวเดิน

ศพที่ถูกคลุมด้วยผ้าขาวเหล่านั้น ไม่มีอะไรผิดปกติ

รวมทั้งหญิงชราที่ถูกห่อด้วยผ้าห่มลายดอกสำหรับใช้ที่บ้านด้วย ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

แต่โจวเจ๋อยังคงหยุดเดินอยู่อย่างนั้น

เพราะเขาจำได้ว่าตำแหน่งศีรษะและเท้าของหญิงชราที่นอนอยู่นั้นกลับหัวกลับหาง

เป็นไปไม่ได้ที่ในขณะตัวเองกำลังนอนอยู่นั้น ผู้ดูแลจะพรวดพราดเข้ามาในห้องดับจิตโดยที่ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่น แต่ทำแค่กลับหัวกลับหางให้หญิงชรา

โจวเจ๋อยืนอยู่ข้างๆ หญิงชราแล้วเอ่ยขึ้น

“หากเป็นคุณละก็ ถ้าตอนนี้ไม่ออกมาผมจะไปแล้วนะ”

ก่อนหน้านี้หญิงชราผลักตัวเองเข้าไปแล้วล็อกเอาไว้ อาจมีเจตนาไม่ดี แต่เธอกลับช่วยตัวเองปลดล็อกกุญแจอย่างเงียบๆ อีกครั้ง แสดงว่าเธอไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายตน

อาจมีคนเดินเข้ามาในเวลานั้น และเมื่อเห็นตู้มืดๆ มีตัวล็อกเปิดอยู่ ตัวเองอาจจะถูกพบเอาได้

อีกอย่างก็เห็นได้ชัดจากภายนอกว่าตู้มืดเหล่านี้กำลังล็อกหรือปลดล็อกเอาไว้

รออีกครึ่งนาที ไม่มีอะไรผิดปกติ โจวเจ๋อก็ไม่คิดจะรออีก

ขณะที่เขากำลังจะหันหลังจากไป ก็มีเสียงถอนหายใจมาจากข้างหลังเขา

โจวเจ๋อไม่ชอบความรู้สึกนี้เอามากๆ

กระมิดกระเมี้ยน

จะปฏิเสธหรือจะยินดี

เห็นอยู่ว่าตอนเสียชีวิตเป็นหญิงชราคนหนึ่ง แต่กลับทำตัวเหมือนเป็นเด็กสาวตัวน้อยๆ

เอาเถอะ เลือกปฏิบัติเพราะอายุนั้นไม่ถูกต้องอยู่แล้ว แต่คนทั่วไปมักจะมีความอดทนสูงให้กับผีสาวสวยมากกว่านิดหน่อย นั่นก็เป็นเรื่องปกติทั่วไปของมนุษย์เช่นกัน

ถ้าใบหน้าของเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนมีรอยย่นและฟันเหลืองอ๋อย คุณลองเดาสิว่าหนิงฉ่ายเฉิน[1]จะมีความรักระหว่างคนกับผีอยู่หรือไม่

โจวเจ๋อหันกลับไปมองด้านหลังตัวเอง

“พี่น้องห้าคนทะเลาะกันเพื่อแย่งเงินที่แม่ทิ้งเอาไว้ อิฐพวกนี้อีกเดี๋ยวถ้าขนลงมา อีกสี่คนที่เหลือก็จะมาแบ่งด้วยคุณดูเอาเถอะว่าโลกนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ร่างของแม่พวกเขายังอยู่ที่โรงพยาบาลและยังไม่ไปรับกลับมาเลย พี่น้องพวกนี้ไม่มีใครยอมชดใช้หนี้ค่ารักษาพยาบาลเลยสักคน”

“งั้นของที่อยู่ในบ้านของหญิงชราล่ะ” โจวเจ๋อสนใจแต่เรื่องนี้ จากคำบอกเล่าของหญิงชราทำให้รู้ว่าเงินจำนวน สามหมื่นหยวนในตู้เป็นเงินออมทั้งชีวิตของหญิงชรา แต่กำไลหยกและปิ่นหยกเป็นของมีค่าจริงๆ และควรที่จะขายได้ในราคาแสนต้นๆ น่าจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร

“ขายให้คนเก็บขยะและจัดการทิ้งไปตั้งนานแล้ว ขายทิ้งตอนที่หญิงชราเพิ่งเข้าโรงพยาบาลเสียด้วยซ้ำ” นายช่างดูดบุหรี่แรงๆ อีกครั้ง “ผมจะไปทำงานต่อแล้ว”

โจวเจ๋อเลียริมฝีปากด้วยรอยยิ้มขมขื่น การมาในครั้งนี้ของตัวเองถือว่ามาเสียเปล่าซะแล้ว

สิ่งที่หญิงชราทิ้งไว้ ไม่เพียงแต่ตัวเองไม่ได้กำไร แม้แต่ลูกชายของเธอก็ไม่มีโชคได้ใช้ ทำได้เพียงแค่มอบให้พ่อค้าเร่ที่เก็บเฟอร์นิเจอร์เก่าคนหนึ่งในราคาถูกๆ เท่านั้น

ในตอนนี้โจวเจ๋อรู้สึกเบื่อเล็กน้อย การไม่มีเงินมันเป็นปัญหาใหญ่จริงๆ และเขาไม่ต้องการใช้ความสามารถของตัวเองในการทำเงิน แม้ว่าจะดูง่ายและสบายมาก แต่ครั้งก่อนที่ตัวเองช่วยชีวิตสาวน้อยคนหนึ่งไว้จนเมื่อคืนนี้ตัวเองเกือบจะทำให้ตัวเองเจ็บเจียนตาย หากพระเจ้ารู้ว่าตัวเองยังดันทุรังอยู่ต่อไปละก็ จะเกิดอะไรขึ้น

เงยหน้าขึ้นสามฟุตจะมีพระเจ้าไหม โจวเจ๋อก็ไม่รู้แน่ชัด

แต่หากขุดลงไปสามฟุตอย่างต่อเนื่อง จะต้องมีนรกแน่ ๆ เพราะเขาเคยไปมาแล้ว

เขารู้ว่าเขาไม่ใช่มนุษย์และที่แห่งนี้คือโลกมนุษย์ อีกอย่างก่อนหน้านี้โจวเจ๋อยังจำได้ว่าผู้ป่วยที่เสียชีวิตไปต่อหน้าเขาคนนั้นตะโกนว่า ‘ถูกพบแล้ว’ ออกมาด้วยความหวาดกลัวก่อนที่เขาจะเสียชีวิต

แต่ว่าเงินน่ะสิ

โจวเจ๋ออยากดันทุรัง แต่ใครจะให้เงินล่ะ

ตอนนี้โจวเจ๋อต้องการเงิน ยังไม่ต้องพูดถึงการสลัดตัวตนของการเป็น ‘ลูกเขย’

อย่างน้อยๆ ก็ซื้อตู้แช่หรือตู้เย็นหลังใหญ่ให้ตัวเองสักตู้

ไม่อย่างนั้นตัวเองจะต้องถ่อไปเบียดเบียนเครื่องทำความเย็นในห้องดับจิตของโรงพยาบาลทุกวันเป็นแน่

เขาจุดบุหรี่ด้วยความรู้สึกหดหู่เล็กน้อย โจวเจ๋อสูดหายใจเข้าลึกๆ แค่รู้สึกเบื่อหน่ายเท่านั้น

ในขณะนั้นเอง โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของเขาก็ดังขึ้น โจวเจ๋อหยิบขึ้นมา เป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคยและเขาก็กดรับสาย

“ฮัลโหล” โจวเจ๋อพูด

“พี่ สินค้ามาถึงอย่างปลอดภัยแล้ว เมื่อไหร่จะมาเช็ก ช่วงนี้ตำรวจตรวจเข้มมาก ของล็อตนี้เข้ามาไม่ง่ายเลย” คนที่อยู่ปลายสายโทรศัพท์ลดเสียงเบาลง และพูดอย่างระมัดระวัง

โจวเจ๋อเปิดปากอย่างช้าๆ

แต่ยังไม่เปล่งเสียงอะไรออกมา

ในขณะเดียวกันนี้

ทันใดนั้นภาพของสวีเล่อก็ผุดขึ้นมาในส่วนลึกของหัวใจเขา

……………………………………………………….

[1] หนิงฉ่ายเฉิน ตัวละครจากภาพยนตร์เรื่อง โปเยโปโลเย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล