ตอนที่ 8 มือผลักที่เย็นยะเยือก
เสียงแผดร้องดัง จนปลุกคนทั้งบ้านให้ตื่นขึ้น
และไม่แปลกใจเลย
ห้องน้ำที่ไม่เปิดไฟไว้ในช่วงกลางดึก เมื่อกลั้นปัสสาวะเอาไว้แล้วตั้งใจเปิดประตู จู่ๆ เห็นว่ามีคนอยู่ด้านใน นี่ก็เพียงพอที่จะทำให้ตกใจกลัวแล้ว เชื่อว่าทุกคนส่วนใหญ่ล้วนเคยมีประสบการณ์คล้ายคลึงกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ที่น้องภรรยาเจอดันเป็นผีตนหนึ่ง
หลินหวั่นชิวออกมาจากในห้องนอน เอื้อมมือไปดึงน้องสาวตัวเอง
“เป็นอะไร เป็นอะไรไป!”
พ่อตาแม่ยายก็ขึ้นมาจากชั้นหนึ่งพร้อมกัน เห็นลูกสาวคนเล็กของตัวเองร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของพี่สาว จากนั้นเหลือบมองโจวเจ๋อที่ยังคงนั่งอยู่บนชักโครก
“เจ้าสวีเล่อไอ้ตัวดี เลวทราม แกมันไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี คิดลามปามลูกสาวคนเล็กของฉันซะแล้ว!”
แม่ยายหยิบไม้กวาดหน้าประตูห้องน้ำขึ้นมา เตรียมจะทุบตีสวีเล่อ
พ่อตาก็เช่นเดียวกัน กำลังโกรธจัดเตรียมเข้าจะเข้ามาสั่งสอนลูกเขยชั่วช้าของตัวเองคนนี้
และไม่แปลกใจเลย
การเห็นฉากเช่นนี้
ทุกคนล้วนแต่คิดไปทางแนวนั้นอย่างแน่นอน
พี่เขยเกิดอาการคุ้มคลั่ง
หยาบคายต่อน้องสะใภ้
ดังคำโบราณกล่าวไว้ว่า น้องภรรยามีครึ่งหนึ่งเป็นของพี่เขยอะไรนั่นน่ะ
“พ่อคะ แม่คะ เสี่ยวอี้ตกใจกลัวตอนเข้าห้องน้ำต่างหาก” หมอหลินปริปากพูด
แม่ยายชะงักไปครู่หนึ่ง ไม้กวาดในมือที่เงื้อขึ้นมากลับไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหนดี
พ่อตาเองก็นิ่งค้าง จากนั้นถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยความกระดากอาย
โจวเจ๋อถูกขัดจังหวะ ทันใดนั้นก็พบว่าเส้นเลือดบนแขนทั้งสองข้างของตัวเองไม่รู้หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่และในขณะเดียวกันความเจ็บปวดรุนแรงก็หายไปด้วย
ตอนนี้รู้สึกเหนื่อยและง่วงมาก อยากนอนหลับเหลือเกิน
เขาลุกขึ้นยืน กำลังจะออกจากห้องน้ำไป ส่วนพ่อตาแม่ยายของตัวเองนี้ โจวเจ๋อขี้เกียจจะถือสาหาความด้วย เขาไม่สนใจจะแก้ตัวอธิบายให้สวีเล่อเจ้าคนขี้ขลาดพรรค์นั้น
เพียงแต่ ตอนที่โจวเจ๋อยืนขึ้น น้องภรรยายังคงตกใจจนตัวสั่นเทา และซ่อนตัวอยู่ในอ้อมกอดของพี่สาว
“อา! นายอย่าเข้ามานะ! นายอย่าเข้ามา!”
โจวเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อสักครู่เธอเห็นอะไรเข้าหรือ
“นี่มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่!” แม่ยายท้าวสะเอวและถามลูกสาวคนเล็กของตัวเอง มันดูไม่เหมือนถูกทำให้ตกใจกลัวเลยนี่นา “เสี่ยวอี้ ดวงใจของแม่ บอกแม่มาว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ มันทำอะไรลูกใช่ไหม”
น้องภรรยายังคงซื่อตรงมาก และเธอก็รู้ดีว่าเรื่องแบบนี้เธอไม่ควรจะโกหก ไม่เช่นนั้นเรื่องราวมันจะบานปลายร้ายแรงมาก
“ไม่ใช่ หนูมาเข้าห้องน้ำ พอเปิดประตูก็เห็นเขานั่งอยู่ข้างในนั้น น่ากลัวมากเลย!”
หลังจากน้องภรรยารวบรวมความกล้าพูดจนจบแล้ว ก็กลับมุดกลับเข้าไปในอ้อมกอดของพี่สาว
เอาเถอะ
สรุปแล้วคือความเข้าใจผิดทั้งหมด
“เจ้าปัญญาอ่อนคนนี้นี่ เข้าห้องน้ำตอนกลางคืนต้องห้ามเปิดไฟด้วยเหรอ
แกคิดว่าบ้านของฉันเป็นบ้านของแกสินะ ถึงได้ตระหนี่ถี่เหนียวน่ะ
คิดเสียดายค่าไฟนี่ล่ะสิ!
ถ้าลูกสาวฉันตกใจจนเป็นอะไรขึ้นมา แกจะเอาอะไรมาชดใช้…”
แม่ยายเริ่มกล่าวโทษโจวเจ๋อ นิ้วแทบจะจิ้มหน้าโจวเจ๋ออยู่แล้ว
ในเวลานี้โจวเจ๋อรู้สึกเหนื่อยล้ามาก คนที่อยู่ภายใต้การอดหลับอดนอนขั้นรุนแรง อารมณ์มักจะหงุดหงิดมาก บวกกับโจวเจ๋อหมดความอดทนกับความสัมพันธ์บัดซบที่สวีเล่อทิ้งไว้ให้กับตัวเองตั้งนานแล้ว
หากไม่นอนแยกเตียงละก็
บางทีโจวเจ๋ออาจจะไม่อารมณ์เสียก็ได้
ตอนนี้แม้เตียงก็ยังแยกกันนอนเลย
โจวเจ๋อขี้เกียจคอยประจบเอาใจอารมณ์ของแม่ยายหัวสูงคนนี้เต็มที
เพียะ!
โจวเจ๋อสะบัดมือ ปัดนิ้วของแม่ยายที่กำลังชี้ตัวเองอยู่
“อย่าวุ่นวายกับผม”
แม่ยายเบิกตากว้าง เห็นได้ชัดว่าไม่อยากจะเชื่อว่าลูกเขยที่ขี้ขลาดมาตลอดคนนี้จะกล้าพูดกับตัวเองอย่างนี้
“พูดกับแม่แกแบบนี้ได้ยังไง ไม่มีกฎระเบียบเลยสักนิด!” ในเวลานี้พ่อตาก็ดุออกมา
“ถ้าคุณอยากจะให้ลูกสาวแต่งงานใหม่ล่ะก็ คุณพูดเรื่องกฎระเบียบกับผมต่ออีกสิ!”
โจวเจ๋อโมโหสวนกลับไป จากนั้นเดินชนไหล่พ่อตาตัวเองออกไปแล้วตรงกลับเข้าห้องนอน
เสียงปังดังขึ้น ประตูปิดอย่างแรง
“มีอย่างนี้ที่ไหน มีอย่างนี้ที่ไหนกัน!” พ่อตาโกรธจัดจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง
แม่ยายรีบเข้าไปลูบหน้าอกของสามีตัวเองอยู่ข้างๆ
แต่สุดท้ายคนทั้งสองก็ไม่กล้าหาเรื่องต่อ
อย่างไรก็ตาม
คำพูดที่โจวเจ๋อพูดเมื่อครู่นี้สร้างความสะเทือนให้กับพวกเขามากทีเดียว
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเจ้าลูกเขยขี้ขลาดคนนั้นที่ปกติถูกตีก็ไม่แม้แต่จะผายลมออกมาสักแอะ วันนี้เป็นอะไรไปกันแน่ แต่เขาพูดถูก แค่ลูกสาวคนโตหย่าร้าง แต่งครั้งต่อไปจะเท่ากับแต่งงานใหม่ ไม่เป็นผลดีกับชื่อเสียงของเธอและชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลตัวเองด้วย
อีกทั้งในความคิดของพวกเขานั้น การแต่งงานใหม่ของผู้หญิงนั้นไร้ค่าไปแล้ว และจะหาครอบครัวดีๆ ไม่ได้อีก
อันที่จริงแล้วคุณสมบัติของบุคคลและความคิดของเขานั้นเป็นระบบศักดินานิยมหรือไม่ มีผลเพียงเล็กน้อยต่อวุฒิการศึกษารวมไปถึงสภาพครอบครัวของแต่ละบุคคลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาคุณภาพตนเอง
ตัวอย่างเช่น พ่อตาแม่ยายของสวีเล่อในเวลานี้ ต่อให้จะโกรธแค่ไหน แต่ในเวลานี้ก็ไม่กล้าไปกระตุ้นลูกเขยสารเลวคนนี้อีก เพราะกลัวว่าเขาจะกระโดดขึ้นมาเรียกร้องหย่าเข้าจริงๆ
โจวเจ๋อนอนบนเตียง สูดหายใจเข้าลึก หลับตา เตรียมจะเข้านอน เขาเหนื่อยมากจริงๆ
ผ่านไปอีกประมาณสิบห้านาที
โจวเจ๋อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องนอน
“เสี่ยวอี้กลัวมาก คืนนี้ฉันจะไปนอนเป็นเพื่อนเธอนะ”
เป็นเสียงของหลินหวั่นชิว จากนั้นเธอก็เดินไป
พูดเหมือนกับว่าเธอนอนกับฉันจริงๆ นั่นแหละ
…
เที่ยงวันต่อมา
พ่อตาแม่ยายกำลังทานอาหารกลางวัน
“เขาไปร้านหนังสือแล้วเหรอ” พ่อตาถามแม่ยาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล