ตอนที่ 95 เบื้องหลัง
สวีต้าชวนตะโกนโหวกเหวกโวยวายอย่างบ้าคลั่ง หลังจากที่ลูกชายเสียชีวิตไปไม่กี่วัน ชายคนนี้อยู่ภายใต้แรงกดดันทางจิตใจและการทรมานทางจิตใจมหาศาล
เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม
เขารู้สึกว่าตัวเองทุกข์ทรมานมาก
เขารู้สึกว่าตัวเองล้มลุกคลุกคลานมาทั้งชีวิตนี้มันไม่ง่ายเลย
หากเปลี่ยนเป็นอีกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้แทนโจวเจ๋อ บางทีอาจจะกระตุ้นให้มีความเห็นอกเห็นใจและความสงสารบ้าง
แต่ช่างน่าเสียดาย คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคือโจวเจ๋อ
ใครๆ ก็สามารถเห็นอกเห็นใจเขาได้ แต่ยกเว้นโจวเจ๋อ
เขาได้ตายไปแล้ว
คนกักขฬะที่กำลังยืนร้องไห้ฟูมฟายเสียสติและกำลังประสาทหลอนคนนี้ ก็เป็นหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิดที่ฆ่าตัวเองเช่นกัน
ทำไมพวกคุณต่างก็รู้สึกว่าตัวเองน่าเวทนา
ทำไมพวกคุณต่างก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความยุติธรรม
แล้วผมล่ะ
มีใครสงสารผมบ้าง
มีใครคิดแทนผมบ้าง
โจวเจ๋อเดินไปด้านหน้าสวีต้าชวน เขาเชิดหน้าขึ้น และในเวลานี้เอง มีอารมณ์มากมายหลากหลายกำลังขับเคลื่อนอย่างบ้าคลั่งผุดขึ้นใจในของเขา ผลักดันให้เขาฆ่าผู้ชายคนนี้ให้ตายไปเสีย
ฉีกเขาเป็นชิ้นๆ ไม่เพียงแต่ร่างของเขาเท่านั้น ยังมีวิญญาณของเขาด้วย!
เพื่อให้เขาได้รับความเจ็บปวดและทรมานอย่างใหญ่หลวงที่สุด ถึงจะลบล้างความโกรธแค้นภายในใจของตัวเองได้!
ดูเหมือนว่าในชีวิตมักจะมีความบังเอิญอยู่เสมอ รถตำรวจแล่นเข้ามาจากที่ไกลๆ
โจวเจ๋อมองดูประกายไฟไซเรนบนหลังรถตำรวจ ในช่วงขณะนี้ เขาไม่หวั่นเกรงและก็ไม่หวาดกลัวสิ่งใด มีแม้กระทั่งความพร้อมจะทำลายแล้วปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรมด้วย
ถ้าทั้งหมดนี้เป็นเพียงกระเป๋าใบหนึ่งเท่านั้นจริงๆ
อย่างนั้น ผมก็จะบ้าไปพร้อมๆ กันเลย
แทนที่จะปล่อยให้ผมทนทุกข์ทรมานเพียงลำพัง สู้ปล่อยให้ทุกคนต่างก็ทำร้ายกันไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ
สวีต้าชวนยังคงตะโกนแหกปากและกระโดดเร่าๆ รถตำรวจแล่นมาหยุดอยู่ข้างๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายลงมาจากรถ เป็นไปได้ว่าพวกเขากำลังลาดตระเวนอยู่หรือบังเอิญขับผ่านมา แต่พวกเขาก็ยังลงจากรถเพื่อตรวจสอบสถานการณ์
เมื่อตำรวจเดินเข้ามา ทันใดนั้นสวีต้าชวนก็สงบลง เขามองโจวเจ๋อด้วยสายตาอาฆาตแล้วสลับไปมองตำรวจ
เขาเริ่มเข้าไปหาตำรวจทันที
แต่โจวเจ๋อที่ไพล่มืออยู่ด้านหลังนั้น เล็บทั้งสิบได้งอกยาวเต็มที่แล้ว กลุ่มมวลรัศมีสีดำยังคงลอยวนรอบๆ นิ้วทั้งสิบของเขา
เมื่อหลับตาลง รูม่านตาดำลึกเข้าไป ราวกับว่ามีกระแสสีดำทะมึนไหลเชี่ยวกรากอยู่
ชั่วขณะ ดูเหมือนว่าโจวเจ๋อจะค่อยๆ สัมผัสถึงความรู้สึกของการอยู่บนดาดฟ้าในวันนั้น และราวกับว่าตัวเองถูกสังคมและถูกชีวิตทอดทิ้งไปจนหมดสิ้น
ความรู้สึกเหงาและไร้หนทางแบบนี้ ความอดกลั้นที่สะสมอยู่ในส่วนลึกของจิตใจถูกปลดปล่อยออกมาไม่ยั้ง
ผมเป็นยมทูต ผมเคยตายไปแล้วครั้งหนึ่ง ผมฝึกเจริญสติตัวเอง แต่ไม่ชอบที่ต้องอดทนอดกลั้นเอาเสียเลย
หากมีพายุฝนที่ซัดโหมกระหน่ำใกล้เข้ามา อย่างนั้นผมก็คงจะอยู่ท่ามกลางพายุฝนนี้ ปล่อยตัวไปตามใจสักครั้งแล้วกัน
เมื่อก่อนโจวเจ๋อมักจะหวาดกลัวมาโดยตลอด เขากลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นเหมือนกับคนหรงเฉิงคนนั้น กลายเป็นตัวอย่างของการโดนกักขัง
แต่ในบางครั้ง ก็ยากที่จะควบคุมตัวเองเหลือเกิน
แน่นอนว่าสิ่งที่ควบคุมได้ยากกว่าคือกระแสน้ำวนรอบๆ ตัวคุณ มันจะผลักดันคุณ ยุยงส่งเสริมคุณ และบังคับคุณให้ลงเหวไปทีละก้าว ทีละก้าว
“เกิดอะไรขึ้น” ตำรวจนายหนึ่งเดินไปด้านหน้าสวีต้าชวน และตำรวจวัยกลางคนอีกนายหนึ่งมองไปที่โจวเจ๋อ
ตำรวจวัยกลางคนสัมผัสได้ถึงอันตรายจากตัวโจวเจ๋อตามสัญชาตญาณ นี่เป็นสัมผัสที่หกที่เขาพัฒนาจากประสบการณ์การเป็นตำรวจมาหลายปี
ถึงชายหนุ่มตรงหน้าตัวเองคนนี้จะผอมแห้งไปนิดและก็ดูอ่อนปวกเปียกไปหน่อย อีกทั้งเขายังหลับตาอีกด้วย แต่ตำรวจวัยกลางคนคนนี้กลับมีความรู้สึกแห้งผากที่ริมฝีปาก
ถ้าพูดออกมาก็จะน่าอายนิดหน่อย ในตอนนี้เขากลับมีความรู้สึกประหม่าอยู่เล็กน้อย
‘เฮ้ เป็นบ้าอะไรเนี่ย ฉันจะประหม่าไปทำไม’
“ไม่มีอะไร ผมดื่มเหล้าไปนิดหน่อย กำลังอบรมสั่งสอนเด็กมันน่ะ เด็กไม่เชื่อฟังจะหย่ากับภรรยา ก็ต้องสั่งสอนเขาเสียหน่อย!”
สวีต้าชวนพูดด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ
ตำรวจสองนายมองหน้ากัน เป็นเรื่องในครอบครัวนี่เอง อย่างนั้นพวกเขาก็ไม่เข้าไปยุ่งแล้ว ทั้งสองจึงกลับเข้าไปในรถทันทีและขับรถตำรวจออกไป
ตำรวจวัยกลางคนหันศีรษะกลับไปมองข้างหลังอีกครั้ง
“พี่ชุย มองอะไรน่ะ”
“ไม่มีอะไรหรอก”
ตำรวจวัยกลางคนนั่งตัวตรงพลางส่ายหน้า
ริมถนน
สวีต้าชวนหันกลับไปมองโจวเจ๋ออีกครั้ง
“ขาก…ถุย!”
เขาถุยเสมหะเหนียวข้นลงบนพื้นอย่างหนักหน่วง
เมื่อสักครู่โวยวายจะไปแจ้งตำรวจ แต่สวีต้าชวนที่จะแจ้งจับโจวเจ๋อกลับไม่ได้ทำ
ในฐานะพ่อที่สูญเสียลูกไป เขาไม่กล้าไปแจ้งความไม่ได้เป็นเพราะกังวลว่าตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แต่พูดได้แค่ว่า ช่วงระยะหัวเลี้ยวหัวต่อตอนนั้น เขาใจอ่อนลงแล้ว
“ทางที่ดีที่สุดนายหาคนมาฆ่าฉันไปด้วยเลยสิ อย่างนี้จะได้ไม่มีใครรู้ว่าก่อนหน้านี้นายทำเรื่องอะไรลงไปบ้าง!”
สวีต้าชวนคำรามเสียงต่ำ
ลูกชายของเขาเสียชีวิตไปแล้ว และเขาก็จะไม่ยอมส่งหลานชายคนนี้ไปลานประหาร ไม่อย่างนั้นฟางเส้นสุดท้ายของตระกูลเขาจะต้องขาดลง
ความคิดของเขาช่างเรียบง่ายเหลือเกิน
เรียบง่ายมากจริงๆ
ภรรยาของหลานชายเขามีคนที่ชอบพออยู่แล้วที่ข้างนอกนั้น ก็เลยช่วยกันฆ่าชายคนนั้นทิ้ง!
ในตอนนี้ลูกชายของเขาก็เสียชีวิตไปแล้ว ไม่สามารถปล่อยให้ตระกูลสวีของเขาไร้ทายาทอีก
ยิ่งใหญ่มากเลยหรือ
ใช่ ยิ่งใหญ่มาก
แต่ในมุมมองของโจวเจ๋อนั้น มันกลับน่าขยะแขยงสิ้นดี
สวีต้าชวนกำลังจะก้มลงไปเก็บกล้องยาสูบของตัวเอง เขาเตรียมจะจากไปและกลับบ้าน เขาครุ่นคิดอยู่นาน และโกรธอยู่นาน แต่ในเวลานี้ เขาก็ยังไม่มีความกล้าที่จะลากสวีเล่อลงไปฝังไว้กับลูกชายของเขาจริงๆ
แต่ทว่ากล้องยาสูบของสวีต้าชวนกลับถูกโจวเจ๋อเหยียบจมมิดใต้ฝ่าเท้า
สวีต้าชวนเงยหน้าขึ้น และอึ้งไปเล็กน้อย
โจวเจ๋อก้มลงไปหยิบด้ามกล้องยาสูบช้าๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล