สรุปเนื้อหา ตอนที่ 92 กระแสน้ำวน – ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet
บท ตอนที่ 92 กระแสน้ำวน ของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 92 กระแสน้ำวน
โจวเจ๋อยื่นมือออกไป ปลายนิ้วของเขายังคงปล่อยมวลรัศมีสีดำออกมาล้อมรอบตัวเจ้าพวกนี้ที่กำลังกัดกินชายชุดดำเพื่อขับไล่พวกมันออกไป แต่มวลรัศมีสีดำกลับยังเกาะกุมปีศาจน้อยเหล่านั้น ทำให้พวกมันไม่อาจหนีรอดไปได้
ตั้งแต่การต่อสู้บนดาดฟ้าในครั้งนั้น โจวเจ๋อพบว่าความเชี่ยวชาญในพลังประเภทนี้ของตัวเองดูเหมือนจะดีขึ้นอีกระดับหนึ่ง
“คุณเป็นตำรวจงั้นเหรอ”
โจวเจ๋อก้มหน้า มองชายชุดดำที่นอนอยู่บนพื้นด้วยร่างที่แทบจะแตกสลายไปแล้ว
“คุณคิดว่าอย่างไรล่ะ”
ชายชุดดำลุกขึ้นยืน วิญญาณใกล้แตกสลาย และดูเศร้าโศกเล็กน้อย
แต่ดวงตากลับแข็งกระด้าง
“ก็แค่คิดไม่ถึงน่ะ”
โจวเจ๋อจำผู้กำกับจ้าวที่ตัวเองเคยเจอเมื่อครั้งก่อนได้ วันที่มีพิธีแห่ขบวนศพนั้นได้เข้าไปในร้านหนังสือของเขา ปรากฏว่าทั้งตัวเขาเองและสวี่ชิงหล่างต่างก็แยกไม่ออกว่าเขาคือคนเป็นหรือว่าคนตายกันแน่
คิดๆ ดูแล้ว ก็โล่งอกอีกครั้ง
ผู้กำกับจ้าวอยู่ในวัยที่กำลังจะเกษียณอายุ ตัวเองมีความขยันหมั่นเพียรในการทำงานมาเกือบทั้งชีวิต คล้ายกับแม่นางไป๋ที่ไปนรกมาก่อน เปี่ยมไปด้วยบุญบารมี
บุคคลประเภทนี้เป็นกรณีพิเศษในความพิเศษอีกทีสินะ
มันเหมือนกับการเรียนรู้จากเหลยเฟิงเพื่อทำความดี นี่เป็นเพราะในสังคมนี้นับเหลยเฟิงเป็นกรณีพิเศษที่ต้องเรียนรู้ ถ้าทุกคนใช้ชีวิตแบบเหลยเฟิง แล้วยังมีอะไรต้องเรียนรู้อีกไหม
“ตามผมเข้ามาสิ”
…
ข้างนอกฝนยังตกอยู่ เด็กสาวที่เดิมทีนั่งคัดลอกนิตยสารอยู่ในร้านหนังสือออกไปดูเพื่อนของตัวเอง แล้วพบว่าเพื่อนของเธอพิงข้างๆ ราวไม้แขวนเสื้อหลับปุ๋ยไปแล้ว ทันใดนั้นก็รีบคลุมเสื้อตัวหนึ่งลงบนตัวเพื่อน เธอไม่เข้าไปในร้านแล้ว คอยอยู่เป็นเพื่อนเธอข้างนอก
นักศึกษาสาวสองคนที่ออกมาตั้งแผงขายของเพื่อหารายได้ เปรียบเสมือนดอกไม้ป่าที่อ่อนโยนในเมืองนี้ ดื้อรั้นแต่เข้มแข็ง
สำหรับพวกเธอแล้ว วันนี้เป็นเพียงวันธรรมดา ออกมาตั้งร้าน เผชิญกับฝน และหลบฝน
พวกเธอไม่อาจรู้ได้เลยว่าร้านหนังสือที่ตัวเองมาหลบฝนนั้น จริงๆ แล้วเป็นกิจการอะไรกันแน่ และจำไม่ได้ว่าหนึ่งในพวกเธอเกือบจะทำการซื้อขายกับผีได้สำเร็จอีกด้วย
ขณะเดียวกันในร้านหนังสือนั้น โจวเจ๋อวางถั่วลิสงและถั่วปากอ้าลงอีกครั้ง ชายชุดดำนั่งอยู่ตรงหน้าตัวเอง และปีศาจน้อยพวกนั้นก็ยืนสั่นผงกอยู่ด้านข้าง
“ขอบคุณสำหรับการต้อนรับ”
ชายชุดดำกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“กินเสร็จแล้ว ก็ไปกันเถอะ” โจวเจ๋อพูด
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น มองไปที่โจวเจ๋อ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการแบบนั้น
“พวกเขาตายไปแล้ว คุณเองก็ได้สละชีพไปแล้ว หน้าที่ที่ควรรับผิดชอบก็ได้ทำอย่างเต็มที่ ไม่จำเป็นต้องบังคับเอาพวกมันเดินทางไปไหนต่อไหนพร้อมกับความหมกมุ่นของคุณด้วยหรอก หากเกิดปัญหาขึ้นระหว่างทาง ทำให้วิญญาณของพวกมันหลุดพ้นจากการควบคุมของคุณ แล้วในโลกนี้จะมีผีเร่ร่อนเพิ่มขึ้นอีกกี่ตนกันล่ะ ไม่แน่ว่าอาจจะสร้างปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกด้วย”
โจวเจ๋ออธิบายอย่างใจเย็น
อันที่จริง มีแนวคิดหลักเพียงแนวคิดเดียว
คือผมเคารพคุณ แต่เคารพก็ส่วนเคารพ งานก็ส่วนงาน
คุณมีความหมกมุ่นของคุณ แต่ผมก็มีหน้าที่ของผมเช่นกัน
เรื่องคนเป็นยกให้คุณจัดการ แต่เรื่องคนตายนั้นเป็นผมที่ต้องจัดการ
“ถ้าอย่างนั้นขอร้องคุณสักเรื่องหนึ่งได้ไหม”
“เชิญครับ”
“ช่วยผมตรวจสอบสาเหตุการตายของผมหน่อย” ชายชุดดำเงยหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นขึ้น ช่างดูโหดร้ายอย่างยิ่งในเวลานี้ “ผมเป็นสายลับ มีคนทรยศผม ไม่อย่างนั้นผมคงจับพวกมันเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ได้แล้ว”
ชายชุดดำนึกถึงตอนที่อยู่บนรถ จู่ๆ หนึ่งในนั้นก็รับโทรศัพท์ ทันใดนั้นบรรยากาศก็ดูผิดแผกไป เขารู้ได้ในทันทีว่าตัวตนของตัวเองได้ถูกเปิดเผยแล้ว และทั้งสองฝ่ายก็เริ่มตะลุมบอนกันในรถ ในตอนท้ายรถก็ได้แล่นพุ่งอย่างเร็ว ตกลงไปในหุบเขาทำให้เกิดโศกนาฏกรรมทางรถยนต์และเสียชีวิต
“มันเหมือนกับฉากในหนังสืบสวนสอบสวนคดีอาชญากรรม”
โจวเจ๋อถอนหายใจหลังจากฟังคำพูดของอีกฝ่าย
เป็นสายลับนั้นไม่ง่ายเลยจริงๆ
“มา ดื่มให้คุณหนึ่งแก้ว”
โจวเจ๋อยกแก้วขึ้นมา ดื่มให้กับเขาเสียหน่อย จากนั้นก็วางแก้วลง
“คุณรับปากแล้วใช่ไหม” อีกฝ่ายถามขึ้น
“เปล่า แค่ถ่วงเวลาเพื่อเรียบเรียงถ้อยคำปฏิเสธให้ดีเสียก่อน กลัวว่าทั้งผมและคุณจะลำบากใจน่ะ”
“…” ชายชุดดำ
“ขอโทษด้วย ผมทำไม่ได้หรอก ที่นี่เป็นเพียงแค่ร้านหนังสือเท่านั้น หรือจริงๆ ก็คือสถานีส่งวิญญาณเร่ร่อนที่ไม่ควรอยู่ในโลกมนุษย์ให้ไปนรกเพื่อเกิดใหม่
เรื่องของคนเป็นในโลกมนุษย์ ไม่อยู่ในความดูแลของผม และผมก็ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือทำจดหมายนิรนามแล้วช่วยส่งแทนคุณได้ เรื่องนอกเหนือจากนี้ ผมทำไม่ได้และจะไม่ทำเด็ดขาด”
ชายชุดดำรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เปลี่ยนเป็นถอนหายใจแทน จากนั้นก็ดื่มเหล้าแก้วนี้ลงไป
ผีดื่มเหล้าเป็นแค่การดูดกลิ่นแอลกอฮอล์เข้าไป จริงๆ แล้ว ดูเหมือนว่าเหล้าในแก้วไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย โจวเจ๋อช่วยเขาเทเหล้าในแก้วใบเดิมทิ้ง แล้วรินลงไปใหม่อีกครั้ง
“ดื่มอีกสองแก้ว แล้วจะส่งคุณไป ขอให้คุณไปสู่สุคติ”
คนใกล้ตายมักพูดความจริงจากใจและมีจิตใจดี
ยิ่งไปกว่านั้นผีที่อยู่ตรงหน้ากำลังจะถูกตัวเขาส่งไปยังนรก ในเวลานี้ไม่มีความจำอะไรที่จะต้องแต่งเรื่องเพื่อหลอกตัวเขา
นี่เป็นตำรวจดีๆ นายหนึ่ง ควรค่าแก่การดื่มสามแก้ว
โจวเจ๋อชี้ไปที่แก้ว สิ่งที่เขาสามารถทำได้มีเพียงเท่านี้
ในโลกนี้ ความอยุติธรรมและโศกนาฏกรรมทุกประเภทเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โจวเจ๋อไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้มากขนาดนั้น และก็ไม่อยากยุ่งด้วย
การบริหารร้านหนังสือให้ดี ให้ชีวิตในชาติที่สองของตัวเองก้าวไปในทางที่ถูกต้องคือสิ่งที่เขาคิดอยู่ตอนนี้
“มีการพิจารณาคดีในนรกหรือไม่”
ชายชุดดำถามโจวเจ๋อ
โจวเจ๋อได้ยินก็อึ้งไปครู่หนึ่ง
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงครูที่สวมหมวกทรงสูงที่มีคำว่า ‘เลวเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน’ เขียนอยู่
โจวเจ๋อเคยลองพยายามช่วยเขาถอดหมวกใบนั้น แต่กลับไม่มีทางทำได้เลย หมวกทั้งแข็งและแน่นมาก ไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว
นี่ยังหมายความว่าแดนพญายมราชที่นรกดูเหมือนจะไม่ใช่สถานที่แยกแยะถูกผิดในตำนาน ผู้พิพากษาเหล่านั้นไม่ได้มีหูทิพย์ตาทิพย์ที่สามารถมองเห็นและเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างได้
ส่วนใหญ่อาจจะทำพอเป็นพิธี พอให้ผ่านพ้นไปวันๆ
ผู้คนมักจะเต็มไปด้วยความคาดหวังบางอย่างที่อธิบายไม่ได้และเป็นสิ่งที่ตัวเองไม่เข้าใจ
อย่างเช่นสวรรค์
“อ้อ ดูเหมือนว่ากิจการในวันนี้ไปได้สวยทีเดียว มนุษย์นี่พอปรับย้ายการงานหรือตำแหน่งก็ดูเหมือนว่าจะทำได้ดีขึ้นนะ” ถังซือเดินไปที่ประตูร้านเห็นนักศึกษาสาวสองคนกำลังหลบฝนอยู่ด้านนอก
“ฝนยังไม่หยุด”
“คุณไม่รออยู่ข้างบน แต่ลงมาเล่นบทโศกเศร้าเนี่ยนะ” โจวเจ๋อถามด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
ถังซือส่ายหน้า จากนั้นเธอก็กางมือตัวเองออก
นกกระเรียนกระดาษพันตัวที่พับด้วยกระดาษเต้นรำอย่างสง่างามมีชีวิตชีวาราวกับของจริง
“โจวเจ๋อ คุณรู้ไหมว่าบางครั้งไม่ใช่เพราะคุณเลี่ยงหนีปัญหา แล้วปัญหานั้นจะไม่มาตกที่คุณ”
“แต่อย่างน้อยก็ลดปัญหาลงไปได้นิดหน่อย” โจวเจ๋อจุดบุหรี่
“ช่วงสองสามวันมานี้ไม่มีเหตุการณ์อะไร ฉันก็เลยตรวจสอบคุณ”
พูดราวกับว่าปกติแล้วคุณมีเรื่องอะไรทำอย่างนั้นแหละ
ในมุมมองของโจวเจ๋อ หากละทิ้งความสามารถพิเศษและตัวตนที่กลับมาเกิดใหม่แล้ว ถังซือก็เปรียบเสมือนแจกันที่ทำอะไรไม่เป็นและไม่ยอมทำอะไรด้วย
นอกจากขาสวยแล้วยังเล่นได้เป็นปีๆ อีก
“สายตาของคุณกำลังมองตรงไหนน่ะ”
ปากกาลูกลื่นบนเคาน์เตอร์ของโจวเจ๋อลอยต่องแต่งอยู่ตรงลูกกะตาของโจวเจ๋อ ราวกับว่าอาจจะทำให้เขาตาบอดได้ตลอดเวลา
“คุณใส่ถุงน่องสีดำดูดีกว่าถุงน่องสีเนื้อเยอะเลย”
โจวเจ๋อแสดงความคิดเห็น
ถังซือเขวี้ยงมือถือออกไป มือถือลอยไปอยู่ตรงหน้าโจวเจ๋อ
ด้านบนเป็นภาพหน้าจอของข่าว
เกิดเหตุจลาจลที่เรือนจำแห่งหนึ่งในเขตเรือนจำซู่เป่ย มีผู้ต้องขังเสียชีวิตหนึ่งราย บาดเจ็บกว่าสิบราย
“หมายความว่าอย่างไร” โจวเจ๋อถามขณะดูหน้าจอ
“คุณกลัวปัญหามากขนาดไหนกัน” ถังซือส่ายหัวอย่างจนปัญญา “แม้แต่คนขับรถบรรทุกที่ขับรถชนคุณตายก็ไม่รู้จักเลยเหรอ”
รูม่านตาของโจวเจ๋อหดลงทันที
“ผมไม่ได้ทำนะ” โจวเจ๋อพูด
“ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ทำ” ถังซือพูด “แต่เขาตายแล้ว”
“อุบัติเหตุละมั้ง ถ้าบังเอิญว่าพวกมันก็ชอบเล่นซ่อนหาด้วยล่ะ”
โจวเจ๋อยักไหล่
ในเวลานี้เอง สวี่ชิงหล่างเดินลงมา เขาตบไปที่หน้าผากแล้วพูดกับโจวเจ๋อว่า
“พี่โจว โทษทีนะ ไม่กี่วันมานี้ลืมไปเรื่องหนึ่ง ไม่กี่วันนั้นที่คุณหายตัวไป ลุงของคุณมาตามหาคุณน่ะ บอกว่าลูกของเขา ก็คือลูกพี่ลูกน้องของคุณคนนั้นเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต ให้คุณไปร่วมงานศพด้วยน่ะ
ตอนนั้นผมเอาแต่คิดว่าถึงอย่างไรคุณก็คือโจวเจ๋อ ญาติของสวีเล่อไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณ อีกอย่างตอนนั้นคุณก็ไม่อยู่ด้วย ก็เลยลืมไปแล้ว ไม่สิ เพิ่งจะนึกออกก็เลยบอกคุณสักหน่อย งานศพน่าจะราวๆ ครึ่งเดือนก่อน คงเสร็จไปนานแล้วละ”
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของโจวเจ๋อก็แปรเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา
ดูเหมือนจะเป็นกระแสน้ำวนที่อธิบายไม่ได้ ได้ลอยขึ้นมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
…………………………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล